6 ก.ค. 2022 เวลา 12:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ถ้าสหรัฐฯ เกิด Recession ครั้งนี้อาจ “เจ็บน้อย แต่เจ็บนาน”
หลายคนมีความกังวลว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่อาจจะเกิดขึ้นจากวิกฤติในครั้งนี้ จะรุนแรงเหมือนตอนที่เกิด 'วิกฤตการเงินครั้งใหญ่' หรือไม่ ? โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่า โอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะไม่รุนแรงเหมือนตอนวิกฤติการเงิน แต่อาจต้องเผชิญในรูปแบบของระยะเวลาที่ยาวนานแทน
📌 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ เริ่มใกล้เป็นจริงขึ้นมาทุกที
จากข้อมูลของ Atlanta Fed’s GDPNow ซึ่งเป็นมาตรวัดดัชนีทางเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์ พบว่า ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 นี้ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะหดตัว 2.1% และเมื่อรวมกับการหดตัวในไตรมาสแรกที่ได้หดตัวไปแล้ว 1.6% จะทำให้สหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างสมบูรณ์
📌 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในครั้งนี้ จะเหมือนครั้งก่อนๆ หรือไม่ ?
มีการคาดการณ์จากหลายๆ ฝ่าย ว่า การหดตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้จะมีความรุนแรงน้อยกว่าช่วงวิกฤติทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2007-2009 และจะไม่รุนแรงเหมือนตอน Stagflation ปี 1980
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ความรุนแรงของ recession ที่อาจเกิดขึ้นในครั้งนี้จะไม่มาก แต่สหรัฐอเมริกาอาจต้องอยู่กับ recession ในระยะเวลาที่ยาวนาน นั่นก็เป็นเพราะว่า อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น อาจทำให้ธนาคารกลางของสหรัฐต้องต่อสู้กับเงินเฟ้อ และจะไม่สามารถเปลี่ยนนโยบายการเงินได้ภายในระยะเวลาเร็วๆ นี้
โดยนักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ กล่าวว่า ข่าวดีของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในครั้งนี้ คือ มันจะไม่รุนแรง แต่ข่าวร้าย คือ มันอาจจะยืดเยื้อ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามาดูสถิติของการเกิดเศรษฐกิจถดถอยนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เราจะพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว เศรษฐกิจหดตัวประมาณ 2.5% อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 3.8% ผลกำไรของบริษัทลดลงราว 15% ระยะเวลาในการเกิด recession เฉลี่ยประมาณ 10 เดือน
โดยปกติแล้ว ความรุนแรงและระยะเวลาของภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่วนใหญ่จะถูกกำหนดโดยอัตราเงินเฟ้อและความเจ็บปวดที่ธนาคารกลางยินดีที่จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเพื่อลดระดับเงินเฟ้อให้ลงมาสู่จุดที่ยอมรับได้
ซึ่งในครั้งนี้ ก็ได้มีการเตือนจาก นักเศรษฐศาสตร์หลายฝ่าย และอดีตรองประธาน Fed ว่า การจะลดเงินเฟ้อให้กลับมาสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% อาจต้องยอมให้เศรษฐกิจหดตัว และ อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น
ล่าสุด นักเศรษฐศาสตร์จาก Bloomberg ก็ยังออกมาบอกอีกว่า Fed จะไม่หยุดจนกว่าจะเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นหมายความว่า Fed อาจทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะอ่อนแอ และระยะเวลาของการเกิด recession อาจยืดเยื้อมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีการคาดการณ์ว่า recession ที่อาจเกิดขึ้นในครั้งนี้ จะไม่เลวร้ายเท่ากับช่วงต้นทศวรรษ 1980 หรือวิกฤติการเงินในปี 2007-2009 ซึ่งเป็นตอนที่การว่างงานเพิ่มสูงขึ้นเป็นตัวเลข2 หลัก
แต่สำหรับปีนี้ ภาคการจ้างงานนั้นแข็งแกร่ง เพราะถ้าเราดูตัวเลขการว่างงานนั้นลดลงเรื่อยๆ และ คงที่ที่ 3.6% มาตั้งแต่เดือน มีนาคม 2022
นอกจากนี้ ตัวเลขอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ ก็ยังไม่ได้ฝังรากลึกเหมือนในช่วง ปี 1979 และ ดัชนีอื่นๆ เช่น ตลาดที่อยู่อาศัย ต่างก็อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างดีกว่างในช่วงเศรษฐกิจถดถอยตอนปี 2007-2009
แต่ก็ยังมีประเด็นให้น่ากังวล เช่น ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ที่ทำให้ Fed ไม่สามารถคุมเงินเฟ้อไว้ในระดับที่ต้องการได้ สหรัฐอาจต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ไม่รุนแรงแต่ต้องเผชิญไปอย่างยาวนาน
ผู้เขียน : ณิศรา วาดี Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References :
โฆษณา