7 ก.ค. 2022 เวลา 07:08 • ไลฟ์สไตล์
เด็กขี้เหงา กับ เชี่ยงชุน
' เล่นได้...หมาไม่กัด '
ประโยคคลาสสิคที่มักจะได้ยินจากเจ้าของของสุนัก ที่เจ้าของแต่ละคนมักจะรู้จักนิสัยของสัตว์ที่ตนเลี้ยงอย่างแน่นอน แล้วเราควรจะเชื่อประโยคเหล่านี้จริงๆหรือ
วันนี้มีความทรงจำเกี่ยวกับคำนี้มาเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไป...เมื่อราวๆ 8 ถึง 9 ขวบได้
ยังคงเป็นเด็กตัวเล็ก และผอมจนจะปลิวตามลมได้หากพัดแรงๆ
เป็นช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมใหญ่ ซึ่งมักจะมีเวลามากๆจนน่าเบื่อ เรามักจะคิดถึงวันที่เปิดเทอม อยากไปเจอเพื่อน อยากไปสนุกที่โรงเรียนมากกว่าอยู่กับบ้านเป็นเวลานานๆหลายเดือนแบบนี้ และที่สำคัญ ไม่ได้ตั้งใจเพื่อไปเรียนนะ แค่อยากเล่นกับเพื่อนมากกว่า
ในวัยเด็กขนาดนั้นมักจะถูกผู้ปกครองที่บ้านพาไปที่นู้นที ที่นั้นทีตามงานเทศกาลแห่งการพบญาติต่างๆที่เกิดขึ้น ความสมัครใจของเด็กในเวลานั้นคือไม่เคยมีเลยแต่ก็ต้องตามไปอย่างเสียไม่ได้เสมอๆ
จนกระทั่ง...การไปบ้านญาติคนหนึ่ง เป็นบ้านที่มีบริเวญกว้างขวาง และที่ท้ายสุดของพื้นที่ได้มีการปลูกบ้านเช่าให้คนมาเช่า ลักษณะของบ้านเช่าตรงนั้นเป็นไม้ ชั้นเดียว สร้างลอยตัวอยู่บนคลองเล็กๆที่ไม่สะอาดเท่าไหร่ มีประมาณ 5 ห้องได้และคนก็เช่าเต็ม
ด้วยความเบื่อของเราที่เกิดขึ้นในเวลานั้น และต้องอยู่หลายวัน หากจำไม่ผิดก็ประมาณ 7 วันได้กว่าที่บ้านจะมารับกลับไปอีกที แถมเด็กแถวนั้นก็เหมือนไม่ค่อยจะมี หรืออาจจะมีก็ไม่รู้เ พียงแต่เราไม่เคยออกไปนอกบ้านญาติเลย
เดินเล่นก็แล้ว ดูทีวีก็แล้ว แต่มันก็น่าเบื่อมากๆสำหรับเด็ก ถามว่าญาติที่เป็นเด็กเหมือนกันมีมั้ย คำตอบก็คือมี แต่เขาก็ไม่ได้มาอยู่บ้านญาติแบบเราในเวลานั้น เราจึงมีเพียงญาติที่เป็นพี่ที่โตแล้ว เขาก็ไม่ค่อยเล่นกับเด็กเท่าไหร่
เราเลยทำได้เพียงนั่งๆนอนๆ และเดินเล่นเรื่อยๆเปือยรอบๆบ้านไป ขุดคุ้ยอะไรเล่นไปเรื่อย ขอให้วันเวลาผ่านไปโดยเร็วเพื่อจะได้กลับบ้าน
จนวันหนึ่งวันที่เกิดเรื่อง เกิดราวขึ้น วันนั้นน่าจะเป็นวันเสาร์แน่ๆ เพราะเป็นวันที่คนงานที่เช่าบ้านอยู่ต่างไม่ได้ไปทำงาน ปกติเรามักจะไม่เจอพวกเขาหากไม่ใช่ตอนเย็น แต่วันนี้เป็นช่วงเช้าที่พวกเขานั่งอยู่หน้าบ้านกันส่วนใหญ่ เอาของมากิน และพูดคุยแบบสบายๆ
โดยปกติญาติของเราก็เคยบอกแล้วอย่าเดินมาทางด้านหลังบ้าน เพราะมันทั้งรกและเป็นพื้นที่เช่าของคนงาน แต่เราไม่เคยเชื่อฟังไง เดินเล่นมาเรื่อยๆตลอดเหมือนทุกวัน และวันนี้ก็เช่นกันที่เดินมาเจอคนงานกำลังพักผ่อนกันอยู่
พวกเขาทักทายเป็นมิตรกับเด็กและชวนเราเข้าไปกินส้มตำด้วยกัน แต่เราไม่กล้าที่จะเข้าไปเพราะถูกสั่งเอาไว้ แต่สนใจสิ่งๆหนึ่งเข้าที่นั่งติดกับคนงานก็คือสุนัขสีขาว
นวลๆ หม่นนิดๆเกือบสีเทาแต่ก็ยังตัวขาวอยู่ รูปร่างใหญ่ หน้าตาเป็นมิตร หางของมันส่ายไปมาเป็นสัญญาณว่า " เข้ามาสิ มาเล่นด้วยกัน อย่ากลัว! "
แม้ว่าจะกล้าๆ กลัวๆ แต่ด้วยเป็นคนที่รักสุนัขตั้งแต่เด็ก จึงเอ่ยถามเจ้าของไปถึงชื่อของสุนักตัวนั้นออกไป เจ้าของเป็นผู้หญิงที่ชวนเรากินส้มตำ เธอลูกหัวมันและบอกว่า " ชื่อเชี่ยงชุน "
สายตาของเชี่ยงชุนจับจ้องมาที่เราในเวลานั้น ขณะที่เรารักษาระยะห่างเอาไว้ แต่มันก็เชื้อเชิญให้เขาไปหามันตลอดเวลา ทั้งส่งเสียงครางหงิงๆเบาๆ ท่าทางของมันจากที่นั่งอย่างสงบเปลี่ยนเป็นอยากลุกขึ้นและเดินมาหาเราแต่ก็ติดตรงที่คอของมันถูกล่ามเอาไว้อยู่ จึงทำให้ไปไหนไม่ได้ไกลจากประตูบ้าน
เมื่อเจ้าของเห็นแบบนั้น ความอยากเล่นของเราและความอยากเล่นของสุนัขของเขา เธอจึงบอกถึงความใจดีของเชี่ยงชุน เพื่อให้เราเข้ามาเล่นได้ มันไม่กัด ไม่เคยกัดใครเลย
แค่ฟังเท่านั้นจิตใจก็พุ่งไปกอดเชี่ยงชุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ร่างกายนั้นค่อยๆก้าวไปอย่างระมัดระวัง แถมก่อนที่จะเข้าไปถึงเชี่ยงชุนอีกไม่กี่ก้าวแล้ว เราก็ยังถามคำถามเดิม คำถามที่ถามหลายรอบแล้วว่า " มันไม่กัดใช่มั้ย? " เจ้าของยิ้มสวยๆเหมือนเดิมพร้อมกวักมือ " มันไม่กัดหรอกจ้า มาเล่นได้เลย "
เอาแหละ...ถึงตัวเชี่ยงชุนเป็นที่เรียบร้อย มันสวยมากจากมุมใกล้ขนาดนี้ แต่ตัวก็ใหญ่กว่าเราในเวลานั้นเช่นกัน ขนมันก็สวย สะอาด คงอาบน้ำบ่อยแน่ๆ ส่วนเจ้าของก็เชียร์ให้เราลูบหัวมันเลย ก็เอาสิ...ลูบก็ลูบ เราค่อยๆเอื้อมมือไปลูบหัว
เชี่ยงชุนอย่างเบามือ ซึ่งก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เรามีความสุขที่ได้เจอหมาสวยๆแบบนี้ รอยยิ้ม ความสุขทางใจเกิดขึ้นแทนความเบื่อหน่ายทันที
แต่...เรื่องก็พลิกทันทีเมื่อการสัมผัสจบลง เหมือนเชี่ยงชุนอนุญาติให้จับแค่นี้ จากหางที่สบัดไปมาด้วยความร่าเริงหยุดนิ่ง แววตาที่ดูสดใสเปลี่ยนแปลงเป็นสายตาที่จ้องเอาเรื่อง ทันใดนั้น...มันก็เอาอุ้งมือที่ทรงพลังพร้อมเล็บของมันเข้ามาตบที่หน้าแก้มข้างขวาของเรา
ความรวดเร็วของร่างกายเพื่อเอาชีวิตรอดในเวลานั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะถูกโจมตีแต่เราก็ถอยออกมาได้ทัน เพราะหากยังอยู่ที่เดิม เราอาจโดนมากกว่านั้น เพราะหลังจากที่เราถอยออกมาได้แล้ว เสียงเห่าของเชี่ยงชุนดังมากๆ มันดูหงุดหงิด เกี้ยวกาจ ดุร้าย แยกเขี้ยวอยากจะกัดเราให้ได้ แต่ติดตรงที่ถูกล่ามไว้
ความตกใจ ค่อยๆหายไป แทนที่ด้วยความเจ็บแสบทันที เราเอามือจับที่แก้มที่ถูกตบ มีเลือดไหลและบาดแผลเป็นลอยยาวจากเล็บของเชี่ยงชุน น้ำตาของเราไหลออกมาทันทีด้วยความหวาดกล้ว ไม่จบแค่นั้น ฟันที่ผุอยู่ในเวลานั้นถูกแรงตบของเชี่ยงชุนทำให้มันหลุดออกมาได้อย่างพอดี เหมือนมาหาหมอฟันเพื่อถอนฟัน
เชี่ยงชุนถูกเจ้าของกระหน่ำตีอย่างรุนแรง พวกเขาแตกตื่นกันมาก รีบเข้ามาช่วยเหลือเราที่นอนเจ็บอยู่ตรงนั้นและรีบนำตัวเราออกจากบริเวณนั้นแล้วส่งให้ญาติของเราทันทีพร้อมกล่าวขอโทษถึงเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเจ้าของเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ และเรื่องก็จบลงด้วยดี
แต่เหตุการณ์นี้สอนอะไรเราบ้าง ...สอนสิ สอนว่าอย่าเชื่อคำพูดของเจ้าของสุนัขตัวไหนๆก็ตาม แม้ว่าเจ้าของจะการันตีขนาดไหนว่าสุนักไม่กัดเอย ไม่ดุเอย ก็อย่าเชื่อเขาทั้งหมด *เพราะสุนัขอาจไม่กัดเจ้าของแต่อาจจะกัดคนอื่นก็ได้นะ ให้ระวังเอาไว้ก่อน และชื่นชมอย่างมีสติ ไม่งั้นอาจจะถูกสุนัขถอนฟันให้ได้ .
หากชอบเรื่องราวฝากกดไลค์ แชร์ ติดตาม หรือพูดคุยติชม พร้อมน้อมรับฟังคำติชมเพื่อปรับปรุงการเล่าให้ดีขึ้นในครั้งถัดๆไป ขอบคุณจ้า
#ติดอยู่ในความทรงจำ
โฆษณา