11 ก.ค. 2022 เวลา 07:00 • ปรัชญา
ที่อายุมากขึ้น วันเวลาที่เราผ่านมา เราก็ใช้กายไปทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ สาระพัดเรื่องราวจดจำไม่หวาดไม่ไหว ใช้วิญญาณตา ไปดูไปจดไปจ้อง สิ่งของที่อยากได้ สิ่งที่เสาะแสวงหา ให้มีสุขใจ สุขที่อารมณ์ส่งให้ว่าเป็นสุข สุขประเดี๋ยวเดียว แล้วอารมณ์ที่เกิดขึ้นมาจางหายไป เหลือเป็นความทรงจำเป็นอารมณ์ เมื่อนึกถึงมันก็มา ไม่นึกถึงมันก็มา แต่เป็นเพราะความยึดถือ..จิตมันยึดทุกข์สุขของอารมณ์ โดยแยกแยะไม่ออก
ยิ่งอายุมากขึ้น มันก็เลยมีแต่การสะสม สะสมกองทุกข์ น้ำหนักของกองทุกข์มันก็กดลงมา เหมือนคนแบกของหนัก ก้าวขาไม่ไหว ปวดแข้งปวดขา สมองก็มึนงง หายใจก็ติดติดขัด ไม่สะดวกสบาย ร่างกายจิตเราอาศัยอยู่ มันก็เหมือนตึกรามบ้านช่อง พออาศัยอยู่ไปนานๆ สิ่งนั้นสิ่งนี้มันก็เสื่อมโทรม
แม้แต่เหล็กที่วางไว้เฉยมันก็ยังเกิดสนิมขึ้นมากัดกินให้ผุกร่อน ไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ ร่างกายของเราก็เหมือนกัน มีธาตุดินน้ำลมไฟประกอบกันขึ้นมา ให้ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ไปนานๆ ใช้อย่างเดียว นานไปมันก็ผุกร่อน
เหมือนกับหลังคาสังกะสี ผ่านน้ำฝน แดดร้อน ไปไม่กี่สิบปี ก็ยังผุพังฉีกขาดได้ วิญญาณทั้งหก เราใช้มองนั้นมองนี่ สอดส่องหากรรม เสียดสีด้วยอารมณ์ ใช้ตามานาน ใช้ไปตามอารมณ์กรรมที่เกิดขึ้น ตานั้นก็ผุกร่อนเกิดขึ้นได้ ร่างกายของเรามันก็ประกอบด้วยธาตุสี่ กายก็ต้องเสียดสี ลมแดดลมฝน ร้อนหนาวมานาน มันก็เสื่อมโทรมเป็นธรรมดา
เมื่อกายมันเสื่อมโทรม เมื่อกายก็ต้องมีสภาพของทุกขเวทนาเกิดขึ้น จากธาตุที่มันเสื่อมลง อารมณ์นึกคิดอะไรมันกเสื่อมลง เสื่อมยศเสื่อมลาภเสื่อมๆลงไป จิตมันก็ยังยึด ยึดในกายที่เสื่อมโทรมลงไป นั้นแหละมันก็เลยมีแต่กรรม กายแก่ จิตแก่..แก่เวรแก่กรรม ทุกข์ทรมานก้ด้วยกรรม ก่อนสังขารนี้ดับลงไป
กายเสื่อมลงไปๆ เราจะรักษาจิตของเราอย่างไรดี ให้มีความสุขอาศัยอยู่ในกายที่เสื่อมโทรมลงไปๆ ที่สุดกายนี้ ก็ต้องสลายหายไปจากโลก ดินไปน้ำไปไฟไป ลมก็ไป จิตก็ต้องออกจากสังขารได้อะไรไปกับจิตที่เกิดมาชาติหนึ่ง หมดไปชาติหนึ่ง ชาติต่อไป ก็ไม่รู้ว่าจะไปอาศัยที่ไหน บุญกุศลเค้าบอกว่าทำได้
เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ มีกายที่แข็งแรง แล้วเรากระทำขึ้นมาแล้วหรือ ให้กายนี้ ประกอบขึ้นมาด้วยบุญ จะได้เป็นที่พักพิงให่แก่จิต เมื่อออกจากสังขารนี้ไป ใครจะทำหรือไม่ทำ พอกายเวลาล่วงเลยไป อายุมากขึ้น กายนั่นก็เป็นแต่กายของกรรม ก็ต้องรับทุกข์ทรมานในสิ่งที่ตนกระทำสะสมมา
โฆษณา