12 ก.ค. 2022 เวลา 04:04 • ความคิดเห็น
"ยังไม่พอ...หรือยังไม่กำหนดเส้นที่พอ"
วันนี้ขอหยิบยกคำว่า "พอเพียง" มาเล่าสู่กันฟังครับ
พอเพียง ไม่ได้แปลว่า ไม่สู้ ไม่พยายาม หรือไม่ทะเยอทะยาน นะครับ
เคยได้ยินคนพูดว่า คิดพอเพียงก็ไม่ต้องพัฒนาไปไหนกันพอดี เขาน่าจะเข้าใจผิดไป
คำว่า "พอเพียง" หมายถึง "รู้จักพอ" แค่นั้นเอง ก็คือรู้จักหยุด วางเป้าหมายแล้วก็รู้ตัวว่าถึงเป้าแล้ว
ฟังดูขำๆ มีด้วยเหรอ ถึงเป้าแล้วไม่รู้ตัว แต่เรื่องจริงมีเยอะนะครับ มันหลงลืมกันไปได้ เพลินไปหน่อย
มีเงิน 5 หมื่นบาทก็รู้สึกพอแล้วได้ ในทางกลับกัน มี 5 แสนก็อาจยังรู้สึกไม่พอก็ได้
เรียนได้ 2.5 ก็รู้สึกพอแล้วได้ ในทางกลับกัน เรียนได้ 3.5 ก็อาจยังรู้สึกไม่พอก็ได้
ขับโตโยต้า ก็รู้สึกพอแล้วได้ ในทางกลับกัน ขับปอร์เช่ ก็อาจยังรู้สึกไม่พอก็ได้
สังเกตว่า คำว่าพอเพียง เป็นเส้นที่ขีดไว้ให้เรารู้ว่า เราควรจะหยุดที่ตรงไหน พอได้หรือยัง สูงก็ได้ ต่ำก็ได้
คนไม่พอเพียง ก็คือไม่มีเส้น ไม่มีเป้า จะอยากได้อีกไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด ไม่เคยสงบ ไม่เคยพอ ถึงพอใจก็ไม่ยั่งยืน
นึกถึงคุณฐิตินาท ที่เขียนไว้ในหนังสือ "เข็มทิศชีวิต" ชอบมาก
เขาบอกตอนเรารายได้เท่านี้ เราก็ใช้ชีวิตไปได้ ทุกอย่างเป็นตามอัตภาพ ฝันขอได้รายได้เพิ่มเป็นเท่านั้นก็พอแล้ว
แต่พอมีรายได้เพิ่มเป็นเท่านั้นจริง ความอยากก็ดันโตไปอีก การกินอยู่ก็ดูจะปรับโตตาม ก็เลยกลายเป็นไม่พออีก
ต่อให้รายได้เพิ่มไปอีกเท่าไหร่ แต่ความอยากมันโตเร็วกว่ามาก (แน่ล่ะ มันโตง่ายกว่ารายได้เยอะ) สุดท้ายก็อยู่ในวังวนแห่งความไม่พอไปเรื่อยๆ
คิดเล่นๆ ถ้าตอนรายได้ไม่เยอะ เรากินบะหมี่เกี๊ยวในตลาดชามละ 40 บาท มีความสุขดีแฮปปี้จะตาย
แต่พอรายได้เราเพิ่มขึ้น ดั๊นรู้สึกว่าบะหมี่เกี๊ยวนั้นไม่โอเค เราขยับขึ้นไปกินห้าง มีแอร์ มีพนักงานเสริฟ
รถที่ขับอยู่เริ่มไม่ดีพอ แฟนที่มีอยู่เริ่มไม่ดีพอ บ้านที่อยู่เริ่มไม่ดีพอ ไปจนถึงพ่อแม่ที่มีอยู่เริ่มไม่ดีพอ (อาย ไม่กล้าให้เพื่อนเจอ)
ซึ่งคำว่าไม่ดีพอนั้น เราเลือกจะคิดอย่างนั้นเอง เราปล่อยให้ค่านิยมในสังคมมาชี้นำครอบงำตัวเราเอง
อะไรดีพอหรือไม่ดีพอ วัดจากไหน จากใจเราหรือใจคนอื่น จากความรู้สึกเราหรือความรู้สึกคนอื่น
วิ่งตามคนอื่นมีทางสิ้นสุดหรือ มีทางทำให้ทุกคนพอใจได้หรือ ถ้าใจเราว่าดีพอแล้วคนอื่นมายุ่งอะไรได้ ชีวิตเป็นของใครหนอ
ดังนั้น ถ้าใครซักคน รายได้เพิ่มไปเท่าไหร่ก็ยังกินบะหมี่เกี๊ยวในตลาด 40 บาทอยู่อย่างนั้นไปตลอด เขาคือเศรษฐีเลยล่ะ
เพราะส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น คือกำไรชีวิต ใช้เงินทุกอย่างเท่าเดิม ส่วนเพิ่มไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดี ดูล่ำซำดีจัง น่าอิจฉา
กลับกันนะ อีกคนรายได้เพิ่มมากกว่า แต่ความอยากดันโตแซงไปอีก เปลี่ยนไปกินหรู รถแพง ได้แค่ภาพลักษณ์ดีๆ
แต่ลับหลังกระเบียดกระเสียน เขียมทุกอย่าง จอดรถหรูไว้บ้านไม่มีเงินซ่อม ดูยาจกกว่าคนแรกเยอะเลย
พี่แอ๊ด คาราบาวเขียนไว้ว่า รวยน้ำใจใครจะว่ายากจน คนจนผู้ยิ่งใหญ่ หรือ ทุกข์ที่เกิดซ้ำเพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข
อย่างในปรัชญาพอเพียง ก็ไม่ยากไม่ซับซ้อน มีหลัก 3 ตัวง่ายๆคือ
1.ความพอประมาณ คือรู้จักความพอดี ไม่น้อยไปหรือมากไป ไม่อดข้าวแต่ก็ไม่ต้องกินหรู ข้าวแกงก็มีวิตามิน ถูกลิ้นอร่อยเหมือนกัน
2.ความมีเหตุผล คือใช้เหตุผล อย่าใช้ความรู้สึกนำ ตอบตัวเองได้ทำอะไรเพราะอะไร ไม่ใช่หลงทำอยู่เป็นนานเพราะสังคมพาไป
3.การมีภูมิคุ้มกันที่ดี คือกล้ายอมรับผลที่จะตามมา ต้องกล้าแตกต่างในสิ่งดี ส่วนใหญ่ไม่ได้แปลว่าถูก ถ้าเห็นว่าดี ยืดอกภูมิใจ อย่าได้แคร์ใคร
หากทำได้ จะได้รับผลสุดท้าย 3 อย่าง คือ สมดุล / มั่งคง / ยั่งยืน โอ้โห อยากได้ทั้ง 3 คำเลย
เชื่อจริงๆ ว่าหากใครยึดหลักพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน จะมีความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้จะแตกต่างจากชาวบ้านบ้าง แม้ไม่มีวัตถุมาอวดโชว์คนอื่นบ้าง ภายนอกดูไม่เทรนด์แต่ภายในมันเต็มเปี่ยม ไม่ขาด ไม่กลวง
รู้จักพอ รู้จักหยุด ครอบครัวแข็งแรง จิตใจผ่องแผ้ว มีสมดุล มีความมั่นคง ทุกอย่างยั่งยืน อะไรจะดีไปกว่านี้อีกหนอ
อยากให้ทุกคนได้พกพาความพอเพียงติดตัวไปใช้ในชีวิตของเรากันนะครับ
โฆษณา