17 ก.ค. 2022 เวลา 01:21 • ปรัชญา
การที่คนเรามีวิญญาณหก การสัมผัสรับรู้ต่างๆ การใช้วิญญาณทั้งหก กายเคลื่อนที่ เคลื่อนไหว ไปด้วยอารมณ์นึกคิดที่ปรุงแต่งขึ้นมาในกายนี้ ล้วนถูกเก็บบันทึกลงไปกับธาตุทั้งสี่ที่ประกอบขึ้นมาเป็นเรือนกาย ที่มีธาตุพ่อแม่เป็นต้นกำเนิด
เรื่องของธาตุทั้งสี่ ดินน้ำลมไฟ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นเรือนกายที่รวบรวมกรรม ที่เคยกระทำไว้ มาประกอบเป็นเรือนกาย มีอาการครบสามสิบสอง หรือ ไม่ครบ หรือ เมื่อใช้ไปอาการที่ว่าครบสามสิบสองค่อยๆขาดหายไป การใช้ร่างกายก็เกิดความลำบากเดือดร้อน ในการที่จิตยังต้องอาศัยกายอยู่ ไปจนหมดลมหายใจ นั่นก็เป็นเรื่องราวของจิต ที่อาศัยเรือนกานนี้ มีอัตตาเป็นอารมณ์รักชีวิตของตน ที่จะต้องดูกายของตนเองให้เป็น เพราะต้องใช้กายนี้ไปตลอดอายุขัย
เมื่อจะวัดดีชั่ว ของคน นั้นเราไม่ สามารถไปวัดดีชั่ว สอดรู้สอดเห็นเรื่องดีชั่วของ
ใครได้เลย ดูพวกโจร..เวลามันอยู่กับบ้าน พี่น้องพ่อแม่ เค้าก็รักพ่อแม่ ลูกเมีย เค้าก็เป็นคนดี แต่เวลาออกจากบ้าน ไปปล้นเงินทอง เค้าก็เป็นคนชั่ว คนดีคนชั่วมันมีอยู่ในตัวตน ในเรือนกายของทุกคน อยู่ที่ว่า จิตของคนนั้น จะเอานิสัยพฤติกรรม เหตุผลดี ..เอามาใช้ ให้มีกิริยากายวาจาใจ เป็นคนดีหรือไม่ แล้วเราก็ยังไม่สามารถอ่านจิตของตัวเองได้ แล้วเราจะไปอ่านเรื่องดีชั่วของจิตผู้อื่นได้อย่างไร
ย้อนกลับมาเรื่องราว การบันทึก จดจำ..ที่อยู่กับธาตทั้งสี่ ที่ประกอบเป็นเรือนกาย อยู่ๆเราก็นึกเรื่องราวตอนเป็นเด็กๆ ทำอะไรบ้าง ..นั้นก็เรื่องราวที่เราเก็บสะสมบันทึกไว้ มันเก็บสะสมบันทึกทุกอย่างที่เราใช้กายนี้ ใช้วิญญาณหก ไปดู ไปฟัง มีอารมณ์นึกคิดอะไรเกิดขึ้น ทั้งดีทั้งชั่ว ก็เก็บไว้กับธาตุสี่ คือกายนี้ บันทึกลงไปธาตุสี่ เหมือนสี่ที่ทาลงพื้นทับซ้อนลงไป สีดำสีม่วง สีน้ำตาย สีเวรกรรม ที่จะสีเหล่านี้ จะติดตามไปกับจิต .เป็นหลักฐานว่า จิตนั้นมีกรรม กรรมที่ถ่วงจิตไปสู่สถานที่ทุกข์ หรือ ไปสู่สถานที่ที่สุข
เรือนกายสังขารมนุษย์ ที่จิตมาอาศัยอยู่ เป็นสถานที่ที่ ที่จะพิสูจน์จิตของตนเอง ว่าเป็นมนุษย์รู้จักดีหรือชั่ว รู้จักว่าทำชั่วไม่ดี ทำไมถึงทำ รู้จักว่าดี ทำดี ทำดีเพื่ออะไร จิตได้อะไร นั่นเป็นเรื่องของจิตแต่ละดวง จะพิจารณาเหตุผลในสิ่งกระทำใช้กายวาจาใจ สร้างกรรมดีหรือไม่ดี
ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว นั่นก็คือ กายมนุษย์เป็นกึ่งกลาง เป็นพาหนะที่จะนำพาจิต ไปสู่นรก หรือ สวรรค์ นั่นก็อยู่ที่การกระทำของตน ที่จะเป็นหลักฐานของจิต จิตมีเรื่องราวขั่วๆสะสมมา ก็ต้องไปนรก หรือ มีเรื่องราวดีๆ ดีแบบไหน แบบสร้างทานกุศลบารมี ลดละโลภโกรธหลงก็ไปสวรรค์
แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่ง ที่เราจะเอาสีต่างๆที่เป็นสี่เวรสีกรรม เอาออกไปจากธาตุทั้งสี่ ที่เค้าเรียกว่า ที่รวบรวมมากับธาตทั้งสี่ เราจะเอาออกไป จะสลัดสีต่างๆเหล่านี้ เราจะทำอย่างไร ถึงจะขจัด สีเวรสีกรรมนี้ไปได้ นั่นก็จะเป็นเรื่องของการสร้างบุญกุศลบารมี
เรื่องของการประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อสลัด ขัดสีต่างๆออกไปจากธาตุสี่ ด้วยจิตที่มีขันติบารมี ประพฤติปฏิบัติ ให้จิตมีสมาธิ มีแสงสว่าง เกิดขึ้น แล้วอาศัยจิตที่เป็นสมาธินั้นตัด กระแสของอารมณ์กรรม ที่เกิดขึ้น ตัดสลัดออกไป ด้วยจิตที่เข้มแข็งมีกำลัง ..นั่นจึงเป็นเรื่องราวที่ผู้ปฏิบัติจะรู้จักได้ด้วยจิตของตน ว่าได้ลดละอะไรไปบ้าง
โฆษณา