Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เขียนไว้ให้เธอ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
20 ก.ค. 2022 เวลา 06:19 • ความคิดเห็น
มาประกาศกิตติกรรมลงโซเชียลกันเถอะ
เราคงเคยเห็นท้ายๆของหนังสือประเภทวิทยานิพนธ์ที่จะมีบทที่เรียกว่า กิตติกรรมประกาศ ที่ไว้ขอบคุณผู้คนที่เกี่ยวข้องและได้ช่วยเหลืองานฉบับนั้นในด้านต่างๆจนสำเร็จลุล่วงมาได้ กิตติ แปลตามศัพท์ก็จะประมาณว่าคือความดีที่มีคนนึกถึง ประกาศก็เป็นการบอกให้ทราบทั่วกัน กิตติกรรมประกาศแปลตรงตัวก็คือการบอกกล่าวสรรเสริญคุณงามความดีในการกระทำของคน ในมุมงานวิจัยก็คือคนที่ได้ช่วยเหลืองานวิจัยนั้นนั่นเอง
งานวิทยานิพนธ์นั้นเป็นงานยากและต้องผ่านการตรวจสอบเยอะ การที่ได้เขียนขอบคุณคนได้ช่วยเหลือ ทางหนึ่งก็เพื่อที่จะให้บุคคลที่เสียสละมาช่วยได้รับรู้ เห็นชื่อตัวเองเล็กๆก็คงดีใจและภูมิใจที่ผู้เขียนยังระลึกถึง อีกทางก็เป็นการเตือนผู้เขียนด้วยว่างานที่ออกมาดีได้นั้น ไม่ใช่เป็นฝีมือของเราคนเดียว แต่มีบุคคลที่ปรารถนาดีมาช่วยเรามากมายกว่าจะสำเร็จขึ้นมาได้
1
ในชีวิตของคนที่โตมาประมาณหนึ่งและประสบความสำเร็จตามสมควรก็คงมีบท มีเรื่องราวคล้ายหนังสืออยู่ไม่น้อย ระหว่างทางก็มีการเรียนรู้ มีการพัฒนา ได้รับความช่วยเหลือต่างๆเช่นกัน พอเรามีชีวิตที่ดีพอสมควรแล้วและเริ่มเหลิงๆถึงความเก่งของตัวเอง ถ้าหันกลับไปคิดทบทวนก็จะพบผู้คนที่ได้ช่วยเหลือเราจำนวนมากกว่าเราจะมีวันนี้ได้ ถ้าชีวิตเราเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง อาจจะมีหลายภาคตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ช่วงวัยทำงาน ช่วงการเป็นรุ่นใหญ่ในการทำงาน
1
ถ้าเราลองทำกิตติกรรมประกาศกันไว้บ้างเป็นระยะก็น่าจะเป็นการทบทวนชีวิตที่ดีไม่น้อย
ตอนที่ผมสมัครงานใหม่ๆหลังจบปริญญาโท ยื่นไปน่าจะเกือบร้อยที่มีแค่สองที่ที่รับผมเข้าทำงาน คนแรกที่ให้โอกาสผมก็คือคุณภควัต โกวิทย์วัฒนพงษ์ที่เคยรู้จักป๊ามาบ้าง และป๊าขอโอกาสให้ได้สัมภาษณ์งานที่บริษัทหลักทรัพย์เอกธำรงที่คุณภควัตเป็นเจ้าของในสมัยนั้น
พี่เจน ณิดาผู้เป็น HR ก็รับผมเข้าทำงานอย่างเป็นมิตร โอกาสนั้นทำให้ผมได้เข้าไปเจอพี่ๆจอมยุทธ์ที่ทั้งเก่งและนิสัยดีหลายคน หัวหน้าโดยตรงของผมคือ คุณชาญ ศรีวิกรม์ พี่เอ้ก นิทิต พี่ชายน้อย ม.ร.ว ศศิพฤนท์ และพี่อู๋ ฉัตรรพี พี่ๆเหล่านั้นทั้งสองทักษะเรื่องงานและการใช้ชีวิต เราทำงานกันอย่างหนัก และเป็นช่วงเวลาที่ผมได้เรียนรู้อย่างที่สุดในช่วงนั้น
หลังจากนั้น พอมาอยู่ที่ดีแทค ผมก็ได้รับโอกาสให้ทำงานสำคัญจากคุณภูษณ ปรีย์มาโนช ซีอีโอดีแทคในสมัยนั้นที่ให้โอกาสเด็กหนุ่มที่ทำงาน IR ตัวเล็กๆ ต่อด้วยได้รับความเมตตาจากพี่ใหญ่ คุณบุญชัย เบญจรงคกุล ที่ทั้งรัก ทั้งเอ็นดู ทั้งไว้ใจ มีอะไรก็นึกถึงเสมอ คุณซิกเว่ เบรกเก้ และคุณวิชัย เบญจรงคกุล ก็ช่วยปลุกปั้น ผลักดัน ให้โอกาสสำคัญในการทำงานการตลาด เป็นทั้งโค้ช ทั้งเจ้านายที่คอยสนับสนุนในทุกเรื่องจนผมเติบใหญ่
ในช่วงเวลานั้น ผมเริ่มมีชื่อเสียง และชื่อเสียงที่ผมได้มาก็เป็นไปในทางที่ดีอันมีผลให้ผมทำงานได้ง่ายและทำให้คนนอกรู้จักจนนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆหลังจากนั้น ชื่อเสียงที่ผมได้มาส่วนสำคัญก็มาจากพี่ๆน้องๆ เพื่อนๆ สื่อที่ในหน้าที่การงานก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ผมรู้เลยว่าโดยส่วนตัว พี่ๆน้องๆสื่อก็เชียร์ผมตามคอลัมน์ มีโอกาสก็ลงก็เขียนถึงจนคนรู้จักในทางบวก ถ้าจะเขียนชื่อคงเขียนกันไม่หมด แต่ละคนมีน้ำใจกับผมเสมอมาจนวันนี้
ตอนผมออกจากดีแทคและอยู่ในช่วงขาลงจากการไปล้มเหลวที่ mcjeans พี่เน่ง อาจารย์รัชนีพร แห่งศรีปทุม ที่เคยเรียนหลักสูตร วตท ด้วยกัน ก็มาชวนด้วยความเอ็นดูน้องอย่างผม จนกลายเป็นหลักสูตรเอบีซีที่ทำร่วมกันระหว่างพี่เน่ง พี่ตุ้ม สรกล จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและพานักเรียนที่น่ารักมาอีกเป็นพันคน พี่เน่งเป็นเหมือนพี่สาวที่คอยดูแล มีน้ำใจและใจกว้าง เปิดช่องทางให้เราได้ทำหลักสูตรตามใจฉัน และเป็นบทสำคัญที่สุดอีกบทหนึ่งของชีวิตผม
พูดถึงพี่สาวที่คอยดูแล แม่ยกของผมก็มีอีกสองคน คนหนึ่งก็คือพี่จิ๋ม สุวภา เจริญยิ่งที่เป็นเสมือนพี่สาวอีกคนที่มีโอกาส มีสิ่งดีๆทีไรก็มักจะมาชวน คิดถึงผมเป็นคนแรกๆเสมอ ผมย้ายงาน ได้ดีลดีๆก็เพราะพี่จิ๋มที่ทั้งคอยเชียร์ คอยต่อรอง คอยประคับประคองให้ อีกคนก็คือ ตุ๊กแห่ง TQM เหมือนน้องสาวที่ให้โอกาสได้ทำงานสนุกๆด้วยกันจน TQM เติบใหญ่ รวมถึงเผื่อแผ่มาถึงครอบครัวที่สนิทสนมและดูแลกันเป็นอย่างดีจนวันนี้
พี่ชายอีกคนที่มีบทบาทมากๆในชีวิตที่เป็นเหมือนโค้ชและที่ปรึกษามาอย่างยาวนานก็คือ พี่ตุ้ม สรกล ที่คอยให้คำแนะนำผมเวลามีปัญหา ช่วยดูต้นฉบับหนังสือให้ เขียนถึงผมในคอลัมน์จนภาพลักษณ์ผมดูดีกว่าตัวจริงไปมาก
และช่วงหลังก็มาทำหลักสูตรด้วยกัน เข้าขากันจนเป็นคู่หูในงานที่ประสบความสำเร็จอย่างเอบีซี เวลามีเรื่องร้าย เรื่องไม่ดี พี่ตุ้มจะให้คำแนะนำได้อย่างเป็นกลางและเยียวยาจิตใจได้เสมอ
ผมเองมีผู้ใหญ่ที่ให้ความเมตตา ทั้งสอน ทั้งให้ความเอ็นดู ให้โอกาส ให้ความรู้ อีกหลายท่าน คุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม เจ้านายเก่าผมก็เป็นอีกคนในชื่อที่ผมนึกถึง พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ ก็เป็นคุณครูผ่านทางงานของพี่จิกและคำแนะนำส่วนตัวที่ผมเคยได้ฟัง ยังไม่รวมถึงป๊า ม้า และครอบครัวใหญ่ของผม และผู้คนอีกมากมายที่มีส่วนช่วยให้ชีวิตผมเติบโตในทางที่ดี ที่เขียนให้หมดก็คงจะยาวเกิน แต่ก็อยากจะลองทำกิตติกรรมประกาศเป็นตัวอย่างกันดู
โลกแห่งโซเชียลอย่าง facebook นั้นเหมือนดาบสองคม ด้านที่ไว้อวดไว้แชร์ความสำเร็จก็อาจนำมาซึ่งความหมั่นไส้ ด้านที่ไว้ด่ากันเกลียดชังกันก็มาก ผมชอบเปรียบการเขียน facebook ว่าเหมือนการประกาศข้อความบนบิลบอร์ดทั่วกรุง จะเขียนอะไรในห้องเงียบๆคนเดียวก็จะต้องคิดถึงมุมนี้ไว้ด้วย พอคิดมุมนี้เราก็คงจะเขินที่จะอวยตัวเองบนบิลบอร์ด หรือรู้สึกแรงถ้าจะไปด่าไปว่าใครแล้วมันกระจายไปทั่วเมือง แต่ด้วยอารมณ์ที่เขียนบนคียบอร์ดทำให้เราพลาดอยู่บ่อยครั้ง
ถ้าคิดในมุมนั้น พลังด้านบวกของ facebook ก็น่าจะทำให้การทำกิตติกรรมประกาศนั้นไปกว้างขวางกว่าแค่บทท้ายในหนังสือ ทำให้คนที่เราเขียนถึงด้วยความขอบคุณได้รู้ได้เห็นง่ายขึ้นจากการแทก และรู้สึกภูมิใจที่มีคนได้รับรู้ในมุมกว้างอีกด้วย ในทางกลับกันก็จะยิ่งรู้สึกดีกับเรามากขึ้นไปอีก ไม่พูดถึงกระบวนการคิดถึงผู้คนที่ช่วยเหลือเรามาจนวันนี้ที่ทำให้เรารู้สึกตัวเล็กลงและไม่หลงลำพองในความสำเร็จของตัวเองจนเกินจริงไปและรู้จักขอบคุณและสำนึกกับความโชคดีที่ตัวเองมี
การหยุดคิดและเขียนกิตติกรรมประกาศกันจึงน่าทำเป็นอย่างมากในแต่ละช่วงชีวิต และยิ่งน่าทำเข้าไปอีกเมื่อมีโซเชียลมีเดียที่เราสามารถประกาศได้อย่างกว้างขวาง เป็นการขอบคุณอย่างจริงใจกับคนที่ช่วยเหลือเรามา ทำให้คนได้เห็น ได้รักคนเหล่านั้นเหมือนที่เราได้สัมผัส กิจกรรมกิตติกรรมประกาศน่าลองทำกันเป็นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับการโพสต์อะไรไร้สาระ ด่าคนโน้น บ่นคนนี้ที่ไม่มีใครได้อะไรเลย
เขียนแล้วจะรู้สึกดีทั้งผู้ที่ถูกเขียนถึงและดีต่อใจตัวเองด้วยนะครับ…..
1 บันทึก
14
1
14
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย