21 ก.ค. 2022 เวลา 17:09 • ความคิดเห็น
คนสมัย บางคนก็หมกมุ่งกับเรื่องราวโลภลาภ อยากได้เงินทอง อยากได้เกียรติยศ ชื่อเสียง ก็ไปหา ตัวช่วยเอามาช่วย ให้ตัวเองมีทิฐิโลภให้มากขึ้น ไปเสาะแสวงหา เกจิอาจารย์ ท่องบ่นเวทมนต์คาถา เอามาท่องจน คำพูดคำจา ที่พ่นออกมาจากลมปากเค้า ก็แฝงไปด้วยกระแสเวทมนต์คาถา เมื่อเราเจอะเจอ คนเหล่านี้ จิตเรานั้นเป็นจิตน้อยๆ ถูกกระแสคลื่นที่ไม่ดี เข้ามากระทบตา กระทบหูเรา
มันก็นำพาสิ่งทีไม่ดี เข้ามาด้วย ทำให้มีอาการ.. บ้างก็เหมือนเป็นภูมิแพ้ เป็นหวัดอยู่ตลอด กินยาเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยหาย จิตตก ย้ำคืดย้ำทำ หลงลืม แล้วมีเสียง เหมือนกำกับยึดอยู่ในหัว วนเวียนที่หัวเรานั้น เป็นเสียงที่ยึดอยู่ ที่เราไปรับฟังมา แล้วจิตเรานั้น ก็เป็นจิตน้อยไม่มีกำลัง หากไปเจอะเสียงของคนเหล่านี้ พูดด้วยอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ โกรธ โมโห ที่มีเสียงดังมากกว่าปกติ เสียงของเค้า
เรื่องราวที่เค้าพูด ก็แล่นเข้าหู ไปวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้คิดวกวน วนไปวนมา ในเรื่องที่เค้าพูด เหมือนกับคาถาที่เข้าท่องวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น สิ่งที่เราควรทำ คือ ทำบุญ ให้กายเรามีบุญเกิดขึ้น เอากายมาสร้างบุญกุศล ทำบุญใส่บาตร สวดมนต์ไหว้ อุทิศกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เสียงของคนที่ปรากฏในหัวเรา แล้วถ้าเป็นเรื่องราวพวกนี้เข้ามา มันก็จะทำให้ ไม่อยากอาบน้ำอาบท่า ขี้เกียจขึ้นมาเสียงั้น ออกแรงอะไรหน่อย ก็กลัวเหนื่อย หงุดหงิด โมโห คนที่เคยชอบกัน ก็พาลเป็นไม่ชอบเสียอีก
1
สมัยนี้ คนเรามันถูกจูง ให้ไปยึดเรื่องราวไสยศาสตร์ พระท่านสอนให้ปล่อยวาง วางทุกข์ แต่สมัยนี้วัดวา ก็มีแต่เรื่องให้หาโชคลาภ มุ่งให้คน หรือ ซ้ำเติมให้จิต นั้นหลงใหล ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ จะบันดาลให้ แต่ไม่เคยเฉลียวใจว่า สิ่งเหล่านี้มีแต่นำพาทุกข์มาให้ หาสุขไม่ได้
อย่าเชื่อ..น่ะ เพราะเขียนเป็นคำถามมานิดเดียว ไม่รู้รายละเอียด ว่าเราพัวพันในเรื่องราวอะไรมาบ้าง ต้องไปสังเกตตัวเราเอง
โฆษณา