Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ก
กาเลน
•
ติดตาม
23 ก.ค. 2022 เวลา 16:38 • นิยาย เรื่องสั้น
… สายสัมพันธ์แม่ลูกผูกพันลึกซึ้ง ความห่วงหาอาทรซาบซึ้งสะเทือนใจ แม้นอยู่ต่างภพต่างภูมิ แต่สายใยรักไม่เคยลบเลือนจางหายไป …
นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2543 ผู้เขียนได้ประสบมาด้วยตนเอง มันยากจะลบจากความทรงจำ
สงกรานต์ปีนั้น ผู้เขียนไปเยี่ยมลูกค้ารายหนึ่ง เธอเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน วันนั้นเป็นวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีรถเข้ามาเติมน้ำมันที่ปั๊มเป็นจำนวนมาก ผู้เขียนจึงต้องรอจนกว่าลูกค้าจะว่างพอที่จะมาคุยงานกัน ระหว่างที่นั่งรออยู่นั้น บังเอิญเหลือบไปเห็เด็กผู้ชายอายุ 3-4 ขวบกำลังเดินเตาะแตะอยู่ที่ลานโดยไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ในขณะที่บนลานมีรถบัสคันใหญ่วิ่งอยู่ขวักไขว่ ผู้เขียนเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ จึงเดินไปอุ้มเอาเด็กคนนั้นมาวางบนเก้าอี้อาร์มแชร์แบบมีล้อ แล้วชวนเด็กเล่นไปพลาง รอพ่อแม่เด็กมารับตัวไปอีกที
มารู้เอาทีหลังว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายคนเล็กของลูกค้าที่เป็นเจ้าของปั๊ม และที่สำคัญคือ “เขาเป็นคนต้นเรื่อง” ของเรื่องราวสุดพิศวงที่จะบอกเล่าให้ฟังกันต่อไป
“คุณทำได้ยังไงค่ะ ? น่าแปลกนะ ปรกติแล้วนอกจากชั้นกับพี่เลี้ยงแล้ว เค้าจะไม่ยอมให้ใครอุ้มหรือแตะตัวเลย แปลกใจมากเลยจริงๆ”
ประโยคแรกที่ลูกค้าซึ่งเป็นคุณแม่ของเด็กอุทานออกมา หลังจากที่เห็นลูกชายคนเล็กของเธอกำลังเล่นสนุกและหัวร่อชอบใจอยู่กับผู้เขียน
“ผมเห็นแกเดินอยู่คนเดียวบนลานข้างนอก เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุเพราะตัวแกเล็กคนขับอาจมองไม่เห็น เลยไปอุ้มมานั่งรอที่นี่ ต้องขอโทษด้วยครับ ผมไม่ทราบว่าเป็นลูกของคุณ”
“ไม่ค่ะ ต้องขอบคุณคุณมากกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นต้องแย่แน่ๆเลยค่ะ”
หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องงานกันอยู่ครู่ใหญ่ๆ แต่แล้วจู่ๆลูกค้าของผู้เขียนก็หยุดพูด สายตาของเธอจ้องตรงมาที่ผู้เขียน สีหน้ามีอาการครุ่นคิดและลังเลใจอยู่หลายอึดใจ ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ
“ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องแปลกๆเหนือธรรมชาติ”
“ผมไม่มีความเห็นอะไรเป็นพิเศษนะ ทำนองไม่เชื่อก็อย่าลบลู่ครับ”
“ชั้นไม่แน่ใจจริงๆ ว่าจะเล่าให้คุณฟังดีมั้ย แต่ถ้าชั้นไม่พูดออกมาซะบ้าง ชั้นก็ใกล้จะเป็นบ้าแล้ว กังวลอยู่แต่ว่าถ้าเล่าไปแล้วคุณจะมองว่าชั้นเป็นคนยังไง”
“คงไม่มั้งครับ คุณเป็นลูกค้าผมมาหลายปีแล้ว ผมคงไม่ทำอะไรอย่างนั้น ถ้าการระบายออกมาแล้วมันจะทำให้คุณผ่อนคลายลงได้ ผมก็ยินดีนะครับ”
หลังจากฟังผู้เขียนพูดอย่างนั้น ท่าทีของเธอก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งยากจะเชื่อแต่ก็ได้เกิดขึ้นจริงกับลูกชายคนเล็กและครอบครัวของเธอ
เธอเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เธอตั้งท้องลูกชายคนนี้ เธอก็เริ่มฝันแปลกๆซ้ำๆอยู่ทุกคืน ฝันเป็นเรื่องราวสรุปความได้ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอทวงคืนลูกชายจากเธอ ภาพที่เห็นในความฝันของเธอ ผู้หญิงคนนั้นโอบอุ้มเด็กผู้หญิงอีกคนแนบอกมาด้วย จากคำพูดมากมายของผู้หญิงคนนั้นเธอจับความได้ว่า ในอดีตชาติเด็กที่อยู่ในท้องของเธอเคยเป็นลูกชายของผู้หญิงคนนั้น เพียงแต่ถึงวาระที่จะต้องกำเนิดใหม่จึงมาปฏิสนธิในท้องของเธอ
ตัวผู้หญิงคนนั้นให้เหตุผลที่มาทวงคืนว่า นางไม่มั่นใจว่าลูกชายที่มาเกิดใหม่จะได้รับการดูแลที่ดีจากเธอเหมือนที่เคยอยู่กับนาง รวมถึงนางตัดใจไม่ได้ที่จะต้องพลัดพรากแยกจากลูกชายที่จะไปอยู่ยังภพภูมิใหม่ ดังนั้น นางจึงมาขอลูกชายคืนจากเธอ และการทวงคืนนั้นมันจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เธอหลับตานอน เธอบอกกับผู้เขียนว่านี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอแทบคลั่ง ไหนจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ไหนจะห่วงลูกน้อยในครรภ์ ทำให้เธอเครียดมากจนแทบบ้า
จากนั้นเธอยังได้เล่าเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากคลอดลูกชายและพักรักษาแผลผ่าตัดหลังคลอดอยู่ในห้องพิเศษที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง ในห้องมีสามีที่เห่อลูกชายและคุณแม่ที่เห่อหลานอยู่เป็นเพื่อน รวมถึงมีญาติหลายคนมาเยี่ยมอาการของเธอและมาดูทารกแรกเกิด ทั้งที่เป็นเวลากลางวัน เลยเที่ยงไปเล็กน้อย กลับมีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น ผู้หญิงคนนั้นปรากฏร่างให้เห็นขึ้นกลางห้องและทวงขอลูกชายของนางคืน จากนั้นก็ค่อยเลือนหายไป
สามีของเธอที่ไม่เคยเชื่อเรื่องเหลวไหลทำนองนี้ ถึงกับต้องไปซื้อหาเครื่องเซ่นไหว้ พร้อมกับติดต่อซินแสมาทำพิธีกรรมในห้องนั้นทันทีก่อนจะสิ้นวัน ในช่วงเวลานั้นทุกคนในห้องตกอยู่ในความตื่นตระหนกและหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“นี่ก็หกปีแล้วนะคะ ที่ชั้นทุกข์ใจมากกับเรื่องนี้”
“เหรอครับ อย่างนั้นหลานชายก็อายุ 6 ขวบแล้วซิ ผมยังเข้าใจว่า 3-4 ขวบเอง”
“หกขวบแล้วค่ะ แต่ร่างกายเค้าไม่ค่อยมีพัฒนาการซักเท่าไหร่ เรื่องนี้ทำให้ชั้นกลุ้มใจอยู่จนทุกวันนี้”
“แล้วคุณยังฝันแบบนั้นอยู่อีกมั้ยครับ”
“ไม่แล้วค่ะ เหมือนเค้าจะหายไปเลย แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างดูแย่กว่าเดิม”
แล้วเธอก็เล่าต่ออีกว่า ตลอดหกปีมานี้ลูกชายเธอเป็นเด็กปากหนัก พูดไม่ได้เหมือนเป็นใบ้ ต้องใช้มือช่วยในการสื่อสารกันระหว่างพี่เลี้ยงกับเด็ก ร่างกายก็ไม่มีพัฒนาการตามที่ควรจะเป็น เหมือนเด็กทั่วไปในแต่ละช่วงอายุ จนเธอแทบจะปักใจไปแล้วว่าลูกชายเธอเกิดมาผิดปรกติบกพร่องแต่กำเนิด แต่เมือพาลูกชายไปตรวจอาการกับแพทย์ หมอก็ลงความเห็นว่าทุกอย่างปรกติ เพียงแต่เด็กไม่ยอมพูดเท่านั้น หมอแนะนำให้หมั่นชวนเด็กพูดคุยให้บ่อยขึ้น ซึ่งเธอก็ทำตามคำแนะนำของแพทย์ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนเธอแทบจะถอดใจแล้ว
จนมีอยู่วันหนึ่ง เธอเดินไปใกล้กับบริเวณที่ลูกชายเธอนั่งเล่นอยู่คนเดียว โดยที่เด็กไม่รู้ว่าแม่เดินเข้ามาใกล้ แล้วเธอก็แทบช็อค ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินกับหูตัวเอง ลูกชายเธอพูดได้ และกำลังพูดคุยอยู่กับใครบางคนที่เธอมองไม่เห็น นี่ไม่ใช่การพูดกับตัวเองในโลกส่วนตัว เหมือนที่เด็กทั่วไปทำกัน ยามที่มีจินตนาการสูง ลูกชายเธอพูดได้ชัด พูดได้คล่องเหมือนเด็กปรกติ เ
ธอบอกกับผู้เขียนว่า เธอเริ่มกลัวและตั้งคำถามกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฝันร้ายนั้นยังไม่หายไปใช่มั้ย มันกลับมาในรูปแบบใหม่ แล้วเธอจะรับมือกับมันอย่างไร เธอกลัวแล้วจริงๆ
“คุณได้เล่าเรื่องนี้ให้เฮียเค้าฟังรึเปล่าครับ”
“ไม่ได้เล่าค่ะ ยังไม่กล้าเล่า”
“ทำไมล่ะครับ เฮียเค้าน่าจะได้รับรู้นะ อาจจะหาทางแก้ไขได้”
“ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงค่ะ ดูเฮียเค้าเครียดๆอยู่หลายเรื่อง”
“แล้วคุณคิดจะทำยังไงกับเรื่องนี้ครับ ขอโทษที่ก้าวล่วงนะครับ”
“ไม่ค่ะ ที่เล่าให้คุณฟังเพราะหวังว่าจะมีคำแนะนำดีๆจากคุณ เหมือนกับหลายๆเรื่องที่คุณให้คำแนะนำแก่เราตลอดหลายปีที่ผ่านมาค่ะ”
“ขอบคุณครับที่ให้เกียรติ แล้วต้องการคำแนะนำแบบไหนครับ”
“ทางเราควรทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนั้นดีคะ”
“อย่างแรกนะครับ คุณต้องไม่ทำอะไรที่เป็นการไม่ดีต่อวิญญาณดวงนั้น ไม่ว่าจะเชิญคนทรงเจ้าเข้าผี หรือนิมนต์พระมาทำพิธีปัดรังควาญขับไล่สิ่งชั่วร้าย”
“ทำไมคะ”
“มีหลายเหตุผลครับ แต่โดยหลักแล้วต้องคำนึงถึงตัวหลานชายให้มากๆครับ”
“ทำไมคะ”
“เค้าเป็นวิญญาณนะครับไม่ใช่คน คุณจะติดต่อพูดคุยหรือเจรจาต่อรองกับเค้าก็ไม่ได้ ไม่รวมถึงการที่คุณมองไม่เห็นเค้าคุณจึงป้องกันเค้าไม่ได้ หรือห้ามเค้าไม่ให้ทำอะไรลูกชายคุณหรือคนในครอบครัวคุณก็ไม่ได้”
“แล้วในความคิดของคุณ ทางเราต้องทำยังไงถึงจะดีคะ”
“ทำดีกับเค้าครับ”
“ทำดี ยังไงคะ แล้วทำไมต้องทำอย่างนั้นล่ะ”
“อย่าลืมนะครับ เค้าเป็นวิญญาณ แล้วเค้าก็บอกเองว่าลูกชายเค้าถึงวาระต้องกำเนิดใหม่ แล้ววิญาณดวงนั้นล่ะไม่มีวาระของตัวเองรึ ลองคิดดูว่าถ้าวาระนั้นถูกกระชั้นเข้ามาให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ปัญหาจะจบมั้ย แล้วระหว่างนั้นก่อนวาระจะมาถึง ท่าทีของเค้าก็อาจจะประนีประนอมมากขึ้นก็ได้”
“อืมม์ ก็น่าคิดนะคะ แล้วทางเราต้องทำยังไงคะ”
“คติความเชื่อในสังคมไทย เราเชื่อว่าการทำสังฆทานเป็นทางเชื่อมระหว่างเรากับโลกวิญญาณ เราสามารถส่งพัสดุไปรษณีย์ผ่านพระสงฆ์ไปยังโลกวิญญาณด้วยการถวายสังฆทานครับ คำแนะนำของผมคือพรุ่งนี้คุณไปถวายสังฆทานอุทิศบุญกุศลให้แม่ลูกคู่นั้น และหลังจากนั้นก็ให้ทำอย่างสม่ำเสมอทุกวันพระนะ ในชุดสังฆทานอย่าลืมใส่ตุ๊กตาและเสื้อผ้าของใช้สำหรับเด็กผู้หญิงไปด้วยครับ ที่สำคัญให้พาลูกชายไปด้วยนะครับ ให้เค้าได้มีโอกาสอุทิศบุญกุศลให้กับแม่อีกคนด้วย”
“เท่านี้ก็พอแล้วหรือคะ”
“มีรายละเอียดอีกนิดนึงครับแต่สำคัญมากๆเลย”
“อะไรคะ ดูเหมือนจะซีเรียสมาก”
“ตอนกรวดน้ำแผ่อุทิศบุญกุศล ให้ตั้งอธิษฐานจิตบอกกล่าวเค้าไปว่า คุณไม่ได้แย่งลูกชายไปจากเค้า แต่จะเป็นแม่อีกคนที่จะช่วยเลี้ยงดูลูกชายของเค้าในภพนี้ และจะดูแลลูกชายของเค้าให้ดีเสมอหรือดีกว่าที่เค้าทำครับ”
“ได้ค่ะ ชั้นจะทำตามคำแนะนำค่ะ พรุ่งนี้เลย ขอบคุณนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
หลังการสนทนาสิ้นสุดผู้เขียนก็ขอตัวลากลับที่พัก ซึ่งเรื่องราวก็ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี เพราะหลังวันนั้นไปไม่กี่วันผู้เขียนก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าว่าปัญหาจบแล้วไม่มีอะไรแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้มาพบเธอในความฝัน นางบอกว่าขอบคุณเธอที่อุทิศบุญกุศลไปให้ รวมถึงบอกว่าลูกสาวของนางชอบใจมากกับสิ่งที่เธอส่งไปให้ผ่านการทำสังฆทาน ที่สำคัญคือนางยินดีรับตามคำอธิษฐานที่จะร่วมกันดูแลลูกชาย
อีกทั้ง ลูกค้าของผู้เขียนเธอบอกเพิ่มเติมว่าความทุกข์ได้หายไปความสุขได้เข้าแทนที่แล้ว เมื่อลูกชายของเธอเริ่มจะพูดกับคนใกล้ชิดเพียงแต่จะไม่ค่อยพูดกับคนไม่คุ้นเคย ซึ่งผูเขียนได้แสดงความยินดีไปกับเธอด้วย
หลายปีต่อมาหลังจากปีนั้น ผู้เขียนไม่ได้มีโอกาสพบลูกค้ารายนี้อีกหลังจากงานที่จ้างได้เสร็จสิ้น เพียงได้รับทราบจากคำบอกเล่าของลูกค้าอีกรายว่าเด็กผู้ชายคนนั้นมีพัฒนาการทางร่างกายรวดเร็ว เติบโตสูงใหญ่จนเป็นปกติ
เรื่องราวต่างๆของครอบครัวนั้นได้จบลงแล้วด้วยดี แต่ครอบครัวของผู้เขียนเองนั้นกำลังจะเริ่มต้น ไม่กี่วันหลังจากที่ให้คำแนะนำแก่ลูกค้ารายนั้นไป ภรรยาของผู้เขียนได้ส่งเสียงหวีดร้องอย่างตกใจขึ้นกลางดึกเนื่องจากฝันร้าย ถามไถ่ได้ความว่าฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มเด็กผู้หญิงมาด้วยอีกคน มายืนจ้องเขม็งอยู่ตรงประตูรั้ว ไม่พูดไม่จา หน้าตาโกรธเกรี้ยวดูน่ากลัว ทำให้ตกใจจนสะดุ้งตื่น ผู้เขียนฟังแล้วอึ้งคิดอยู่ในใจว่านี่มาถึงบ้านเลยเชียวรึ ขืนปล่อยไว้ต่อไปคงจะเลุกลามกลายป็นเรื่องใหญ่แน่
ดังนั้น ก่อนเพลของวันนั้นผู้เขียนชวนภรรยาไปถวายสังฆทานที่วัดใกล้บ้าน ตอนกรวดน้ำแผ่กุศลได้แสดงความบริสุทธิ์ใจเป็นที่ตั้ง โดยตั้งอธิษฐานจิตขมาต่อนางผู้นั้น อย่าได้เป็นเวรกรรมต่อกันเลย อย่ามีบ่วงกรรมผู้พันต่อกันไปในชาติหน้าภพหน้าอีก หลังจากทำสังฆทานไปในครั้งนั้นแล้ว ท่าน ผบ.ทบ. ก็ไม่สะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะเรื่องนี้อีกเลย
ปล. ผู้เขียนได้มีโอกาสพบกับผู้หญิงผู้นั้นอีกครั้ง ในยามใกล้รุ่งของคืนวันหนึ่งเกือบสิบปีให้หลังนับจากวันนั้น โดยนางมาแนะนำตัวกับผู้เขียนว่านางเป็นใคร เพื่อให้ผู้เขียนได้ทบทวนความทรงจำ เหตุผลที่นางมาหาผู้เขียนในครั้งนั้น เพื่อจะบอกลาไปกำเนิดใหม่ตามวาระของนาง
อีกทั้ง ได้บอกเพิ่มเติมว่าลูกสาวคนเล็กของนางได้ถึงวาระกำเนิดใหม่ไปก่อนหน้านี้ไม่นาน คราวนี้ถึงวาระของนางบ้างจึงมาบอกลา ทั้งยังบอกอีกว่าขอบคุณผู้เขียนที่ให้คำแนะนำที่ดีต่อลูกค้ารายนั้น ทำให้เกิดอานิสงฆ์ทำให้นางไม่ต้องเร่ร่อนอีกต่อไป ซึ่งผู้เขียนก็รู้สึกยินดีไปกับนางด้วย พร้อมกับแผ่ส่วนบุญกุศลเท่าที่มีให้เป็นทานบารมีแก่วิญญาณดวงนี้ เพื่อเป็นเสบียงบุญติดตัวไปเกิดในภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไป
ขอปิติสุขแห่งบุญกุศลจงมีแก่ผู้อ่านบทความนี้ทุกคน ขอบคุณครับ
กาเลน (อ่านว่า กา-เล-นะ แปลว่า ตามกาลเวลา)
ผู้เขียน
23กรกฏาคม 2565 เวลา 23.38 น.
เรื่องเล่า
หนังสือ
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย