25 ก.ค. 2022 เวลา 01:01 • ปรัชญา
เรื่องราวของชีวิต ชีวิตที่เรามีอารมณ์นำพาไป ที่เราเพลิดเพลิน ไปกับอารมณ์ ที่ไหลผ่านเรือนกาย เมื่ออารมณ์มันเกิดขึ้น เป็นอารมณ์นึกคิด เป็นความรู้สึก ทะเยอทะยาน มีราคะ ตัณหา โทษะ เป็นเหมือนนายช่างปลูกเรือน ดังคำปฐมพุทธวจนะ ว่า เรารู้จักนายช่างปลูกเรือนแล้ว คือ ตัณหา ราคะ โมโห ที่นำพาจิต ของเราท่องเที่ยว ไป เกิดตรงนั้นตรงนี้ เป็นอเนกชาติ ชาตินี้เรามีญาณปัญญา รู้จักท่านแล้ว ท่านปลูกเรือนให้เราไม่ได้แล้ว เรือนของท่าน เราไม่มีอุปาทานยึดถือ ในเรือนกายอีกแล้ว เราชำระสะสางสิ้นแล้ว
นั่นก็ทำให้จิตของเรา พยายามศึกษา ในเรื่องราวของอารมณ์ต่างๆ ที่จิตเราหลงใหล ใช้กันไม่รู้จักเบื่อหน่าย เจ้านายช่าง ปลูกเรือนนี้ มันคอยแต่นำพา กายไปปลูก ปลูกกรรม ด้วยกายวาจาใจ ไปทะเลาะคนนั้นคนนี้ ไปตีหัวคนนั้นคนนี้ ไปแว้นๆ ตรงนั้นตรง ตีเค้าบ้าง ถูกเค้าตี บ้าง ทะเลาะกันตีกันก็ด้วยอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นในเรือนกาย เมื่อมีการคล้องกรรมกันเกิดขึ้น เจ้านายช่างก็ส่งเสริม ให้กายนี้หาความสุขไม่ได้ อาจะพิกลพิการ ไปติดคุกติดตาราง ก็เพราะนายช่างนี่แหละ
จึงมีเรื่องราวปัจฉิมโอวาทว่า ท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลาย จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ นั้นแหละ ที่เป็นเรื่องที่เราควรศึกษา เมื่อชีวิตเราเกิดมา เราก็มีอารมณ์ ราคะ โทสะ โมหะ ที่เป็นนายช่างปลูกเรือนให้จิตเราอยู่ เรารู้จักนายช่างหรือยัง
เมื่อจิตของเราไม่รู้จักนายช่างปลูกเรือน จิตเรายินดีในสิ่งที่นายช่างปลูกเรือนสร้าง สร้างกรรมให้ ไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่ควรไปบ้าง ที่ที่ควรจะไป เราก็ควรจะสร้างด้วยจิตของเรา คือ บุญกุศลบารมี เมื่อมีชีวิตอยู่ นั้นก็คือ กายทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ชีวิตเดินมาถึงวัยแก่ ใกล้จากสังขารนี้ เราพบทาง จิตของเราพบ ทางสายเอก ทำให้มีปัญญา ชำระสะสางเรือนที่ท่านปลูก เราไม่เอาสิ่งที่ท่านปลูกมาใช้ เราจะสลัดทิ้ง สิ่งที่ท่านไหลมาออกไป ให้จิตเราบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ทั้งกายวาจาใจ ที่ไม่มีอารมณ์ปรุงแต่ง นำไปสร้างกรรมอีก
โฆษณา