29 ก.ค. 2022 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
รัก แต่งงาน ข่มขืน? จิตรกรรมปริศนาแห่งยุคเรเนซองส์
ในโลกของศิลปะ ผลงานอะไรก็แล้วแต่ มักจะมีการสื่อสารอะไรบางอย่างที่ต้องการบอกให้ผู้ชมอย่างพวกเราได้รู้เรียนรู้หรือเข้าใจว่าศิลปินคิดอะไร หรือเรียกง่ายๆว่า message ที่ตัวของศิลปินอยากถ่ายทอดออกมาผ่านภาพและสีที่ระบายลงไป
แต่ทีนี้ ไม่ใช่ว่าทุกภาพจะมี message ที่ชัดเจนและในหลายๆครั้งเอง ตัวของผู้เขียนภาพก็ชอบให้ผู้ชมอย่างเราๆ ท่านๆ ตีความผลงานของเขาด้วยความคิดของพวดเราเอง ไม่มีแม้แต่จะบอกว่าที่วาดมาเนี่ย ใจจริงฉันสื่ออย่างนี้นะ
วันนี้แอดก็เลยอยากพาท่านผู้อ่านไปรู้จัก Primavera ของคุณ Sandro Botticelli ที่เป็นจิตรกรชื่อดังแห่งยุคเรเนซองส์นั่นเอง ว่าทำไม ภาพนี้ถึงขึ้นชื่อว่าเป็นปริศนาสำหรับนักประวัติศาสตร์ศิลปะ!
Sandro Botticelli
ถึงจะไม่คุ้นชื่อ แต่เชื่อว่าหลายๆท่านคงเคยเห็นผลงานของ Botticelli อย่าง The Birth of Venus ที่ดังไปทั่วโลกจนทุกวันนี้ก็ยังมีคนพูดถึงอยู่ แล้วก็มีการต่อยอดทำเป็นภาพล้อเลียนต่างๆมากมายไม่หมดสิ้น
The Birth of Venus
แต่ภาพที่พวกเราจะมาดูนี้คือภาพตอนต่อจาก The Birth of Venus เรียกได้ว่าอาจเป็นภาค 2 ของวีนัสหลังนางได้เกิดและขึ้นมาอยู่บนเกาะ แม้ว่าเอาเข้าจริงๆ Primavera เนี่ยเขียนขึ้นก่อน The Birth of Venus ไม่นานมาก โดยคาดว่าผลงานทั้งสองชิ้นเป็นของขวัญให้เจ้าสาวของขุนนางตะกูล Medici แห่งเมืองฟลอเลนซ์ที่คุณ Botticelli ทำงานด้วย
Primavera เนี่ยจริงๆก็ไม่ใช่ชื่อที่ศิลปินตั้งนะ แต่เป็นชื่อที่ Giorgio Vasari นักประวัติศาสตร์ศิลปะมอบให้เพราะเขาอยากสื่อความหมายของฤดูใบไม้ผลิที่อยู่ในภาพ คือ ลุงแกก็ไม่รู้ว่าชื่อจริงๆคืออะไร แต่ก็ตั้งชื่อนี้ให้เพราะเหมาะที่สุด
1
พอลองมามองที่ภาพ Primavera นี้ก็จะเห็นตัวละครเต็มสวนไปหมด แล้วแต่ละคนเนี่ยก็เหมือนทำแต่เรื่องของตนเองไม่ได้พูดคุยกันหรือสนใจกัน แค่มาอยู่ด้วยกันในสวนของวีนัสเฉยๆ มีแต่วีนัสที่ทำหน้ามองมาที่พวกเราคนดู
ด้านซ้ายสุดเราจะเห็นผู้ชายยืนใช้ไม้ชี้ไปปัดลมหนาวก็คือ Mercury เทพแห่งการส่งสาร (บางครั้งก็เป็นเทพแห่งโจรด้วยซ้ำ) ตามความเชื่อโรมัน ถัดมาเราจะเห็นผู้หญิงสามคนกำลังระบำอะไรก็สักอย่างข้างเทพ พวกนางก็คือ The Three Graces ตัวแทนของ ความรื่นรมณ์ พรมจรรย์ และความสละสลวย ถัดไปจากนางระบำตรงกลางก็คือเทพีชื่อดัง วีนัส เทพีแห่งความรักและความงามทั้งปวงกำลังยืนสวยๆเกือบจะเป็นศูนย์กลางของภาพ
1
ข้างบนของวีนัสมีลูกของนาง เทพคิวปิดที่หลายคนรู้จักและพบเห็นทั่วไปในวันวาเลนไท แม้คิวปิดจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเซ้นต์วาเลนไทน์ใดๆแต่ก็นะ เทพแห่งความรักผู้น่ารัก
ด้านขวาของวีนัส คาดว่าเป็น Flora เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ และด้านข้างของเธอที่มีผู้ชายกำลังจะจับ (ข่มขืน)ผู้หญิงก็คือ Chloris หรือก็คือฟลอล่าก่อนที่เธอจะถูกทำให้กลายเป็นเทพเพราะ Zephyr เทพแห่งลมลักพาตัวเธอไปให้เป็นภรรยา
พูดง่ายๆคือ Flora และ Chloris เนี่ย พวกนางคือ คนเดียวกัน ซึ่งภาพมันแสดงออกถึงการที่เธอกลายเป็นเทพนั่นเอง แต่ถ้าทุกท่านมองสองคนนี้ดีๆก็จะเห็นว่าทั้งสองคนเนี่ย เป็นเทพเดียวกันกับ 2 เทพด้านซ้ายใน The Birth of Venus ที่เป็น Zephyr กับ Flora มารับวีนัสขึ้นเกาะ เลยทำให้หลายคนคิดว่าภาพสองอันนี้มันน่าจะเชื่อมกันสักทางแหละ
ด้านหลังของภาพเป็นสวนดอกไม้และมีต้นส้มขึ้นเต็มด้านหลังไปหมด ซึ่งหลายคนคาดว่าต้นส้มเนี่ยมันก็แทนสัญลักษณ์ตะกูล Medici ที่ตัวของศิลปินทำงานให้ นอกจากนี้นักวิจารณ์หลายคนก็บอกว่าในภาพนี้มีพันธุ์ไม้กว่า 500 ชนิด คือ ต้องใช้เวลานับขนาดไหนก่อน?
ทีนี้เรารู้ตัวละครทุกตัวในภาพนี้ รู้ background แต่ความหมายของภาพคืออะไร?
ประเด็น คือ ในตำนานเทพกรีกโรมันไม่ได้มีการบอกเล่าถึงตำนานที่เทพพวกนี้มารวมกันจัดงานอะไรในสวนแบบนี้เลยแม้แต่ตำนานเดียว คือ ภาพสวยและดูงามแต่ ความหมายที่แฝงคือความ “อิหยังวะ”
หลายตำราก็ตีความไปในเชิงที่ว่าภาพนี้แทนความรักที่บริสุทธิ์แบบศาสนาคริสต์ คือ ความรักที่ไม่มีกามอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ก็จะคล้ายๆกับภาพ The birth of Venus ที่หลายคนก็มองว่าวีนัสคือพระแม่มารีไม่ใช่เทพวีนัสตามตำนาน แต่คือ วีนัสเวอร์ชั่นคริสต์แบบสวยๆและงดงาม
แต่มันก็แปลกตรงที่มีคิวปิดที่เป็นตัวแทนความรักแบบเกี่ยวข้องทางกาย หรือรักแบบ Eros (สามารถหาคำอธิบายได้ในโพสก่อนหน้า) ทำให้ภาพมันดูขัดๆแปลกๆถ้าจะนำเสนอแบบคริสต์ 100%ตามแนวคิดนี้
อีกกลุ่มหนึ่งก็มองว่าอาจเป็นการบอกถึงฤดูที่เปลี่ยนไปตามการเคลื่อนที่ของดาว เพราะว่าเรามีเทพ Mercury เท่ากับดาวพุธ ไปหา Venus ดาวศุกร์ แต่ถ้าอย่างนั้นเทพคนอื่นๆที่ติดมาด้วยก็ดูไม่มีความจำเป็นที่จะต้องวาดมาด้วยก็ได้หรือเปล่านะ
และกลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่แอดเองเห็นด้วยคือ กลุ่มที่มองว่า เห้ย อันนี้มันสื่อความหมายของการอวยพรการแต่งงานนี่นา เพราะบางส่วนก็มองว่าภาพนี้กับ Birth of Venus ทำมาเพื่อเป็นของขวัญแก่เจ้าสาวของขุนนางที่เข้ามาใน Medici
แต่จริงๆ หลักฐานก็ยังไม่ชัดพอว่าเป็นของขวัญจริงหรือเปล่า แต่หากเรามองที่ภาพนี้เนี่ยภาพมันสื่อความหมายของการเปลี่ยนผ่านฤดูที่จากฤดูหนาวมาใบไม้ผลิ เหมือนกับการเปลี่ยนสถานะของหญิงโสดมาเป็นเจ้าสาว
เพราะว่าเรามีMercuryไล่ลมหนาวและมี Flora ผู้นำใบไม้ผลิมายังเกาะแห่งนี้ เหมือนกับเป็นตัวแทนของการก้าวเข้าสู่เวลาใหม่ สถานที่ใหม่ แต่ตรงนี้อาจไม่ชัดมาก แต่ตรงที่มี Zephyr ข่มขืน Cholirs แล้วนางจำต้องกลายเป็น Flora เจ้าสาวของเขา มันคือชัดมากกกก
ภาพของการแปลงจากนางไม้ไปเป็นเทพก็เหมือนกับการที่หญิงที่กำลังจะเข้าแต่งงานต้องรับหน้าที่อันมีเกียรติในฐานะเจ้าสาวที่ดี แม้ว่าใจจริงอาจไม่ได้รักสามีขนาดนั้น แต่มันคือหน้าที่ของผู้หญิงในหลายสมัยที่จำต้องแต่งงานเพื่อครอบครัวไม่ใช่เพื่อรักแท้ (T-T)
ภาพนี้ก็อาจเป็นการอวยพรให้เจ้าสาวทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดแม้ว่าจะไม่ได้เจ็มใจ
เลยจะเห็นว่าคิวปิดที่เป็นเทพแห่งความรักและกามอารมณ์ถูกปิดตาและยิงไปที่ นาง Three Graces คนตรงกลางซึ่งปกติจะเป็นตัวแทนของพรหมจรรย์ แม้แต่คิวปิดก็ปิดตาเลยเพื่อทำให้ความรักนี้เกิด อาจไม่ใช่ความต้องการจริงที่คิวปิดอยากทำให้สาวคนนี้ตกหลุมรักแต่เป็นหน้าที่เฉยๆ
เพราะมันไม่มีความจำเป็นเลยที่จะเอาผ้ามาคาดตาคิวปิดผู้เป็นเทพแห่งรัก
พรหมจรรย์+รัก = การแต่งงาน มีลูก
และตรงท้องของ Flora ก็ดูกลมแปลกๆหรือกับนางกำลังท้องนั่นเอง! พร้อมกับมีวีนัสเทพีแห่งรักและความงามมาเป็นคนอวยพรให้เจ้าสาวมีความรักและการแต่งงานที่ดี เหมือนกับที่นางกำลังมองมาที่พวกเราที่กำลังมองในภาพนี้
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่การสันนิษฐานถ้ามองว่าภาพนี้เป็นของขวัญให้เจ้าสาวถ้ามีหลักฐานเพิ่มเติมว่าไม่ใช่ก็ = 55555 มโนไปเองหมดเลย
ถึงยังงั้นภาพนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาที่แม้แต่ปัจจุบัน ก็ยังไม่มีใครบอกได้ 100 % ว่า message ที่ศิลปินอยากบอกเนี่ย มันคืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือ ภาพนี้ก็เป็นอีกภาพที่งดงามและน่าค้นหาแบบสุดๆ ถ้าใครได้ไปอิตาลีก็อย่ามัวแต่มอง The Birth of Venus นะ เพราะ Primavera เนี่ย คือ ดอกไม้งามดอกหนึ่งของ Botticelli เลย
ท้ายที่สุดแล้วหากคิดเห็นอย่างไรหรือมีการตีความใหม่ๆกับภาพปริศนาในสวนนี้ก็สามารถบอกแอดได้ในช่องเม้นเลย และก่อนจะจากกันไปก็ขอจบด้วยคำพูดที่กล่าวถึง คุณ Botticelli
If Botticelli were alive today he'd be working for Vogue
Peter Ustinov
Reference
โฆษณา