29 ก.ค. 2022 เวลา 13:30 • กีฬา
ไขเหตุผล CASTORE เจาะตลาดทีมฟุตบอลอังกฤษได้ ทั้งที่ก่อตั้งมาไม่นาน
1
พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23 กำลังจะเริ่มต้น และก็เป็นประจำเหมือนทุกปีที่แฟนบอลต้องเริ่มออกตระเวนซื้อเสื้อของทีมรักมาสวมใส่ และถ้าคุณมีเงินในกระเป๋ามากพอ การซื้อเสื้อของทีมอื่นที่ถูกใจก็เป็นปกติสำหรับสายเก็บสะสมเสื้อบอล
ท่ามกลางบรรดาแบรนด์ยักษ์ใหญ่มากมาย มีแบรนด์หนึ่งที่โผล่หน้าเข้ามาให้เห็นในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา นั่นคือ Castore ผู้สนับสนุนชุดแข่งขันของ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, แอสตัน วิลล่า, และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งบางคนอาจจะเห็นแล้วได้แต่สงสัยว่า นี่มันคือแบรนด์อะไร ? และด้วยความไม่มั่นใจที่เกิดขึ้น คุณอาจจะปล่อยผ่านเสื้อตัวนั้นไปโดยไม่ได้ทำความรู้จักกับมันให้ดีพอ
ความจริงคือ Castore ถือเป็นแบรนด์กีฬาระดับสูงที่คลุกคลีกับกีฬาคนรวย ก่อนกระโดดมาเปิดตลาดในโลกลูกหนังและเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนน่าจับตา วันนี้เราจึงพาคุณมาทำความรู้จัก Castore แบรนด์หน้าใหม่มาแรงที่เป็นพันธมิตรกับทีมระดับกลางในพรีเมียร์ลีกมากมาย และอาจจะมากกว่านี้อีกในอนาคต
[วางรากฐานจากกีฬาระดับสูง]
เหตุผลแรกที่ทำให้แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาน้องใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2015 อย่าง Castore สามารถเข้ามาเจาะตลาดในลีกฟุตบอลหมายเลขหนึ่งของโลกได้อย่างจริงจัง เกิดจากรากฐานของแบรนด์ที่เติบโตในกลุ่มกีฬาระดับสูงของอังกฤษ จนสามารถสร้างกลุ่มลูกค้าที่หนาแน่น แม้แต่นักกีฬาระดับโลกยังติดใจในคุณภาพสินค้าของพวกเขา
Castore คือแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาของ พี่น้องเบฮอน สองผู้ก่อตั้งที่คลุกคลีกับเกมกีฬามาตั้งแต่วัยเยาว์ โดย โทมัส ผู้เป็นพี่ชายเคยเป็นนักเตะเยาวชนของ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ส่วน ฟิลิป ผู้เป็นน้องชายเคยเป็นเด็กฝึกของ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยังเคยเล่นกีฬาคริกเก็ตอีกด้วย
แต่หลังจากตระหนักได้ว่าพวกเขาคงไม่มีทางก้าวสู่จุดสูงสุดในฐานะนักกีฬาได้ สองพี่น้องตระกูลเบฮอนจึงเห็นตรงกันว่า ความฝันใหม่ของพวกเขาคือการสร้างแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่เจาะตลาดระดับสูงได้ทันที โทมัสและฟิลิปจึงทำงานอย่างหนักเพื่อให้ความฝันของพวกเขาเกิดขึ้นจริง ทั้งสองย้ายมาทำงานในกรุงลอนดอนเพื่อเก็บเงินเปิดบริษัท และยังตระเวนไปตามยิมของเหล่าคนรวยในลอนดอน เพื่อสอบถามว่าพวกเขาต้องการเสื้อผ้ากีฬาแบบไหนกันแน่
1
สองพี่น้องเบฮอนเก็บข้อมูลอยู่ราวสองปีจึงพร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์ Castore ของตัวเองขึ้นมา โดยมีฐานการผลิตอยู่ในภูมิภาคยุโรปใต้ที่เต็มไปด้วยโรงงานผลิตเสื้อผ้าระดับสูง แม้ครั้งหนึ่งพวกเขาจะเคยถูกเจ้าของโรงงานชาวอิตาเลียนหาว่าบ้า กับการตัดสินใจกระโดดสู่วงการเสื้อผ้ากีฬาทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องการผลิตเสื้อผ้า แถมยังไม่มีเส้นสายในวงการ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของพวกเขา แบรนด์ Castore ก็เดินหน้าเป็นรูปเป็นร่าง
จุดเด่นของเสื้อผ้ากีฬาจาก Castore คือการรับประกันว่าเสื้อผ้าจะมีความทนทานและสามารถใช้งานได้ยาวนานไม่ต่ำกว่า 5 ปี แต่ถึงจะชูจุดขายในเรื่องนี้ Castore ก็เป็นแบรนด์กีฬาระดับสูงที่เจาะตลาดกลุ่มคนรวยในอังกฤษที่คลุกคลีกับกีฬาระดับบน เช่น เทนนิส หรือ คริกเก็ต และยังผลิตเฉพาะเสื้อผ้ากีฬาสำหรับผู้ชายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
การจำกัดกลุ่มเป้าหมายของ Castore ให้แคบมากในช่วงแรก กลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้แบรนด์ของสองพี่น้องเบฮอนเติบโตเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะพวกเขารู้ดีว่าคนรวยไม่ได้ต้องการสินค้าที่หลากหลายแต่ต้องการสินค้าเพียงชิ้นเดียวที่มีคุณภาพมากพอจะมัดใจได้ พี่น้องเบฮอนที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าของพวกเขาจึงเลือกขายสินค้าที่พวกเขามั่นใจว่าจะผลิตออกมาด้วยคุณภาพระดับสูงสุดเท่านั้น
ความยอดเยี่ยมในคุณภาพเสื้อผ้าของ Castore จึงไปเข้าหูนักกีฬาชื่อดังหลายราย หนึ่งในนั้นคือ แอนดี้ เมอร์เรย์ นักเทนนิสชื่อดังอดีตมือหนึ่งของโลก ที่สังเกตเห็นโค้ชของตัวเองใส่เสื้อเทนนิสแบรนด์ Castore และถูกใจคุณภาพของมันมาก เมอร์เรย์จึงติดต่อพูดคุยกับสองพี่น้องเบฮอนจนก้าวเข้ามาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์และผู้ถือหุ้นของ Castore นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา นอกจากนี้ในปี 2022 Castore ยังกลายมาเป็นผู้ผลิตชุดลำลองให้กับ McLaren ทีมแข่งรถ F1 ชื่อดังอีกด้วย
การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์โดยนักกีฬาระดับโลกทำให้ Castore ได้รับการคาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้มากถึง 8.1 ล้านปอนด์ หรือราว 357 ล้านบาทในปีดังกล่าว นี่จึงเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Castore กล้าจะก้าวออกจากตลาดกีฬาระดับสูงเป็นครั้งแรก เพื่อเดินหน้าสู่กีฬาที่สองพี่น้องเบฮอนหลงรักจริงจัง นั่นคือฟุตบอล
1
[แบรนด์ที่สร้างจากความเชื่อใจ ไม่ใช่เงิน]
1
ความจริงแล้ว Castore มีแผนอยากจะก้าวกระโดดสู่ตลาดกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่ก่อนหน้าปี 2019 แล้ว เพราะมองเห็นว่านี่คือช่องทางที่จะทำให้แบรนด์เติบโตไปในระดับโลก แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านเงินทุนจึงส่งผลให้พวกเขายังไม่สามารถขยายธุรกิจสู่เกมลูกหนังได้
แต่เมื่อสถานะการเงินมีความพร้อม Castore ไม่รีรอที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนชุดแข่งขันของทีมดังระดับยุโรปทันที โดยฤดูกาล 2020-21 พวกเขาเริ่มต้นจากการเป็นพันธมิตรกับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ทีมดังจากลีกสกอตแลนด์โดยเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปี ส่วนมูลค่าของสัญญาอยู่ที่ 25 ล้านปอนด์ หรือราว 1.1 พันล้านบาท
1
เมื่อการทดลองตลาดฟุตบอลกับทีมในลีกสกอตแลนด์ไปได้สวยก็ถึงเวลาที่ Castore จะก้าวสู่เวทีใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021-22 แบรนด์จึงได้เข้าเป็นผู้สนับสนุนชุดแข่งขันของ วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด โดยตกลงมูลค่าในสัญญาเป็น 1 ล้านปอนด์ และ 5 ล้านปอนด์ต่อปีตามลำดับ
ความน่าสนใจในการทำสัญญานี้คือ วูลฟ์แฮมป์ตันและนิวคาสเซิลต่างได้เงินในสัญญาฉบับใหม่กับ Castore น้อยลงกว่าสัญญาฉบับเดิม โดยวูล์ฟส์เคยได้เงินจาก adidas ปีละ 3 ล้านปอนด์ ส่วนนิวคาสเซิลเคยได้เงินจาก Puma ปีละ 6.5 ล้านปอนด์ จึงค่อนข้างชัดเจนว่าข้อได้เปรียบของ Castore ในตลาดชุดแข่งขันฟุตบอลไม่ใช่เรื่องเงินอย่างแน่นอน
เหตุผลที่สโมสรในพรีเมียร์ลีกเลือกจับมือเป็นพันธมิตรกับ Castore ย่อมหนีไม่พ้นความจริงที่พวกเขาเป็นแบรนด์หน้าใหม่ที่ให้อิสระกับสโมสรมากกว่าแบรนด์ดังระดับโลก โดยรายละเอียดของสัญญาในแต่ละสโมสรจะแตกต่างกันไป เช่น ดีลของวูล์ฟส์ที่ Castore จะรับหน้าที่ผลิตชุดแข่งขันให้เท่านั้น แต่ไม่มีสิทธิ์ในการขายสินค้าของวูล์ฟส์ ส่วนนิวคาสเซิลเป็นดีลแบบเต็มรูปแบบ แต่สโมสรจะได้ประโยชน์ที่ Castore จะเข้าไปเปิดร้านค้าในพื้นที่เพื่อเพิ่มการเข้าถึงสินค้าให้มากขึ้น
สรุปง่าย ๆ คือ Castore เลือกจะเป็นแบรนด์ที่หยืดหยุ่นและเลือกจะพูดคุยกับสโมสรฟุตบอลอย่างตรงไปตรงมา มากกว่าจะเอาเงินฟาดหัวแล้วจบเหมือนแบรนด์ระดับโลก สิ่งนี้ทำให้ Castore กลายเป็นแบรนด์กีฬาที่หลายสโมสรกำลังจับตามอง ซึ่งล่าสุดพวกเขาได้เพิ่ม แอสตัน วิลล่า เข้าเป็นสโมสรที่สามที่ใช้ชุดแข่งขันแบรนด์ดังกล่าวโลดแล่นบนพรีเมียร์ลีก
Castore ยังทำตามเป้าหมายอีกอย่างที่ตั้งไว้สำเร็จในฤดูกาลปัจจุบัน คือการขยายบทบาทผู้ผลิตชุดแข่งขันสู่ลีกนอกสหราชอาณาจักร โดยขณะนี้พวกเขาเป็นพันธมิตรกับหลายทีมในหลายลีกชั้นนำ ทั้ง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ของบุนเดสลีกา, เซบียา ของลา ลีกา และ เจนัว ของเซเรีย บี
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Castore บนเวทีลูกหนังถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับพวกเขาเท่านั้น เพราะความทะเยอทะยานแท้จริงของแบรนด์คือการก้าวเป็นพันธมิตรกับทีมระดับยุโรป ซึ่งพวกเขาพลาดหวังไปในการเจรจากับ โรม่า, นาโปลี และ ลาซิโอ แต่ถึงอย่างนั้นความสำเร็จในการจับมือกับทีมระดับกลางของ Castore ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้เลย
Castore จึงกลายเป็นแบรนด์ที่น่าจับตามากว่าจะเดินไปยังทิศทางใดต่อไป เพราะด้วยระยะเวลาไม่ถึง 3 ปีในวงการฟุตบอล นี่คือแบรนด์ที่กระจายชุดแข่งขันไปยัง 4 ประเทศหลักของกีฬาฟุตบอลได้สำเร็จ ไม่แน่ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าทีมรักของคุณอาจจะเปลี่ยนมาสวมเสื้อจากแบรนด์ของสองพี่น้องชาวอังกฤษก็เป็นได้
บทความโดย ณัฐนันท์ จันทร์ขวาง
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา