“คริสทัลล์นัคท์ (Kristallnacht)” ค่ำคืนที่โลกรับรู้ถึงการกดขี่ชาวยิว
“คริสทัลล์นัคท์ (Kristallnacht)” หรือ “คืนกระจกแตก (Night of Broken Glass)” เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ.1938 (พ.ศ.2481) และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นก้าวแรกของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในนาซีเยอรมัน
ในเหตุการณ์นี้ หน่วย SA ได้จับมือกับประชาชนชาวเยอรมัน ร่วมกันทำลายบ้าน ห้างร้าน และโบสถ์ของชาวยิว
กลุ่มม๊อบได้ทำการโจมตีชาวยิว ในขณะที่ตำรวจก็ได้จับกุมชาวยิวให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะจับได้ และจากความรุนแรงนี้ ก็ได้ทำให้กระจกตามอาคารต่างๆ แตกจนกระจายเกลื่อนเต็มถนน เป็นที่มาของชื่อ “คืนกระจกแตก (Night of Broken Glass)”
เมื่อเหตุการณ์นี้จบลง ก็พบว่ามีชาวยิวเสียชีวิตไปถึง 91 คน โบสถ์ของชาวยิวถูกเผาไปกว่า 900 แห่ง อีกทั้งยังมีการทำลายคัมภีร์และวัตถุโบราณที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ของชาวยิวอีกด้วย
ธุรกิจชาวยิวเกือบ 7,000 แห่งถูกทำลาย รวมทั้งบ้านของชาวยิวก็เสียหาย ทำให้ชาวยิวนับพันกลายเป็นคนไร้บ้าน
ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งโรงเรียน อาคารต่างๆ แม้แต่สุสาน ก็ถูกรุกราน อีกทั้งชายชาวยิวอายุระหว่าง 16-60 ปีจำนวนกว่า 30,000 คน ก็ถูกทางการจับกุม
ความรุนแรงได้ระบาดไปทั่ว ทุกที่ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับชาวยิว ล้วนแต่ถูกทำลาย
ทางด้านนาซี ก็ได้ออกคำสั่งให้ตำรวจเยอรมันและหน่วยดับเพลิง ให้อยู่เฉยๆ ห้ามให้การช่วยเหลือชาวยิวเด็ดขาด
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ ก็ได้มีปัจจัยหลายอย่างที่นำพามาสู่เหตุการณ์นี้ หนึ่งในนั้นก็คือการที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวได้เข้าร่วมกับกองทัพ และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเยอรมนี และนาซีก็กล่าวโทษว่าความพ่ายแพ้นั้นเป็นเพราะชาวยิว
นอกจากนั้น ยังมีกฎหมายต้านชาวยิวออกมาอีกเรื่อยๆ โดย “กฎหมายเนือร์นแบร์ค (Nuremberg Laws)” ซึ่งประกาศใช้ในปีค.ศ.1935 (พ.ศ.2478) ได้ถอนสัญชาติชาวยิว และห้ามการสมรสข้ามเชื้อสาย
28 ตุลาคม ค.ศ.1938 (พ.ศ.2481) ชาวโปแลนด์เชื้อสายยิวจำนวน 17,000 คน ได้ถูกจับกุมในเยอรมนี และถูกส่งไปยังค่ายกักกัน
ในเวลานั้น “แฮร์เชิล กรืนชปาน (Herschel Grynszpan)” ชาวโปแลนด์เชื้อสายยิวที่เกิดในเยอรมนี ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 17 ปี และกำลังศึกษาอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้ทราบข่าวของครอบครัวตนเองที่อยู่ในเยอรมนี และโกรธมาก
แฮร์เชิล กรืนชปาน (Herschel Grynszpan)
กรืนชปานได้บุกไปถึงสถานทูตเยอรมนี และได้ยิง “แอ็นสท์ ฟ็อม ราท (Ernst vom Rath)” นักการทูตของนาซีจนเสียชีวิต
จากเหตุการณ์นี้ “โจเซฟ เกิบเบิลส์ (Joseph Goebbels)” มือซ้ายของฮิตเลอร์ ได้กล่าวสปีชปลุกปั่นมวลชน โดยมีใจความสำคัญที่สื่อได้ว่าชาวเยอรมันสามารถใช้ความรุนแรงต่อชาวยิวในเยอรมนีได้
ตำรวจฝรั่งเศสได้ทำการจับกุมกรืนชปาน โดยมีรายงานว่าหลังจากถูกจับกุม กรืนชปานได้กล่าวว่า
แอ็นสท์ ฟ็อม ราท (Ernst vom Rath)
“การเป็นคนยิวไม่ใช่อาชญากรรม ผมไม่ใช่สุนัข ผมมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ และคนยิวก็มีสิทธิที่จะดำรงอยู่บนโลก”
ไม่มีใครทราบแน่ชัดถึงชะตากรรมของกรืนชปานหลังจากนั้น บ้างก็ว่าเขาถูกกักขังในคุกในปารีส ก่อนจะถูกย้ายไปเยอรมนี บ้างก็ว่าเขาถูกนาซีประหาร หากแต่ก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด
เรียกได้ว่าการสังหารครั้งนี้ ได้กลายเป็นข้ออ้างที่นาซีใช้ในการกวาดล้างชาวยิว
ภายหลังจากเหตุการณ์คริสทัลล์นัคท์จบลง ทางการก็ได้กล่าวโทษชาวเยอรมันเชื้อสายยิว และมีการจัดประชุมเพื่อประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์คริสทัลล์นัคท์
นาซีได้เรียกค่าเสียหายจากชาวยิวเป็นเงินจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 14,400 ล้านบาท) และทางราชการก็ได้ทำการปลดข้าราชการชาวยิวออก อีกทั้งยังโอนย้ายธุรกิจของชาวยิวมาเป็นของคนที่ไม่ใช่ชาวยิว
โจเซฟ เกิบเบิลส์ (Joseph Goebbels)
เหตุการณ์คริสทัลล์นัคท์ ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้นาซียิ่งกดขี่ชาวยิวมากกว่าเดิม และจุดประกายให้เกิดการต่อต้านชาวยิว
เมื่อถึงปีค.ศ.1939 (พ.ศ.2482) ชาวยิวก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าสถานที่สาธารณะหลายแห่ง รวมทั้งโรงเรียนและสวนสาธารณะ
นอกจากนั้น ชาวยิวยังถูกห้ามไม่ให้ทำใบขับขี่ แม้แต่สถานีวิทยุก็ถูกยึด และยังห้ามชาวยิวครอบครองอาวุธปืนอีกด้วย
เหตุการณ์คริสทัลล์นัคท์ เป็นเหตุการณ์ที่โด่งดังไปทั่วโลก หากแต่ถึงอย่างนั้น ก็มีเพียงไม่กี่ชาติที่ให้ความช่วยเหลือ เพิ่มโควต้าในการรับผู้อพยพ
ในอังกฤษ สมาคมศาสนาต่างๆ และชุมชนชาวยิว ได้แอบสนับสนุนเงินทุนอย่างลับๆ ในการออกวีซ่าให้แก่เด็กชาวยิวที่อพยพกว่า 10,000 คน
แต่ถึงอย่างนั้น รัฐบาลอังกฤษก็ไม่เข้ามาก้าวก่าย และสถานการณ์ก็ยิ่งยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากการที่ชาวยิวจะหนีออกจากเยอรมนีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
มีรายงานว่า ในช่วงเหตุการณ์คริสทัลล์นัคท์จนถึงเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีชาวยิวกว่า 120,000 คนหนีออกจากเยอรมนี
นี่ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็เป็นประวัติศาสตร์ที่โหดร้ายบทหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 20
- 17
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
