31 ก.ค. 2022 เวลา 03:56 • ความคิดเห็น
ปีนี้เราจะเหลือเงินเท่าไหร่เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว / Anontawong's Musings
เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้ฟังพอดแคสต์ที่ชื่อว่า KO$HER MONEY ซึ่งสัมภาษณ์รับบี Manis Friedman
รับบี (ภาษาอังกฤษออกเสียงว่า "แรบาย") คืออาจารย์สอนศาสนายิว
มีคอนเซ็ปต์หนึ่งที่รับบีฟรีดแมนกล่าวเอาไว้ที่ผมรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อแต่ก็น่าสนใจเกินกว่าจะโยนทิ้ง
รับบีกล่าวว่า ปีนี้คุณจะมีเงินเท่าไหร่นั้น มันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ของชาวยิวแล้ว
วันขึ้นปีใหม่ยิวนั้นมีชื่อเรียกว่า Rosh Hashanah ซึ่งในปี 2022 นี้คือช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายนถึงค่ำวันอังคารที่ 27 กันยายน
เมื่อพระเจ้าได้กำหนดไว้แล้วว่าปีนี้คุณจะทำเงินได้เท่าไหร่ จึงไม่จำเป็นต้องไปกังวลหรือเอาเป็นเอาตายเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้มากเกินไป เพราะสุดท้ายแล้วมันไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรเลย
ความฉลาดไม่ได้ทำให้ร่ำรวย เราก็เห็นอยู่ว่ามีคนรวยหลายคนที่ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น
1
ขณะเดียวกันเราก็เห็นคนยากจนมากมายที่ทั้งฉลาด ทั้งขยัน ทั้งทดลองทำแล้วทุกอย่าง แต่ก็ไม่รวยขึ้นเสียที
1
เราอาจจะเถียงว่า อ้าว ถ้าวันนี้เราทำงาน OT เราก็จะได้เงินเพิ่มไม่ใช่เหรอ หรือถ้าเปิดร้านเกินเวลาก็ได้รายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
แต่รับบีบอกว่า อย่าดูแค่ขาเข้าอย่างเดียว ต้องดูขาออกด้วย ถ้าคุณเปิดร้านเกินเวลา อาจได้เงินมาเพิ่มก็จริง แต่ถ้าต้องเสียค่าปรับหรือต้องขึ้นโรงขึ้นศาลก็อาจจะเหลือเงินน้อยกว่าเดิมก็ได้
หรือถ้าคุณทำงานเยอะๆ อดหลับอดนอนจนล้มหมอนนอนเสื่อ เงินส่วนต่างที่ได้มาอาจต้องเอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลอยู่ดี
ดังนั้นเงินที่คุณจะได้ในปีนี้นั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว อย่าไปซีเรียสกับมันนัก
พิธีกรจึงถามต่ออีกว่า ถ้าเงินถูกกำหนดไว้แล้ว อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอะไรเลยน่ะสิ เพราะยังไงพระเจ้าก็จะให้เงินเราใช้เท่านี้อยู่แล้ว
รับบีบอกว่าเป็นคำถามที่ดี การทำมาหาเลี้ยงชีพนั้นเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องของปาฏิหาริย์ เป็นการอำนวยพรของพระเจ้า แต่ปาฎิหาริย์ไม่อาจเกิดขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มี่ขลุ่ย มันต้องอาศัยช่องทางของเรื่องปกติธรรมดานี่แหละ
เราอาจจะเคยได้ยินนิทานของชายผู้เชื่อมั่นในพระเจ้า:
วันหนึ่งน้ำท่วมหนัก รถบรรทุกลุยน้ำมาเพื่อมารับชายคนนั้นออกจากพื้นที่
"ไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะมาช่วยผมอย่างแน่นอน"
ระดับน้ำยังสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงชั้นสอง ชายคนนั้นต้องมาอยู่บนหลังคาบ้าน มีเรือของหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วย
"ไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะมาช่วยผมอย่างแน่นอน"
น้ำยังคงสูงขึ้นไม่หยุด แม้จะยืนบนหลังคาน้ำก็ท่วมอกขายคนนั้นแล้ว มีเฮลิคอปเตอร์บินมาช่วยชายคนนั้น
"ไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะมาช่วยผมอย่างแน่นอน"
แล้วชายคนนั้นก็จมน้ำตาย เมื่อเขาไปถึงสวรรค์และได้พบกับพระเจ้า เขาก็ต่อว่าพระเจ้าเป็นการใหญ่
"ทำไมท่านไม่มาช่วยผม?"
"ไม่ได้ช่วยตรงไหน เราส่งทั้งรถบรรทุก เรือ และเฮลิคอปเตอร์ไปให้เจ้าแล้วนะ"
1
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ แต่ต้องเกิดผ่านเรื่องที่เป็นธรรมชาติและเรื่องที่เป็นธรรมดา
ถ้าคุณเปิดร้านขายของ ยอดขายเดือนละ 500,000 บาท แล้วตอนนี้คุณอยากได้ยอดขายเดือนละ 1,000,000 บาท คุณก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เช่นขยายร้านให้ใหญ่ขึ้น มีสินค้าให้เลือกเยอะกว่าเดิม เพิ่มช่องทางออนไลน์ ฯลฯ
เมื่อเราต้องการจะมีรายได้มากขึ้น เราก็ต้องขยาย "ภาชนะ" เพื่อจะรองรับมันเช่นกัน
แต่ถ้าเราบอกว่า อยากมีรายได้มากขึ้นสองเท่า แต่ทำทุกอย่างเหมือนเดิม แล้วพระเจ้าจะช่วยเราได้อย่างไร หากเราอยากได้เงิน แต่เราไม่ยื่นมือออกมา คิดเหรอว่าจะมีใครเอาเงินมายัดใส่กระเป๋ากางเกงให้เรา
ดังนั้น อย่างน้อยที่สุด เราต้องยื่นมือออกมาก่อน แสดงให้คนอื่นเห็นก่อนว่าเราพร้อมจะรับแล้ว
แน่นอนว่าสิ่งที่รับบีพูดมาอาจจะยังมีช่องโหว่ คนช่างคิดและเต็มไปด้วยตรรกะคงเถียงกันได้ไม่จบสิ้น
แต่ผมก็ยังเชื่อว่าบางแง่มุมของเรื่องนี้ยังมีประโยชน์อยู่ดี จึงตัดสินใจนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้
ข้อสรุปที่ผมได้สำหรับตัวเอง คือเราควรทำตามหน้าที่ของเราไปด้วยความซื่อตรงและขยันขันแข็ง เพื่อเป็นการเปิดทางให้พระเจ้าได้แสดงปาฏิหาริย์ผ่าน "ภาชนะ" ที่เราตระเตรียมเอาไว้แล้ว
1
แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดการณ์เอาไว้ ก็ไม่เป็นไร ให้นึกถึงสุภาษิตจีนที่ว่า ความพยายามเป็นเรื่องของมนุษย์ ความสำเร็จเป็นเรื่องของฟ้าดินครับ
4
ขอบคุณเนื้อหาจาก The Secret to Becoming TRULY Rich (with Rabbi Manis Friedman)| KOSHER MONEY Episode 20 นาทีที่ 25-30
โฆษณา