Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Horispire
•
ติดตาม
1 ส.ค. 2022 เวลา 07:35 • ธุรกิจ
เจาะลึก 5 Stages of Awareness ทำอย่างไรให้คนแปลกหน้ากลายมาเป็นลูกค้าเรา?
เจาะลึก 5 Stages of Awareness ทำอย่างไรให้คนแปลกหน้ากลายมาเป็นลูกค้าเรา?
หากลองสังเกตในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าการทำธุรกิจในแต่ละตลาดมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงเลยใช่ไหม? มิหนำซ้ำยังต้องใช้ความรวดเร็วมาก ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า “ทำไม? ในตลาดถึงมีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีหน้าตาหรือความสามารถเหมือน ๆ กันมากมาย” ซึ่งนั่นก็เป็นข้อดีของลูกค้าที่มีตัวเลือกหลากหลาย..
แต่ตรงกันข้ามกับฝั่งคนทำธุรกิจ ที่ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเลย และยิ่งลูกค้ามีตัวเลือกเยอะ... ก็ยิ่งเป็นเรื่องท้าทายมาก ที่นักการตลาดอย่างคุณจะทำให้ลูกค้ามาเลือกผลิตภัณฑ์ของธุรกิจเรา เพราะไม่ใช่แค่ว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่ในมือเพียงเท่านั้น จึงทำให้กลุ่มเป้าหมายถึงจะเดินเข้ามาหาเราได้เลย แต่เราจะต้องรู้วิธีที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายมาเจอคุณค่าของผลิตภัณฑ์เราให้เร็วที่สุด เราถึงจะสามารถเปลี่ยนพวกเขาให้กลายมาเป็นลูกค้าได้!
และบทความนี้ เราจึงจะพาคุณไปเจาะลึก 5 Stages of Awareness เทคนิคที่จะช่วยเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายมาเป็นลูกค้าของธุรกิจคุณอย่างง่ายดาย จะมีอะไรบ้าง ไปติดตามกันต่อได้เลย
5 Stages of Awareness คืออะไร?
5 Stages of Awareness คือ เทคนิคในการเขียนคำโฆษณา (Copywriting) หรือการสร้างคอนเทนต์ต่าง ๆ ขึ้นมาสักคอนเทนต์หนึ่ง ที่จะช่วยกระตุ้นให้คนที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่างอยู่ ให้รู้ตัวเอง รู้วิธีแก้ปัญหา และรู้จักผลิตภัณฑ์ของเรา จนกระทั่งเกิดการซื้อขึ้น
ซึ่ง Eugene Schwartz ผู้คิดค้นเทคนิคนี้ได้กล่าวไว้ว่า “การมีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ อยู่ในมือก็ไม่เพียงพอสำหรับการขาย เพราะคุณต้องหาจุดที่ทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการไปพบกับกลุ่มเป้าหมายของคุณด้วย จึงจะทำให้ขายผลิตภัณฑ์หรือบริการเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ดังนั้น หากธุรกิจใดจะนำ 5 Stages of Awareness ไปใช้ล่ะก็ คุณจะต้องมีการวาง Buyer Persona เสียก่อน กล่าวคือ “คุณต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณก่อนว่าพวกเขาคือใคร มีพฤติกรรมหรือนิสัยเป็นอย่างไร และช่องทางไหนที่พวกเขาอยู่ เพื่อทำให้เราสามารถนำผลิตภัณฑ์ของเราไปเจอพวกเขาได้”
และที่สำคัญ ถ้าธุรกิจจะคิดคำโฆษณาหรือเขียนคอนเทนต์เพื่อมาดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น คุณจะต้องคิดและมองทุก ๆ อย่างในมุมมองของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้ธุรกิจมั่นใจได้ว่ากลุ่มเป้าหมายจะเกิดการกระทำบางอย่างที่ธุรกิจตั้งเป้าไว้ เช่น เกิด Awareness รับรู้ว่ามีสินค้าชิ้นนี้อยู่ เป็น Traffic เข้าเว็บไซต์ หรือเกิด Conversion กดซื้อผลิตภัณฑ์นั้นขึ้นในที่สุดนั่นเอง
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะไปเจาะถึง 5 Stages of Awareness กันแล้ว ซึ่งจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ไปดูกันน!
5 Stages of Awareness
เริ่มต้นด้วย Unaware หรือ ขั้นที่ลูกค้ายังไม่รู้อะไรเลย ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาอยู่ ยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ช่วยทำให้พวกเขาใช้ชีวิตได้สะดวกสบายกว่าที่เป็นอยู่เกิดขึ้นมาแล้ว โดยส่วนมากคนที่อยู่ในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนเยอะที่สุด และยังไม่ใช่คนที่สนใจในผลิตภัณฑ์ของเรา นั่นจึงเป็นขั้นตอนที่ท้าทายนักการตลาดคุณที่สุดเลยก็ว่าได้
และคุณจะต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้พวกเขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่า “กำลังเผชิญกับปัญหาอยู่” ด้วยการป้อนข้อมูลบางอย่างไปให้เขา เช่น การทำคอนเทนต์ให้เห็นภาพรวมแบบกว้าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์และกระตุ้นให้พวกเขารู้สึกอะไรบางอย่าง
เพราะโดยปกติแล้ว กลุ่มเป้าหมายอาจจะไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาเหล่านั้น แต่ในขณะที่พวกเขาเลื่อนหน้าฟีดเจอร์ของ Facebook แล้วเจอบทความของเรา เมื่อกดเข้ามาอ่านก็จะทำให้เริ่มตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังมีปัญหานั้นอยู่นะ และแม้ว่าตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ แต่ข้อมูลส่วนนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้พวกเขาเริ่มรู้จักคุณมากขึ้น อย่างน้อยถ้าเกิดว่าในอนาคตเขาต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการขึ้นมา ชื่อของธุรกิจคุณก็จะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยนั่นเอง
ตามมาติด ๆ ด้วย Problem Aware หรือ ขั้นที่ลูกค้าเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังประสบปัญหานั้นอยู่ รู้ว่าปัญหานั้นคืออะไร แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามีวิธีใดบ้างที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ และที่สำคัญ “เขายังไม่รู้จักคุณ” และยังไม่มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับธุรกิจเราเลย
ซึ่งหลังจากที่ลูกค้าได้อ่านบทความในขั้น Unaware ที่พวกเขาเห็นและเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเองอยู่ เขาก็จะเริ่มค่อย ๆ เจาะลึกไปที่ปัญหานั้น เช่น หลังจากที่ นายเอ อ่านคอนเทนต์จากขั้น Unware แล้วก็เริ่มตระหนักแล้วว่ามีปัญหาอ้วนลงพุง เพราะนั่งทำงานหน้าจอทั้งวันแทบไม่ได้ขยับไปไหน กินข้าวเสร็จก็มานั่งทำงานต่อ แล้วพอเลิกงานก็เหนื่อยล้าจนไม่ได้ออกกำลังกาย แถมยังมีปาร์ตี้เป็นประจำอีกด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วนลงพุง
ตัวอย่างคอนเทนต์ในขั้น Problem Aware นี้ คือ “โรคอ้วนลงพุง” ปัญหาที่วัยทำงานไม่ควรมองข้าม ซึ่งคุณอาจจะเขียนคอนเทนต์ที่เจาะไปยังโรคอ้วนลงพุงนี้โดยเฉพาะเลยว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดปล่อยไว้นาน ๆ แล้วโรคนี้จะส่งผลต่อร่างกายของคนที่เป็นในระยะยาวอย่างไร
และที่สำคัญควรเป็นคอนเทนต์ที่มอบคุณค่าแน่น ๆ ประโยชน์คับแก้ว ให้ผู้อ่านรู้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่มันเป็นปัญหาอยู่นะ ถ้าปล่อยไว้นานสุขภาพของคุณอาจจะแย่ลงอีก หากไม่ป้องกันหรือทำอะไรสักอย่าง ซึ่งปัญหานี้มันก็สามารถแก้ไขได้ ด้วยวิธีการ เช่น ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร กินอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง งดดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ต่อมา Solution Aware หรือ ขั้นที่ลูกค้ารู้แล้วว่าควรแก้ปัญหาด้วยวิธีหรือผลิตภัณฑ์ใด แต่ก็ยังไม่ได้เจาะจงว่าจะใช้วิธีหรือผลิตภัณฑ์ไหน ซึ่งหากเรายังไม่ใช่บริษัทที่มีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป กลุ่มเป้าหมายของเราก็อาจจะยังไม่รู้จักเราก็เป็นได้
ดังนั้น ช่วงเวลานี้จึงนับว่าเป็นช่วงสำคัญที่เราจะต้องมัดใจกลุ่มเป้าหมายให้ได้ อย่าปล่อยให้พวกเขาหลุดมือไปให้กับเจ้าอื่นก่อนที่จะเจอเรา และสิ่งที่จะส่งกลุ่มเป้าหมายมาให้ถึงหน้าเว็บไซต์หรือช่องทางของธุรกิจได้รวดเร็วที่สุด คือ “คอนเทนต์ที่สื่อสารออกไป” ไม่ว่าจะเป็นบทความ วิดีโอ หรืออื่น ๆ ที่เราได้แปะไว้ตามจุด Touchpoint ของ User Journey เช่น การยิง Ads การแปะลิงก์บทความที่เกี่ยวข้อง การแปะ Backlink ภายในบทความอื่น ๆ
ทั้งนี้ คอนเทนต์ที่เราสื่อสารออกมานั้นจะต้องให้คำตอบกับพวกเขาได้เป็นอย่างดี เพราะคอนเทนต์จะมีคุณค่า ไม่ได้อยู่ที่การเขียนที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นคอนเทนต์ที่สามารถตอบคำถามและมอบประโยชน์ให้กับคนอ่านได้เป็นอย่างดีต่างหาก
ต่อมาขั้นที่สี่ คือ Product Aware หรือ ขั้นที่ลูกค้ารู้ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการไหนที่ตอบโจทย์ตนเอง แต่ยังไม่มีการซื้อเกิดขึ้น ซึ่งในขั้นนี้พวกเขาจะรู้สึกคุ้นเคยทั้งผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราและคู่แข่งของเราได้อย่างชัดเจน จนเกิดการเปรียบเทียบขึ้น แต่ยังไม่แน่ใจว่าของใครคู่ควรกับตัวเขาที่สุด
ในขณะเดียวกัน กลุ่มเป้าหมายอาจจะไม่ได้ต้องการข้อมูลอะไรมาก เพราะได้ซึมซับข้อมูลก่อนก้าวมาขั้นนี้มามากพอแล้ว และตอนนี้แหละ เราก็ได้เวลาขายของอย่างเต็มที่เลย ทำให้พวกเขารู้จักและจดจำเราได้ บอกให้ลุกค้าได้รู้ว่า “เรา” คือใคร มีผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไรบ้างที่จะเป็นประโยชน์กับพวกเขา
และสุดท้าย คือ Highly Aware หรือ ขั้นที่ลูกค้ารู้จักสินค้าหรือบริการของคุณเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจหมายถึงกลุ่มคนที่เคยซื้อสินค้าของคุณไปแล้ว เป็นกลุ่มคนที่รู้สึกไว้ใจในผลิตภัณฑ์ และมีโอกาสสูงที่จะกลับมาซื้อสินค้าของคุณอีกครั้ง หรือเป็นคนที่กำลังอยู่ในขั้นตัดสินใจว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์/บริการของเรา
ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มคนที่มีโอกาสสูงมาก ๆ ในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา และเราต้องทำให้เขารู้สึกว่าผลิตภัณฑ์/บริการของเราเหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว ในขั้นนี้ให้คุณงัดไม้ตายเด็ดออกมาให้หมด!
บทสรุปของ Stages of Awareness
แม้ในอนาคตไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี เราก็ยังคงเชื่อว่าพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคก็จะไม่ต่างจากเดิม มีเพียงแต่ช่องทางการซื้อเท่านั้นที่เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากเราหมั่นพัฒนาคอนเทนต์และศึกษา Pain point ของลูกค้า พร้อมนำมาปรับใช้ ยังไงเราก็ยังเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าเสมอ!
Follow Us
Website:
https://horispire.com/
Blockdit:
https://www.blockdit.com/horispire
Line Official:
https://lin.ee/7N0HfID
Facebook:
https://www.facebook.com/horispire/
#StagesOfAwareness #Unaware #ProblemAware #SolutionAware #ProductAware #HighlyAware #content #Insight #Brand #Promotion #NewNormal #branding #OnlineSocial #Socialmedia #Business #Post #Time #Winner #Survivor #Marketing #Platform #Online #PainPoint #กลยุทธ์ทางการตลาด #การเปลี่ยนแปลง #สิ่งที่แบรนด์ต้องทำ #SartUp #HORISPIRE
ข่าวรอบโลก
ธุรกิจ
การตลาด
1 บันทึก
2
3
1
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย