2 ส.ค. 2022 เวลา 05:37 • ความคิดเห็น
อยากให้ถอยตัวเองออกมายืนหน้าร้านมองอีกที
ร้านทั้งร้านสร้างโดย “เจ้าของผู้ลงทุน”
ซึ่งอาจเป็น “ทุนที่กู้ยืมมา” ต้องจ่าย ”ดอกเบี้ย+เงินต้น” เป็นภาระในการดำเนินกิจการ
ความกดดัน+ความคาดหวังนี้จะถูกถ่ายไปยัง “ผู้จัดการ” รับเงินเดือนประจำ
เป็นค่าตอบแทนในการดูแลจัดการปัญหาทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย(ทุกอย่างในร้านคุณมองเห็น) เค้าจะถูกเจ้าของร้านกำกับโดยตรงว่าผู้จัดการร้านจะต้องทำอะไร อย่างไร ตอนไหน ทั้งเรื่องคน ของ เงินในร้าน
ทุกครั้งที่มีปัญหา”ผู้จัดการ” โดนคุยก่อน โดนทักไลน์ก่อน คุณอาจไม่ได้รับรู้กับเค้า ปัญหาสะดุดในการทำงานของทุกคนคือปัญหาของเค้า
ถ้าเค้าออกอาการหงุดหงิดมากๆ อาจเป็นว่างานนี้มีความรับผิดชอบที่สูงกว่าความสามารถเค้าในตอนนี้ และความผิดพลาดของคุณและเพื่อนร่อมงานรุ่นน้องคนอื่นๆ นับอยู่ในความรับผิดชอบของเค้าด้วย //นี่คือมองในมุมคนทำงานที่มีลำดับขั้นความรับผิดชอบแนวตั้งวางกำกับอยู่
เค้าอาจหัวปั่นกับงานจนลืมนึกถึง”เพื่อน” ยังใหม่กับงานทั้งคู่ แต่ถ้าเค้าอาการหนักมากๆ ก็ถอยออกมาเป็นคนรู้จักทำงานร่วมกัน แต่ควรบอกเพื่อนว่าในฐานะที่รู้จักกันมา ถ้ามีอะไรอยากให้คุยกันบอกกันแบบไม่โฉ่งฉ่าง นานไปจะไม่สบายใจทั้งคู่
อ่านจากหลายๆ ท่านที่ตอบมา เห็นเหมือนกันว่าควรโฟกัสที่ตัวเองเพิ่ม
อยากทำต่อต้องทำให้ดีไม่ว่างานนั้นจะเป็นอะไร เมื่อคุณเปลี่ยนงานใหม่ก็จงทำงานใหม่นั้นให้ดี ฝึกตัวเองให้มองงานที่งาน ทำงานอะไรก็ทำได้ดีเก่งรอบด้าน
เอาความรู้สึกส่วนตัวออกมาจากงาน ใส่ความสามารถ ความเข้าใจตัวงาน workflow ภาพรวมของงาน ความรับผิดชอบเข้าไปแทน
วันข้างหน้าถ้าคุณได้เป็นหัวหน้างาน คุณอาจจะเป็นหัวหน้างานได้ราบรื่นกว่าเพื่อนคุณในวันนี้ก็เป็นได้
ฝากนิดนึงว่า คุณอาจชอบทำงานเดี่ยวมากกว่าทำงานเป็นทีม แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ จงทำงานเป็นทีมให้สมูท มีปัญหาน้อยมากๆ จนคุณสามารถมีเวลาเหลือไปพัฒนาด้านอื่นๆ ที่คุณสนใจ
โฆษณา