Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
DrJudd Chontavat
•
ติดตาม
4 ส.ค. 2022 เวลา 12:13 • ประวัติศาสตร์
**พระมหาธรรมราชา : ผู้ร้ายตลอดกาลแห่งหน้าประวัติศาสตร์ไทย ??** (ตอนที่ 3)
อย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้วว่าขุนพิเรนเป็นทหารคู่ใจของพระไชยราชา ออกรบด้วยกันมาตลอด ดังนั้นเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระไชยราชา คาดว่าท่านก็คงไม่ happy ร่วมกับพระเฑียรก็หนีภัยทางการเมืองออกไปบวช และประเด็นสำคัญคือสามีภรรยาคู่นี้ (ขุนวรวงศา-ท้าวศรีสุดาจันทร์) วางแผนจะเปลี่ยนตัวผู้ดูแลหัวเมืองเหนือ พูดง่าย ๆ ก็คือจะปลดขุนพิเรนนั่นแหละครับ ดังนั้นแกเลยคิดว่าแบบนี้ยอมไม่ได้แน่ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
ปรากฏว่าในเวลานั้นมีทหารทั้งในและนอกราชการหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการครองแผ่นดินของคู่ชู้ชื่นนี้ อันได้แก่ ขุนอินทรเทพ, หมื่นราชเสน่หา และหลวงศรียศ มาปรึกษาว่าต่อไปแผ่นดินน่าจะแย่ คนขึ้นมาเป็นใหญ่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ใครไม่เห็นด้วยจับประหารเรียบ ดังนั้นควรจับขุนวรวงศาธิราชและแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ไปประหารชีวิตเสีย แล้วคืนแผ่นดินให้พระเฑียรราชา
{ 1. เรื่องราวตอนนี้ส่วนนึงผมเล่าไว้ในพระมหาธรรมราชาตอนที่ 1 แล้วนะครับ ลองไปเปิดทบทวนดูได้
2. จะสังเกตว่าผมเปลี่ยนเป็นเรียกแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์แล้วเพราะท่านมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยพระไชยราชาแล้วที่ท่านเป็นคนโปรด พระไชยราชามอบอำนาจให้ดูแลกิจการบ้านเมืองต่างๆมากมาย คนก็เลยเรียก แม่อยู่หัว พอเรียกเร็วๆก็เป็น แม่หยัว ไม่ใช่มาจากคำว่าแม่ยั่วเมืองแบบที่บางคนเข้าใจนะครับ คนละเรื่องกันเลย
3. ในหนังสุริโยทัยของท่านมุ้ยเน้นมากกับคำว่า หมื่นราชเสน่หานอกราชการ พูดถึงตาคนนี้ทีไรก็ต้องเน้นว่านอกราชการ ผมก็สงสัยว่าสำคัญขนาดไหนลองไปค้นข้อมูลดูปรากฏว่าข้อมูลส่วนใหญ่เรียก หมื่นราชเสน่หาในราชการ ผมเลยยิ่งงง 😂😂 โชคดีที่อ.สุเนตรท่านเมตตาโทรมาขยายความให้ฟังว่า หมื่นราชเสน่หาที่เข้าร่วมขบวนการมี 2 คน คือทั้งที่อยู่ในราชการและออกจากราชการแล้ว ผมเลยเคลียร์ในประเด็นนี้ }
2
พอรวบรวมคณะปฏิวัติได้ ก็ไปทาบทามพระเฑียรราชา ท่านก็ทรง ok ที่จะกลับมาครองราชย์ให้ (แต่ท่านไม่มาออกแรงด้วยนะครับ ก็ยังบวชอยู่ในวัดแหละ คอยดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ทำสำเร็จเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากัน)
เมื่อรวมกำลังคนได้มากพอสมควรแล้ว (ซึ่งตอนนี้ได้พระยาพิชัยและพระยาสวรรคโลกมาเข้าร่วมด้วย) ก็ต้องรอจังหวะและโอกาสปฎิบัติการ ก็พอดีมีสายรายงานว่ากรมการเมืองลพบุรีส่งข่าวเข้ามาในวังว่าเจอช้างเผือกเชือกหนึ่งที่ลพบุรี อันพวกช้างเผือกนี้ก็เป็นเครื่องแสดงถึงแสนยานุภาพความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว เป็น King แต่ไม่มีช้างเผือกไม่ได้ มันไม่สมพระเกียรติยศ
ขุนวรวงศาธิราชเลยไม่ยอมพลาด ต้องแสดงฝีมือคล้องช้างเชือกนี้มาให้ได้ เรื่องนี้อาจารย์สุเนตรก็กรุณาขยายความให้ฟังอีกว่า การคล้องช้างในสมัยโบราณมี 2 แบบ แบบแรกคือลุยเข้าไปไล่คล้องในป่า แบบที่ 2 คือต้อนช้างเข้ามาในเพนียดแล้วค่อยไปคล้องในนั้น ในกรณีนี้เป็นแบบที่ 2 เพราะหลักฐานทางประวัติศาสต์ระบุชัดเจนถึงเพนียดวัดซอง ดังที่จะเล่าต่อไป
โอกาสทองของคณะปฏิวัติมาถึงแล้ว ขุนพิเรนเรียกประชุมเครียด ถึงเส้นทางที่จะมาคล้องช้าง ว่าจะเดินทางผ่านบริเวณไหน คลองไหนบ้าง และจะซ่องสุมกำลังพลในการโจมตียังไง ก็มาได้จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือบริเวณคลองบางปลาหมอ (ดูแผนที่ด้านล่างประกอบไปด้วยนะครับจะได้เห็นภาพชัดเจน)
1
คือมันจะมีคลองสระบัวและคลองบางปลาหมอ ซึ่งขุนวรวงศาและขบวนต้องผ่านเพราะจะไปคลองช้างที่เพนียดวัดซอง ขุนพิเรนก็เอากำลังไปดักซุ่มที่คลองบางปลาหมอ พอขบวนเรือเข้ามาใกล้บริเวณปากคลองสระบัว กองกำลังปฏิวัติก็ออกจากที่ดักซุ่มเข้าสกัดจับขุนวรวงศาธิราชกับแม่หยัว พร้อมพระโอรสและพระธิดา (แปลว่าทางแม่หยัวไม่ระแคะระคายเรื่องจะโดนจู่โจมนี้เลย ไม่งั้นคงไม่เอาลูกมาด้วย) แล้วประหารทั้ง 3 คน คือ ขุนวรวงศา แม่หยัว และพระธิดา
1
เหลือไว้แต่พระโอรส คือพระศรีศิลป์ นัยว่าคงเพราะเป็นลูกเจ้านายเก่าคือพระไชยราชา (จำชื่อพระศรีศิลป์ไว้นะครับ เพราะจะโผล่มาอีกทีแบบแสบสันต์)
บริเวณคลองสระบัวที่เป็นที่ประหารเชื่อว่าคือวัดเจ้าย่า และเอาหัวของคู่ชู้ (บางหลักฐานก็บอกหัวพระธิดาด้วย ถ้าจริงก็สงสารเด็ก 😓) ไปเสียบประจานที่วัดแร้ง (ดูแผนที่ประกอบ)
พอดำเนินการสำเร็จเรียบร้อย ก็ไปทูลเชิญพระเฑียรราชาจากวัดราชประดิษฐาน ให้ลาสิกขาออกมาครองราชย์ ทำพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็น "สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ" และท่านก็ได้ปูนบำเหน็จคณะผู้ก่อการปฏิวัติอย่างสมกับความดีความชอบที่ทำมา ซึ่งผมได้เล่าไปแล้วในพระมหาธรรมราชาตอนที่ 1 ลองไปย้อนดูนะครับ
พักไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ขึ้นครองราชย์แล้ว โปรดติดตามตอนต่อไป 😬
เพิ่มเติม : ตอนวางแผนปฏิวัติ มีเรื่องราวนึงที่แสดงถึงความ "เกรียน" ของขุนพิเรนได้อย่างดีครับ คือทีมงานไม่แน่ใจว่าจะทำการนี้สำเร็จไหม
เลยไปทำพิธีเสี่ยงเทียนในวัดแห่งหนึ่งเลือกให้ไกลจากชุมชนจะได้ไม่มีใครรู้เห็น ขุนพิเรนค้านว่าจะไปเสี่ยงเทียนทำไม เตรียมงานกันมาถึงขนาดนี้จะยกเลิกก็คงไม่ได้แล้ว แต่คนอื่นไม่ยอม จะทำพิธีนี้ให้ได้ ขุนพิเรนก็มาด้วยแบบเสียไม่ได้
ขั้นตอนคือ ปั้นเทียนเป็น 2 เล่ม ใช้น้ำหนักขี้ผึ้งเท่ากัน ไส้เทียนยาวเท่ากัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด เล่มหนึ่งหมายถึงขุนวรวงศา อีกเล่มหนึ่งก็คือพระเฑียร จุดไฟ ดูว่าเล่มไหนดับก่อน ใครดับก่อนก็แพ้ ปรากฎว่า เล่มของพระเฑียรดันดับก่อน !! ซีดกันทั้งคณะ !! 😖
ขุนพิเรนคงทั้งรำคาญทั้งยั๊วะ ก็เลยบ้วนน้ำหมากปริ๊ดไปที่เทียนของขุนวรวงศา แม่นมากโดนเทียนดับทันที ทีมงานก็เฮ !! ชนะแน่ !! มีงี้ด้วย 😂😂
#ซอกหลืบประวัติศาสตร์อยุธยา
#พระมหาธรรมราชา
ภาพประกอบที่ 1 : แผนที่บริเวณที่ซุ่มโจมตีขบวนเรือของขุนวรวงศา บริเวณนั้นลำคลองจะเล็ก ทำให้เวลาโดนโจมตี คนก็จะต้องหนีขึ้นฝั่ง ทีมดักซุ่มบนฝั่งสามารถสังหารได้ง่าย
1
ภาพประกอบที่ 2 และ 3 : โคกวัดแร้ง สถานที่เสียบประจานศีรษะ (ปัจจุบันเป็นวัดร้าง ต้นไม้ขึ้นรกครึ้มไปหมด) และศาลท้าวศรีสุดาจันทร์ คนที่เคยไปบอกบรรยากาศขนลุกขนพองตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปเลยครับ 😱😓
ประวัติศาสตร์
4 บันทึก
1
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย