6 ส.ค. 2022 เวลา 03:19 • สุขภาพ
เอาข้อสังเกตง่ายๆ
แยกระหว่างโรคฝีดาษวานรและโรคสุกใส
มาฝากค่ะ คิดว่าจำเป็น เพราะสุกใสเป็นโรคที่เจอบ่อย แต่ฝีดาษวานรกำลังมา
แถมถ้าไปในเด็กต้องแยกจาก
โรคมือ เท้า ปาก ที่ผื่นอออกตามตัวมากๆด้วยแม้ผื่นจะไม่ได้เหมือนกันเลยทีเดียว
ทั้งสองโรคคือทั้งฝีดาษวานร และโรคสุกใส จัดว่าเป็นโรคติดเชื้อ ในกลุ่ม ไข้ ออกผื่น ซึ่งมีลักษณะผื่นแบบ vesiculopapular rash นั่นคือ ผื่นที่เป็นลักษณะของตุ่มน้ำใส
ในการแยกโรคนั้นเราจะอาศัยตั้งแต่ประวัติ ตรวจร่างกาย ไปจนถึง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ระยะฟักตัวอาจจะไม่ช่วยแยกนัก แต่จะเริ่มต่างกันตั้งแต่กลุ่มอายุของผู้ติดเชื้อ
ถ้าโรคฝีดาษวานรเป็นโรคที่เจอบ่อยในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก มักพบในกลุ่มชายรักชาย
ในขณะที่สุกใสพบบ่อยในกลุ่มคนไข้เด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าผู้ใหญ่คนไหนป่วยเป็นสุกใสช่วงนี้ ก็อาจถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นฝีดาษวานรได้ไม่แปลกเลยค่ะ และควรสงสัยด้วยถ้ามีประวัติสัมผัสโรคจากกลุ่มเสี่ยง
เวลาเราจะแยกโรคไข้ผื่นออกจากกัน เบื้องต้น เราจะแยกตามลักษณะอาการทางคลินิกของแต่ละโรค หมอต้องรู้จักนิสัยของโรคแต่ละโรค รู้หน้าตาผื่นของแต่ละโรค
เริ่มตั้งแต่
ประวัติทางระบาดวิทยา คือการสัมผัสโรค
ระยะฟักตัว ลักษณะผื่นที่ขึ้น
ระยะเวลาการดำเนินโรค อาการร่วมอื่นๆ
รูปแบบการขึ้นของผื่น และลักษณะผื่นที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ ว่าลักษณะผื่นเป็นแบบไหน ตำแหน่งที่ตรวจพบรอยโรคอยู่ตรงไหนบ้าง
สิ่งเหล่านี้จะช่วนแยกโรคได้ตั้งแต่ก่อนที่จะส่งแลปได้เลยค่ะ
หลายโรคหมอจึงวินิจฉัยได้ตั้งแต่ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตาเห็นผื่น ยังไม่ต้องส่งแลป
แต่สำหรับโรคอุบัติใหม่ โรคที่พบไม่บ่อย หรือลักษณะรอยโรคที่ไม่ตรงไปตรงมา การใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการจะช่วยได้มาก มีประโยชน์ และควรทำไปจนถึงต้องทำค่ะ เช่นฝีดาษวานรที่เราต้องใช้แลปยืนยันจากอย่างน้อยสองห้องปฏิบัติการขึ้นไป
ส่วนไข้ ผื่น บางโรคผลตรวจทางห้องปฏิบัติการใช้ช่วยยืนยันการวินิจฉัยและใช้ติดตามการรักษาได้ เช่นซิฟิลิส
พิมพ์เล่าด่วนๆตอนว่างงาน... 😅
ใครอยากทราบรายยละเอียด monkeypox เพิ่มตามไปที่ลิงก์นี้ค่ะ มีเขียนไว้แบบง่ายๆ ประชาชนใช้ได้ แพทย์ใช้ดี
โฆษณา