11 ส.ค. 2022 เวลา 11:45 • ข่าวรอบโลก
เลย์วี ไวรัสใหม่พบที่จีน
ฝาดเสียตกใจมันไม่ใช่ไวรัสใหม่ขนาดนั้น เดียวจะมีคนมาว่าจีนแหล่งเพาะเชื้ออีก
นักวิทย์จีนค้นพบไวรัสชนิดใหม่ "เลย์วี" อยู่ในกลุ่มไวรัสนิปาห์ มีผู้ติดเชื้อ 35 ราย ในมณฑลซานตง และเหอหนานในเดือนนี้ แพทย์ยังไม่สามารถยืนยันการติดเชื้อจากคนสู่คนได้ แต่ระบุว่า ผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสกับสัตว์ และคาดว่าไวรัสชนิดนี้มีต้นตอมาจากสัตว์
เลย์วี ไวรัสล่าสุดที่พบในจีนแต่มีรากเหง้าจากอินเดีย/บังคลาเทศ
เพื่อนๆเคยได้ยินหรือรู้จักโรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ไหมครับ โรคนี้พบไม่บ่อยแต่ก็มีการค้นพบและแพร่ระบาดเป็นช่วงๆ นอกจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แล้ว เจ้านี้คือเชื้อไวรัสอีกหนึ่งชนิดที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ และคนสู่คนผ่านตัวกลางได้เช่นกัน ในปัจจุบันยังไม่มียาและวัคซีนรักษาเฉพาะ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ (Nipah virus infection) เป็นโรคติดเชื้อจากสัตว์สู่คน (Zoonotic disease) เกิดจากเชื้อไวรัสนิปาห์ (Nipah virus หรือ NiV) ที่เป็นไวรัสในกลุ่มพารามิคโซไวรัส (Paramyxovirus) นอกจากจะติดต่อจากสัตว์สู่คนได้แล้ว โรคนี้ยังสามารถแพร่กระจายผ่านอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสนิปาห์ หรือติดต่อจากคนสู่คนได้ด้วย การติดเชื้อไวรัสนิปาห์สามารถส่งผลให้เกิดอาการได้หลากหลาย ตั้งแต่การติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ไปจนถึงโรคไข้สมองอักเสบที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
40-75% คืออัตราการเสียชีวิตจาก WHO
มันน่ากลัวระดับไหน ถ้าเราไปศึกษาข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก-WHO ระบุว่า สัตว์ที่ติดเชื้อไวรัสนิปาห์ จะมีอาการรุนแรง และสำหรับมนุษย์ไวรัสชนิดนี้มีระดับความปลอดภัยทางชีวภาพ (biosafety level) อยู่ที่ระดับ 4 สูงสุด คือมีอัตราการติดเชื้อแล้วเสียชีวิตอยู่ระหว่าง 40-75 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงกว่าเชื้อไวรัสโคโรนาที่เรากลัวกันอีก
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยังไม่มียารักษาเฉพาะ ผู้ติดเชื้อจะได้รับการรักษาตามอาการ โดยองค์การอนามัยโลกจัดไวรัสนิปาห์ เป็นหนึ่งในกลุ่มเชื้อไวรัสที่มีโอกาสสูงสุดที่จะกลายเป็นโรคระบาด
ถึงจะมีการพบเชื้อนี้ในจีน แต่โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์แพร่ระบาดครั้งแรกเมื่อปี 1998-1999 โดยผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกคือกลุ่มคนเลี้ยงหมูในหมู่บ้านสุไหง นิปาห์ (Sungai Nipah) ประเทศมาเลเซีย และแพร่ระบาดไปในพื้นที่อื่น รวมถึงประเทศสิงคโปร์ด้วย
ข้อมูลที่กรมควบคุมโรคติดต่อทำเผยแพร่เมือตอนระบาดในมาเลยเซียและสิงคโปร์
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการสัมผัสหรือบริโภคเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น หมู และผู้ป่วยกว่า 40% ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะเป็นโรคทางระบบประสาทขั้นรุนแรง จนทำให้เสียชีวิตเลยที่เดียว โดยที่มาคือหมูที่ได้รับเชื้อจากค้างคาว ที่เกาะอยู่เหนือโรงเลี้ยง ผ่านทางละอองฝอย เยี่ยวและน้ำลาย รวมกระทั่งถึง ที่ปะปนอยู่กับผิวของผลไม้ และติดต่อมายังคนที่ทำงานในโรงฆ่า และชำแหละหมู และซากหมู ติดต่อมา หมาและแมว ที่ไปกิน
ถึงจะมีการค้นพบเชื้ออยากเป็นทางการในปี 1998-1999 จริงๆแล้ว เจ้าโรคนี่แหละคือโรคประจำถิ่นของอินเดีย และบังคลาเทศ จะระบาดทุกปีมาโดยตลอดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยลักษณะเป็นฤดูกาล ตามลักษณะของการปลดปล่อยเชื้อของไวรัสจากค้าวคาว
โรคประจำถิ่นที่ป้องกันได้
ประเทศฟิลิปปินส์ก็มีการระบาดในปี 2014 โรงชำแหละม้า โดยอาการที่เป็นมีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยที่มี หรือไม่มีเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมด้วย
จากข้อมูลมันมาจากค้างคาวแต่ที่จีนมันมาจากสัตว์ที่มีชื่อว่า "หนูผี" (shrews) สัตว์ฟันแทะที่มีขนาดเล็ก โดยผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงอย่างเป็นไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต อาจจะเร็วไปแต่ระยะเวลาอาจจะต้องเฝ้าสังเกตต่อไป เพราะจากประวัติโรค อาจจะมีอาการไดั 2 ปีเลยที่เดียว
**สัญญาณและอาการของโรคนี้
 
หลังจากร่างกายได้รับเชื้อไวรัสนิปาห์ เชื้อจะใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ 5-14 วัน นึกว่าโควิด!!! แต่ก็มีรายงานว่า ผู้ป่วยบางรายมีระยะฟักตัวของเชื้อนานถึง 45 วัน เมื่อติดเชื้อไวรัสนิปาห์ ผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการของโรคภายใน 3-14 วันหลังติดเชื้อ อาการที่พบทั่วไป เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ง่วงซึม มีภาวะการรับรู้สภาพแวดล้อมผิดปกติ (Disorientation) มีอาการสับสนทางจิต และอาการของโรคอาจรุนแรงถึงขั้นโคม่าได้ภายในเวลา 24-48 ชั่วโมง
ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์บางราย อาจป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจในช่วงแรกของการติดเชื้อ ในขณะที่ผู้ป่วยกว่า 50% มีอาการทางระบบประสาทกับปอดที่รุนแรง
**วิธีป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์
 
เราสามารถป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ง่ายๆได้ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่วย เช่น หมู ค้างคาว ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด ไม่บริโภคของดิบ หรือเนื้อสัตว์ที่ป่วยตาย เน้นรับประทานเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น และไม่ควรบริโภคอาหารปรุงสุกที่สัมผัสกับอาหารดิบ นอกจากนี้การทำความสะอาดวัตถุดิบ เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ให้สะอาด ก่อนนำมาประกอบอาหารด้วย
บ้านเราไม่มีความเสี่ยงครับไม่ต้องตะหนก
ที่สำคัญง่ายๆเลยทุกครั้ง หมั่นล้างมือให้สะอาด ด้วยน้ำสบู่ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนและหลังรับประทานอาหาร หลังสัมผัสผู้มีอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น มีน้ำมูก ไอ จาม
ตอนนี้ไม่ต้องกังวลแต่ผมอยากให้เราดูแลตนเองให้ดีครับเกี่ยวกับไวรัสเลย์วี แต่ธรรมชาติของเชื้อไวรัสเมื่อมีการแพร่ระบาดมาสู่คนแล้วจะมีผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ และเชื่อว่าไวรัสโคโรนา คงจะไม่ได้เป็นเชื้อไวรัสตัวสุดท้ายที่เกิดการแพร่ระบาดรุนแรงมีคนติดเชื้อทั่วโลก และส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คน
เพราะมนุษย์ยังทำลายธรรมชาติ ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน หรือที่เรียกว่าภาวะเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ climate changing และการบุกรุกป่า นำพาโรคใหม่ๆ หรือการกลายพันธุ์ไวรัสมากขึ้น และกำเนิดใหม่ออกมาตลอดเวลา
โฆษณา