11 ส.ค. 2022 เวลา 07:16 • ความคิดเห็น
เรื่องความเจ็บป่วยนี้มันก็ เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องที่มันไม่ธรรมดา ก็อยู่ที่ไอ้ความเจ็บป่วย มันไม่หายจากเราไปเสียที เราเองก็เจ็บป่วย เป็นโรคของบุรุษ ไม่เกิดกับสตรี เป็นเรื่องระบบทางเดินปัสสาวะ อยู่ๆก็ ปัสสาวะเป็นสีแดงเสียงั้น มีชิ้นเนื้อเล็กออกมา มีน้องแนะนำให้ไปหาหมอ หมอก็นัดส่องกล้อง
ถึงเวลาไปส่องกล้อง เดินเข้าไปที่ห้องส่องกล้อง เจอพยาบาล บอก..คุณตาขาๆ ขึ้นเตียงเลย ไอ้เราก็ไม่เคยขึ้น ก็มองดูเตียง เอ๊ะ..มันแปลกๆ มองหาทางขึ้น.. เราก็ปีนขึ้นทางปลายเตียง..กำลังจะมุดขึ้นไปเชียว …เสียงพยายามตามมาอีก ..คุณตาไม่เคยขึ้นเตียงหรือไง ..เราก็ได้แต่คิดในใจ..เตียงแบบนี้ไม่เคยขึ้น พยาบาลก็ชี้ให้ดูอีกด้านหนึ่ง ถึงมองเห็นบันไดขึ้นเตียงขาหยั่ง นี้..ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรก ที่ไปขึ้นเตียงขาหยั่งกับเค้าบ้าง ไม่เสียชาติเกิดกับเค้า
แล้วหมอก็ เตรียมการส่งกล้อง (ตอนนี้ไม่ขอบรรยาย) เอาเป็นว่า ถึงเวลาคุณหมอ ก็จับดึงๆ ไม่ถนุถนอมเลย ดึงเสร็จก็ ก็เอาไอ้อุปกรณ์ อะไรไม่รู้ เค้าเรียกว่า กล้องส่อง มันไม่ใช่กล้องส่องดูดาว แต่เมื่อสอดเข้าไปก็ทำให้เห็นดาวเห็นเดือน คุณสอดเข้าไป เหมือนกระทบสะดุดอะไรอย่างหนึ่ง ..เสียงคุณหมอ บอกว่าอย่าเกร็ง ..เราอยากบอกหมอว่าว่า ผมไม่ได้เกร็ง มันเป็นของมันเอง
แค่นึกเท่านั้น ยังไม่มีโอกาสพูดเลย ..แหม..คุณหมอนี้ ..โหดเหี้ยมจริงๆ ตะบันเข้าไป (ยังไงว่ะ) มันก็ทะลวงไป ถึงกระเพราะปัสสาวะ เราก็ได้แต่นอนเกร็งไปทั้งตัว กว่าเสร็จธุระของหมอ เดินออกมา ไปเข้าห้องน้ำ ปัสสาวะมีแต่สีแดงๆ กลับมาเจอหมอยังบอกให้ไปทำ CT อีก .. เราก็ไปทำ CT ต่ออีก ทำเสร็จตรวจเสร็จ เราก็ขับรถกลับบ้าน ขับรถไปส่งลูกต่ออีก
หมอนัดฟังผล แล้วบอกว่าเป็น CA Bladder นัดผ่าตัดสามหน เครื่องมือเสียสามหน เราเลิกนัดหมอบ้าง ก็อยู่กับ CA ไปไหนไปด้วย ไปทำงาน ไปทำบุญ ปฏิบัติธรรม ก็ไปพร้อมกัน ก็อยู่กับมันไป บางครั้งมันก็อาวาด ทำอาการเหมือนผู้หญิง ประจำเดือนมา แต่โชคดีอย่างคือเราไม่หงุดหงิด แบบผู้หญิงมีประจำเดือน นี้ก็นับเวลาที่เป็นเพื่อสนิทกับ CA เป็นเพื่อนกันมา 6-7 ปีแล้ว ก็อยู่เป็นเพื่อนกัน ไม่ไปหาหมออีก เพราะหมอเค้าโหดร้ายทำกับเราโหดเหี้ยมมาก เราก็ไม่เคยไปหาหมออีกในเรื่องเพื่อนรักCAอีกเลย
เวลาที่ไปตรวจโรคประจำปี ใบแจ้งผลตรวจร่างกาย ก็บอกมาว่า ให้ไปพบแพทย์ด่วน เราก็ไม่เห็นหมอคนไหนชื่อด่วนสักคน ก็อยู่เฉยๆ ก็มีชีวิตเป็นปกติ ทำงานได้ ไปไหนมาไหนได้ ปกติ ถ้าเราไปหาหมอ..เค้าก็ต้องอย่าให้ทำอย่างนั่นอย่างนี้
เราก็อยู่กับมัน ก็ทดลองทำบุญทำทาน ที่เค้าว่า เจ็บป่วยเพราะเรื่องวิบากกรรม เราก็ถือว่าเป็นโอกาส ให้เราได้เรียนรู้จัก อะไรทำให้เกิดเป็น CA มันมาจากไหน เจ้ากรรมนายเวร ที่เราไปทำเค้ามา เราก็ปฏิบัติธรรม ทำบุญทำทาน ก็ทำมาเรื่อยๆ แล้วเค้าก็ค่อยๆ โผล่มาให้เห็น นี่แน่ที่ไปทำเค้าไว้ ไปแทงท้องเค้าบ้าง ไปตัด..มันมากมาย เราก็ทำบุญให้เค้าขออโหสิกรรมเค้าไป
จิตบางดวงก็อาฆาตพยาบาท..ไม่ค่อยยอมอโหสิกรรมกันง่ายๆ ก็ที่เราไปทำเค้า เราก็โหดเหี้ยมคล้ายหมอที่กระซวกตอนไปส่องกล้องทางเดินปัสสาวะ ไม่มีบันยะบันยังเลย มันความรู้สึกคล้ายกัน
เรื่องเจ็บป่วย ของเรานับว่า โชคดี ที่เราทำบุญทำทาน ปฏิบัติธรรม เริ่มต้นแต่อายุยังน้อย เมื่อถึงเวลา กรรมเข้ามาทักท้วง มันก็เหมือน เรือถูกคลื่นใหญ่ ต้องหันหัวเรือ บังคับเรือสู้คลื่นใหญ่ คือวิบากกรรม ต้องพายเรือสู้คลื่นได้ ถ้าไม่สู้คลื่น เก็บพาย เลิกพายเรือ เรือนี้ก็ถอยไปๆ ถอยไปไหน ถอยลงไปนอน นอนเจ็บป่วย หรือติดเตียง ไปไหนไม่ได้
กายนั้นเหมือนเรือ เราพายเรือทวนกระแสอารมณ์ พายด้วสติสัมปชัญญะ สู้ฝ่าคลื่นลม เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นในกายนี้ เราพายเรือฝ่าคลื่นลม ด้วยกายวาจาใจ ที่เป็นบุญกุศล หยุดพายเมื่อไหร่ อารมณ์กรรมก็เข้ามาแทรก ให้หันออกไปจากเส้นทางเดียวที่ช่วยเราได้คือ เส้นทางสร้างบุญกุศลบารมี ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านชี้ทางไว้ให้ เส้นทางอื่นๆ มีแต่ทำให้เรือนี้กายนี้ ต้องแตกสลายจิตล่วงหล่นจมน้ำ เป็นกรรมตัดรอนบ้าง หรือไม่อาจพายเรือนี้ไปหาที่ที่ให้จิตมีความสุขไปได้เลย
หมายเหตุ เรื่องอาการเจ็บป่วยเป็นยังไงนี้ ไม่เคยบอกให้คนในบ้านรับรู้เลย เพราะถ้าเล่า เราก็จะไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ เหมือนคนทั่วไป เราก็แกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร เค้าจะได้ไม่ต้องมาห่วง อาหารการกินเราก็ทำเป็นปกติ ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันเจ็บบ้างก็ช่างมัน มันไม่ได้เจ็บตลอดเวลา เราไปไหนมาไหนได้เป็นปกติ
โฆษณา