Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เบื่อเมือง
•
ติดตาม
11 ส.ค. 2022 เวลา 09:07 • ไลฟ์สไตล์
ปัจฉิมโอวาท_หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
“ป่วยคราวนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา จะไม่มีวันหาย ยาจากเทวดามาก็ไม่หาย ถึงวาระของมันแล้ว มันจะค่อยเป็นค่อยไปของมันอย่างนี้ ไม่ตายง่ายนะ เป็นโรคทรมาน เขาเรียกว่าโรคคนแก่ จะเอายาเทวดามาใส่ก็ไม่หาย ตายโดยถ่ายเดียว”
องค์หลวงตาเมตตานำธาตุขันธ์ขององค์ท่านออกแสดงธรรมเป็นเทศน์กัณฑ์สำคัญที่สุด เข้มข้นที่สุดและวิกฤตที่สุด เทศน์กัณฑ์นี้จะติดหูติดตาและสะเทือนจิตสะเทือนใจแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาตลอดไป ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์และความโศกเศร้าสุดพรรณนาถึงความสูญเสียพระมหาเถระผู้ทรงคุณธรรม ทรงคุณูปการใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ท่านได้มอบมรดกธรรมล้ำค่าที่สำคัญยิ่ง อันได้แก่ปฏิปทาเครื่องดำเนินไปสู่ความบริสุทธิ์วิมุตติหลุดพ้น
สืบสานอริยประเพณีอริยวงศ์ได้อย่างหมดจดงดงามตั้งแต่เบื้องต้นจวบจนวาระสุดท้าย การเกิดในคราวนี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้าย การบวชคราวนี้ก็เป็นการบวชครั้งสุดท้าย การตายในคราวนี้ก็เป็นการตายครั้งสุดท้ายเช่นกัน องค์ท่านกล่าวยืนยันในเรื่องนี้ด้วยความอาจหาญว่า
“.เราจะทำประโยชน์ให้โลกเต็มกำลังความสามารถของเรา
จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายแห่งการตายของเรา
เพราะการตายของเรานั้น
จะเป็นการตายในครั้งสุดท้ายครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น
เราจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว
ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรท่านแสดงไว้ว่า
ญาณัญจ ปนเม ทัสสนัง อุทปาทิอกุปปา เม วิมุตติ
อยมันติมา ชาตินัตถิทานิ ปุนัพภโว
ความรู้ความเห็นอันล้ำเลิศประเสริฐสุดได้เกิดขึ้นกับเราแล้ว
ความหลุดพ้นจากกิเลสวัฏวนความเกิดตายนี้ไม่มีการกำเริบแล้ว
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา
ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปอีกเราจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว."
จึงเป็นการสมควรที่พุทธศาสนิกชนและอนุชนรุ่นหลัง จักภาคภูมิใจและน้อมนำองค์ท่านมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต แสดงการเทิดทูนบูชาตอบแทนพระคุณอย่างไม่มีวันจืดจางด้วยการปฏิบัติฝึกหัดตนให้อยู่ในโอวาทคำสอน จึงจะสมเจตนาขององค์หลวงตาที่ตั้งใจมอบมรดกธรรมอันทรงค่าทั้งหลายไว้เป็นเข็มทิศทางเดินที่ถูกต้องแก่โลกให้ก้าวเดินตามเพื่อความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิงตลอดกาล
ลวดลายนิพพาน
“...สอุปาทิเสสนิพพาน ใจเป็นนิพพานแล้ว แต่ยังครองธาตุครองขันธ์อยู่ นี่เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน คือ ยังรับผิดชอบในธาตุในขันธ์อยู่
อนุปาทิเสสนิพพาน ธาตุขันธ์สลายไปแล้วนั้นเป็นธรรมธาตุ คือ นิพพานล้วนๆ สมมุติไม่มีเลย ให้รับผิดชอบไม่มี ขันธ์เป็นสมมุติให้รับผิดชอบ ถึงท่านไม่ติดก็ตามก็รับผิดชอบเป็นสัญชาตญาณอันหนึ่ง ..
จะตายแบบไหนท่าไหน จะยืนตาย เดินตาย นั่งตาย นอนตายไม่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องอาการของสมมุติต่างหาก เพราะฉะนั้นเราจึงได้เชื่อที่ว่าพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นท่านว่าท่านพิจารณาเห็นพระอรหันต์มาแสดงท่านิพพานให้ดู บางองค์เดินจงกรมนิพพานให้ดู บางองค์นั่งนิพพานให้ดู บางองค์นอนนิพพานให้ดู บางองค์ยืนนิพพานให้ดู ท่านว่าทำ อะไรก็จะเป็นอะไร เมื่อผ่านจากสมมุติไปหมดแล้ว อยู่เหนือสมมุติแล้ว ทุกขเวทนาเหนือจิตดวงบริสุทธิ์นั้นได้ยังไง
ความบริสุทธิ์ของจิตเหนือสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว เพียงอาการของขันธ์ที่แสดงต่อกัน คือ ทุกขเวทนากับขันธ์เป็นสมมุติด้วยกันมันแสดงต่อกัน
ท่านจึงสามารถเดินจงกรมนิพพานได้อย่างสบาย เมื่อหมดกำลังแล้วก็ยุบยอบลงตรงนั้นเลย ยืนก็เหมือนกัน เมื่อหมดกำลังแล้วก็ยุบยอบลงตรงนั้น ไม่ได้ล้มแบบทั้งหงายทั้งอะไรอย่างนี้ให้ดู ยอบลงอย่างนี้เลย นั่งก็เหมือนกัน เอนแล้วก็ค่อยๆ ลง ค่อยอ่อนลงไป นั่งนิพพาน แล้วเวลายืนนิพพานก็เหมือนกัน ยอบลงไปแล้วก็ค่อยล้มไปธรรมดาๆ เดินก็เหมือนกัน พอถึงที่นั้นแล้วก็หยุดกึ๊กก็นั่ง คือเหมือนปุยนุ่น ท่านว่าอย่างนั้นนะ
อ่อนนิ่ม อาการของท่านขณะที่ท่านปลงขันธ์นิพพานในท่าต่างๆ นั้นเหมือนปุยนุ่น อ่อนนิ่มไปเลย ไม่มีอากัปกิริยาที่เป็นเหมือนโลก ที่ว่าทุรนทุรายหรือระส่ำระสาย จะเอาอะไรมาระส่ำระสายลงจิตขนาดนั้นแล้ว เราเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเหล่านี้ไม่มีปัญหาอะไรที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับความบริสุทธิ์นั้นได้
อย่างพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก่อนจะเข้าปรินิพพานทรงเข้าสมาธิสมาบัติมีปฐมฌานเป็นต้น นั้นท่านทรงแสดงลวดลายให้สมกับความเป็นศาสดาของโลกต่างหาก ตามพระอัธยาศัยของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ทำเพื่อจะแก้กิเลสหรือชำระกิเลส หรือจะต่อสู้กิเลสในขณะตายหรือในขณะนิพพาน หาไม่ ขนาดเป็นศาสดาเอกของโลก ทำไมขณะที่จะนิพพานจะไม่วางลวดลายของศาสดาไว้เป็นวาระสุดท้ายมีอย่างเหรอ ต้องวาง เราเห็นอย่างนั้นเราเชื่ออย่างนั้น
ส่วนพระอรหันต์ทั้งหลายท่านถนัดทางใดท่านก็นิพพานของท่าน ตามแบบหรือตามความถนัดของท่าน คำว่าสมาธิสมาบัติเป็นไปตามรายของบุคคลแต่ละบุคคล เป็นไปตามพระอรหันต์แต่ละประเภท ไม่ว่าเป็นประเภทใดมีความถนัดอย่างไหน ก็นิพพานในท่าถนัดของท่านสะดวกสบาย
.พระพุทธเจ้าทรงเสด็จเข้าฌานสมาธิสมาบัติ แล้วปรินิพพานไปในท่าสมาธิสมาบัตินั้น นั่นเป็นลวดลายของศาสดาผู้เป็นครูเอกของโลกไม่ทิ้งลวดลาย ตั้งแต่ขณะตรัสรู้แล้วสั่งสอนโลกจะด้วยพระอาการใดที่แสดงออก ไม่เคยลดละแห่งความเป็นศาสดาเลย สัตวโลกจะยึดได้ทุกพระอาการที่ทรงเคลื่อนไหว เพราะเป็นศาสดาโดยสมบูรณ์ทุกๆ อาการ เพราะฉะนั้นวาระสุดท้ายที่พระองค์จะปรินิพพาน พระองค์ต้องแสดงให้เต็มลวดลายของศาสดาเอกในวาระสุดท้าย…”
การปฏิบัติต่อพระสรีระสังขารองค์หลวงตา
ภายหลังองค์หลวงตาดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีทรงโทรศัพท์กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงทราบในขณะนั้นทันที เพราะทรงคอยติดตามสอบถามอาการอาพาธองค์หลวงตาจากทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ อย่างต่อเนื่องตลอดมา
จากนั้นแพทย์และบุรุษพยาบาลได้ช่วยกันถอดที่ช่วยหายใจออกจากองค์ท่าน เสียงเครื่องช่วยหายใจดับลง พระอาจารย์สุชินเปิดประตูบอกญาติโยมที่อยู่ด้านนอกว่า "หลวงตาเสด็จสู่พระนิพพานแล้ว" ทันใดนั้นน้ำตาแห่งความพลัดพรากจากบุคคลผู้เป็นที่รัก จากครูบาอาจารย์ผู้เป็นที่พึ่ง และจากสมณะผู้เป็นเนื้อนาบุญสูงสุดของเหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างไหลนองหน้า เสียงร้องไห้แม้ไม่ดังหากได้ยินชัดเจนกระจายทั่วบริเวณ หัวใจทุกดวงทุกข์ระทมด้วยความอาลัยอาวรณ์สงสารตนเองต้องกลายเป็นศิษย์กำพร้าไร้ที่พึ่งพิงอันอบอุ่น
บัดนี้องค์หลวงตาผู้เป็นทั้งพ่อแม่และครูบาอาจารย์ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรใหญ่แก่วงกรรมฐานได้ถึงกาลจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนกลับมา.
🙏ขออนุโมทนาบุญกุศล🙏
กับคณะผู้เรียบเรียงบทความนี้
#ธรรมะ #อมตะธรรม #ธรรมะสอนใจ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย