11 ส.ค. 2022 เวลา 21:00 • ปรัชญา
วิธีเป็นคน 1% ที่อยู่เหนือคน 97%
1
“คนโง่มักตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด คนฉลาดมักจะแพ้ทางคนฉลาดแกล้งโง่” -สุมาอี้-
4
ตามจิตวิทยาของซิกมันด์ ฟลอย ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตนั้นต้องการที่จะเหนือผู้อื่นอยู่แล้วไม่ว่าทั้งในทางทฤษฎีหรือว่าทางปฏิบัติ สังเกตง่ายๆ เสือ-สิงห์ที่มันกัดกัน,สุนัขต่อสู้กัน ล้วนแต่ต้องมีการยึดพื้นที่กัน เพราะมันมีผลต่อการอยู่อาศัยหลบภัย การหาอาหาร รวมถึงการสืบพันธุ์ หากว่าตัวไหนมาล้ำเส้นก็ย่อมต้องมีปะทะกันบ้าง
และบ่อยครั้งฝ่ายที่ชนะก็จะได้ครอบครองทุกสิ่ง หากแต่ก็ไม่แน่เสมอไปบางครั้งสองเสือกัด อาจจะมีเสือตัวที่สามเฝ้าซุ่มอยู่ห่างๆเข้ามาชุบมือเปิบไป
…..
และบางครั้งมนุษย์เราก็อาจจะไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตที่ยกขึ้นมากล่าวข้างต้นมากนัก
ไม่มีใครชอบความรู้สึกว่าตัวเองโง่กว่าคนอื่นและเบื้องลึกๆภายใต้จิตสำนึกของมนุษย์ มีสัญชาตญาณของความรุนแรงที่พร้อมปะทุขึ้นทุกเมื่อ
ไม่ว่าผู้ชาย ที่ต้องเบ่งอวดความสามารถกัน ต้องการเป็นเบอร์1 กดขี่ข่มทับกัน หาจุดต่างเพื่ออวดภูมิ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ไม่ว่าผู้หญิงที่ปั้นหน้าเข้าหากัน นินทา หรือแย่งเป็นเบอร์1 ภรรยาหลวง ภรรยาน้อย ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
คนญี่ปุ่น ถือว่า การแกล้งโง่เป็นเวอร์ชั่นนึงของการมีสติรู้ตัว เพราะไม่ปล่อยตัวเองให้เข้าสู่โหมดอัตโนมัติที่ตอบสนองด้วยอารมณ์และสัญชาตญาณ
คนญี่ปุ่นในคันไซ จัดประเภทของคนทั้ง 4ประเภทดังนี้
คนฉลาด ที่อวดฉลาด 1%
คนฉลาด ที่แกล้งโง่ 1%
คนโง่ ที่อวดฉลาด 97%
คนโง่ ที่ไม่อวดฉลาด ที่ 1%
…..
จะเห็นได้ว่า ถ้าเปรียบเทียบหยินหยาง
ถ้าฝ่ายนึงอ่อน-ฝ่ายนึงต้องแข็งถึงจะไปกันรอด เพราะถ้าต่างฝ่ายต่างแข็งใส่กัน
อวดฉลาดเจออวดฉลาดใส่กันก็ย่อมมีปะทะกัน และคนที่อวดฉลาดนั้นมีถึง 97%
…..
การแกล้งโง่ สามารถช่วยให้เอาตัวรอดได้เพราะมีแค่ 1%เท่านั้น เพราะเลี่ยงที่จะไปปะทะกับใคร
ดังที่พิชัยยุทธ์ซุนวูว่าไว้ “เลี่ยงแข็ง ตีอ่อน”
สมัยที่จิ๋นซีฮ่องเต้ยังเป็นเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องตกอยู่ใต้เงื้อมมือของ หลี่ปู้เหว่ยผู้สำเร็จราชการ
หากแต่เขาก็ฉลาด แกล้งโง่เอาตัวรอดมาได้จากภัยการเมือง ไม่ว่าจะเป็นหลี่ปู้เหว่ย ไหนมารดาของเขาที่แอบคบชู้จนถึงขั้นจะทำการปฎิวัติบุตรชายตนเอง
…..
สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ เสียชีวิตไปไม่นาน ราชวงศ์ฉินก็มีแต่ความโกลาหล จ้าวเกากุมอำนาจบริหารราชการไว้ในมือ ฮ่องเต้และเชื้อพระวงศ์ถูกกักขังตัวในวัง
1
มีแต่จื่ออิงหลานปู่จิ๋นซีเท่านั้น ที่แกล้งโง่เป็นบ้าจึงเอาตัวรอดมาจากภัยอันตรายทางการเมืองนี้มาได้
งานเลี้ยงหงเหมิน ระหว่าง เล่าปัง-เซี่ยงอวี่
จุดประสงค์ของงานเลี้ยงนี้คือ อีกฝ่ายต้องการหยั่งท่าทีของเล่าปังว่าคิดเช่นไร หากแต่เล่าปังฉลาด แกล้งโง่ นอบน้อมถ่อมตัว จึงเอาตัวรอดจากภยันตรายนี้มาได้
และต่อมาเล่าปัง คือ ฮั่นโกโจ ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฮั่น
1
โจโฉเชิญเล่าปี่มากินโต๊ะพลางดื่มสุราพูดคุย แต่จุดประสงค์ของงานนี้คือต้องการจะหยั่งเชิงฝ่ายเล่าปี่
บังเอิญว่าระหว่างนั้นมีการถามหยั่งเชิง เล่าปี่ก็รู้ทันจึงทำที แกล้งโง่ตกใจเสียงฟ้าผ่า
โจโฉเห็นดังนี้ก็คิดว่าเล่าปี่ไม่ได้เรื่อง หลังจากนั้นมาเล่าปี่ก็หาทางหลุดรอดจากเงื้อมมือโจไปได้จนกลายเป็นคู่ต่อกรที่โจโฉลำบากที่จะจัดการ
2
ลกซุนเข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ในวัยหนุ่ม ทำศึกต่อต้านเล่าปี่ บรรดาลูกน้องวัยเก๋าต่างไม่เห็นด้วยในการนี้และดูหมิ่นลกซุนที่เอาแต่ตั้งรับเป็นเต่าหดในกระดองไม่ยอมออกไปสู้กับเล่าปี่
ภายใต้สภาวะวิกฤตรอบด้านทั้งศึกภายนอก-ศึกภายใน ลกซุนยังสุขุมนุ่มลึกเอาตัวรอดไปได้ ด้วยการฉลาดแกล้งโง่
จนเมื่อจังหวะได้ที ลกซุนจึงล้มโต๊ะ คว่ำกระดานในศึกนี้เป็นฝ่ายเอาชนะเล่าปี่มาได้ และทำให้พวกบรรดาแม่ทัพวัยเก๋ารู้ว่า “พูดให้ฟังดังแค่หู ทำให้ดูรู้ถึงใจเป็นเช่นไร”
และสอนเล่าปี่ให้รู้ดีกับคำว่า “หัวเราะทีหลัง ดังกว่าเสมอ” เป็นเช่นไร
…..
1
ช่วงปลายสามก๊ก การเมืองภายในเว่ยก๊กร้อนแรงมาก
สุมาอี้โดนลอยแพทางการเมืองพักราชการอยู่บ้าน โจซองผู้คุมอำนาจในมือคิดหยั่งเชิงจึงส่งลูกน้องไปเยี่ยมสุมาอี้ที่บ้านเพื่อสืบข่าว สุมาอี้รู้ทันจึงจัดฉากเล่นละครป่วยตบตาใกล้ตาย
หลังจากนั้นโจซองจึงวางใจ ยกกำลังไปนอกเมือง ถูกสุมาอี้ลุกขึ้นมาทำการยึดอำนาจ ล้มโต๊ะ พลิกกระดาน
สุดท้ายสามก๊กก็จบลงด้วยชัยชนะของตระกูลสุมา
…..
โตกุงาว่า อิเอยาสึเขาเป็นตัวประกันยังแคว้นต่างๆตั้งแต่เด็กจึงจำต้องฉลาดแกล้งโง่เอาตัวรอดมาก่อน
เมื่อโตขึ้นมาก็ต้องเจอยอดคนอย่างทาเคดะ ชินเง็นและจำต้องตกเป็นลูกน้องของโอดะ โนบุนากะ
ต่อมาก็ต้องตกอยู่ใต้ร่มเงาของยอดคนอย่าง โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ เมื่อฮิเดโยชิไปเฝ้ายมบาล อิเอยาสึก็อดทนเฝ้ารอ
ฉลาดแกล้งโง่เดินเกมการเมืองต่ออีกถึง 17ปี แผ่นดินญี่ปุ่นที่วุ่นวายในยุคสมัยเซนโกกุก็จบลงด้วยชัยชนะของตระกูลโตกุงาว่า
…..
เรื่องราวของ สุมาอี้และโตกุงาว่า อิเอยาสึ คล้ายๆกันจะต่างกันตรงที่ ฝ่ายนึงตระกูลสุมาปกครองแผ่นดินต่ออีกไม่ถึงร้อยปีก็วุ่นวายในรุ่นหลาน หากแต่ตระกูลโตกุงาว่าปกครองญี่ปุ่นต่ออีกเกือบๆสามร้อยปี (ได้นำคัมภีร์ เจิ้นกวงเจิ่นยา สมัยฮ่องเต้ถังไท่จงมาประยุกต์ใช้ในการปกครอง)
1
ว่ากันว่า อิเอยาสึได้ให้บุตรหลานของตนรู้จักการ “ฉลาดแกล้งโง่” อย่า “โง่แล้วอวดฉลาด” โดยเด็ดขาด
-แกล้งโง่รับฟัง ดีกว่า อวดฉลาดมัวแต่พูด
-แกล้งโง่ นอบนอมถ่อมตน ดีกว่า หยิ่งผยอง
-แกล้งโง่ ถามไถ่ล้วงข้อมูล ดีกว่า อวดฉลาดพล่ามน้ำไหล
-แกล้งโง่ไม่โกรธควบคุมอารมณ์ไม่ให้เสนอออกทางสีหน้า ดีกว่าชักสีหน้า
คิดและรู้สึกยังไง อิเอยาสึหน้าจะนิ่งตลอด ต่อให้สถานการณ์วิกฤตแค่ไหนหน้าก็จะนิ่ง
2
บทสรุป
1.การล่าเสือของชาวจีนในโบราณ นายพรานมักจะใส่ชุดหนังและจมูกเลียนแบบเสียงหมู เสือที่มันเห็นก็จะคิดฮ่าๆว่าได้อาหารอันโอชะ เมื่อเสือย่องเข้ามาใกล้ๆ นายพรานจึงใช้อาวุธสังหารเสือ ทุกอย่างล้มกระดานหมด นายพรานจึงกลับเป็นฝ่ายได้ชัยและหัวเราะทีหลัง มันจึงมีคำพังเพยที่ว่า
“อยู่ใกล้ดงเสือ ใจต้องนิ่ง แกล้งโง่”
1
2. ฉลาด แกล้งโง่
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะชอบผู้ชายที่ฉลาดแกล้งโง่
และสิ่งที่เธอไม่ชอบเป็นอย่างยิ่งก็คือ ผู้ชายที่โง่แล้วยังอวดฉลาด
แกล้งโง่เขลา เบาปัญญา อัฌาสัย
ฉลาดไป อดฟัง แผนผังเขา
ถึงจะรู้ แกล้งไม่รู้ หูของเรา
จงฟังเอา เก็บไว้ ในใจตน
1
คำว่า ฉลาดไป หมายถึง การอวดฉลาด
3. ไม่มีใครชอบความรู้สึกว่าตัวเองโง่กว่าผู้อื่นและมักจะเปรียบเทียบตนกับผู้อื่นเสมอๆ หากแต่มีแต่ผู้ที่ ฉลาด แกล้งโง่เท่านั้น ที่ไม่คิดเปรียบเทียบกับใคร เพราะแต่ละคนล้วนที่มีความเป็นตัวของตัวเองและมีความ Proud และเสน่ห์ในแบบที่เป็นตัวเองอยู่แล้ว
1
4.เคยเห็นคนปลอมไหมที่ชอบปั้นหน้าใส่ หรือไม่ก็คนที่ใช้แต่อารมณ์ ถ้าเราแกล้งโง่ปล่อยให้เขาแสดงไปเลยนี่จะได้เห็นว่าจริงๆแล้วธาตุแท้ของคนนั้นเป็นยังไง และฝ่ายไหนกันแน่ที่เป็นคนควบคุมสถานการณ์
5.แกล้งโง่ไม่เลอะ คือ หนึ่งใน36กลยุทธจีนโบราณ
ในยามที่สถานการณ์ไม่เป็นผลดีพึงสงบปาก สงบคำไว้ นิ่งสงบไม่เคลื่อนไหว ดุจซ่อนตัวในบาดาลชั้นเก้า
เมื่อฟ้าเปิด สถานการณ์เป็นใจ จึงเข้าจู่โจมคู่ต่อสู้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังดั่งอสนีบาตฟาดลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า ผู้ใดเชี่ยวชาญการพลิกแพลงใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างแตกฉานจักน่ากลัวและยากที่จะหาผู้มาต่อกรด้วยยิ่งนัก
เช่น สุมาอี้,โตกุงาว่า อิเอยาสึ
ขอบคุณครับ
#พลิกชีวิตลิขิตฟ้าตามแบบสามก๊ก
โฆษณา