14 ส.ค. 2022 เวลา 11:11 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
จริง ๆ แล้ว บุพเพสันนิวาส ภาคแรก ที่เรื่องราวอยู่ในยุคสมเด็จพระนารายณ์ฯ แห่งกรุงอโยธยา เราค่อนข้างพึงพอใจ ในแง่การมอบความบันเทิงในครัวเรือนและการกระตุ้นซอฟต์พาวเวอร์ จนถือเป็นปรากฏการณ์ของละครไทยก็ว่าได้
แต่พอเอาละครต้องการจะขยับมาทำเป็นภาพยนตร์อย่าง บุพเพสันนิวาส ๒ เราไม่ค่อยซื้อสักเท่าไหร่ (เช่นเดียวกับนาคี 2) เพราะสำหรับคนดูหนัง เราก็คาดหวังว่ามาตรฐานมันจะขยับขึ้นตามและให้คุณค่าในแบบภาพยนตร์ประมาณหนึ่ง
หนัง บุพเพสันนิวาส ๒ มีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง (อีกนิดจะเท่า Avengers) สำหรับเรา มันค่อนข้างยาวเกินความจำเป็น เพราะหนังอยากจะขายทั้งฉากเกี้ยวของคู่พระนาง และขายทั้งเรื่องประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นด้วย (ถ้าจะเรื่องเยอะแบบนี้ น่าจะเหมาะเป็นละครแบบภาคแรกมากกว่า)
สำหรับ บุพเพสันนิวาส ๒ คนดูไม่จำเป็นต้องดูภาคแรกมาก่อนก็สามารถดูรู้เรื่อง แต่ถ้าเคยดู ก็จะเข้าใจบริบทบางอย่างมากกว่า เช่น cameos และ มนต์กฤษณะกาลี อีกอย่างหนึ่ง หนังเรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องราวของหนุ่มตัวละครใหม่ แล้วพี่หมื่นกับแม่หญิงการะเกดที่กลับชาติมาเกิดนั้นมาเป็นตัวเสริมทัพของพ่อหนุ่มคนนั้นอีกทีเสียมากกว่า
ในพาร์ทความรักหรือการจีบกันของพระนางเป็นพาร์ทที่เราไม่อินนัก (ถึงขั้นเบื่อและหาวเลยก็ว่าได้) รู้สึกมันไม่จำเป็นหลายฉาก เหมือนมีเพื่อเซอร์วิซแฟนคลับของคู่จิ้นหรือ ไอซ์ พาริส เสียมากกว่า
ในส่วนของพาร์ทประวัติศาสตร์ เราค่อนข้างโอเค เพราะอย่างน้อยก็พยายามนำเสนอประวัติศาสตร์ในแง่มุมใหม่ และการตีความทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากตำราเรียน ถึงแม้ยังโลกสวยและติดราชาชาตินิยมอยู่มาก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่หนังไทยเรื่องต่อ ๆ ไปสามารถนำจุดแข็งไปต่อยอดและพัฒนากันต่อไป
หมายเหตุ เราดูบุพเพสันนิวาส ๒ มาหลายอาทิตย์แล้ว ก็ชั่งใจอยู่นานว่าจะเขียนถึงหนังเรื่องนี้ดีหรือไม่ และก็ปล่อยทิ้งไว้โดยที่ไม่รีบเขียนอะไร เพราะยังไงหนังก็ขายได้ด้วยตัวมันเอง แต่เราก็จะบันทึกความรู้สึกส่วนตัวของเราจากมุมมองของเราไว้สักหน่อย เช่นเดียวกับที่เราเขียนถึงหนังเรื่องอื่น ๆ ที่ดูในโรง และเช่นเดียวกับที่นางเอกกล่าวสรุปในช่วงท้ายของภาพยนตร์เรื่องการจดบันทึกในมุมมองต่าง ๆ นั้นแล
อ่านรีวิวฉบับเต็ม >>>
=====
ช่องทางการติดต่อ Kwanmanie >>>
LINE: @kwanmanie
โฆษณา