ใช้เงินยังไงให้มีความสุข
ป๊าม้าผมอยู่ในวัยเจ็ดสิบกว่ากันทั้งคู่ ป๊า 77 ม้าก็ 72 แล้ว แต่สุขภาพร่างกายนั้นแข็งแรงกว่าคนในรุ่นเดียวกันมาก ล่าสุดเพิ่งขับรถไปเที่ยวกันสองคนระยะทางโคราช กรุงเทพ เขาค้อ รวมๆกันมีร่วม 800 กิโล ยังสดใสคึกคักอยู่เหมือนคนอายุหกสิบ โควิดซาก็วางแผนกันไปเยี่ยมส่งหลานไปเรียนที่อเมริกากันอีกด้วย
แต่ยังไงด้วยความที่ทั้งสองอายุมาก นั่งเครื่องบินไปอเมริกานานๆก็ไม่น่าจะสบายนัก ผมพยายามคะยั้นคะยออยู่หลายทีว่าจะจองสายการบินชั้นธุรกิจให้ ป๊าม้าก็ดูจะไม่ค่อยยอม บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด เน้นไปพูดถึงสายการบินที่มี premium economy ที่แพงกว่าชั้นประหยัดนิดนึงแต่มีที่ยืดขากว้างกว่าอะไรไป ผมเองก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่ยอมนั่งชั้นธุรกิจกัน สตางค์ก็มี ลูกก็พร้อมออกให้ไม่ได้เดือดร้อนอะไร อยากให้ป๊าม้าสบายบ้าง
ความไม่เข้าใจนี้รวมถึงเวลาจะพาไปกินอาหารแพงๆ เวลาป๊าม้าถามราคาแล้วรู้ว่าแพงก็จะรู้สึกว่าอาหารอร่อยน้อยลงไปพอสมควร หลายครั้งผมก็จะไม่พยายามพูดถึงราคา ไม่รู้เลยก็อาจจะสบายใจกว่า พอเราเอามาตรวัดของตัวเองไปตัดสินก็จะทำความเข้าใจได้ยากว่าทำไมการใช้เงินที่ตัวเองหามาปรนเปรอหาความสบายบ้างดูจะกลายเป็นทุกข์สำหรับป๊าม้าเหลือเกิน
ผมได้ฟัง talk ของกูรูฝรั่งคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เขาพูดถึงเรื่องวิธีการสร้างความสุขจากการใช้เงิน รวมๆก็เป็นเนื้อหาที่ดี แต่ที่ผมสะกิดใจกลับเป็นคำถามสั้นๆอยู่ช่วงหนึ่งของ talk นั้น โดยกูรูถามคนในห้องแล้วให้เวลาคิดหนึ่งนาทีก่อนตอบ โดยให้คิดย้อนไปซักอาทิตย์นึงหรือเดือนนึงว่า มีการใช้เงินไปกับอะไรที่ทำให้เรามีความสุขบ้าง
คำตอบในห้องก็มีหลากหลายพอสมควร บางคนบอกว่าฟินมากกับใช้เงินไปสำหรับการจ้างแม่บ้านกับพี่เลี้ยงเด็ก เพราะสังคมฝรั่งนั้นปกติต้องทำงานบ้านเองตลอด พอได้จ้างคนมาทำให้แล้วตัวเองได้ออกไปพักผ่อนนอกบ้านบ้างนั้นกลายเป็นความรู้สึกคุ้มค่าอย่างมาก อีกคนตอบว่าซื้อของให้แม่ เพราะรู้สึกดีเวลาเห็นแม่ดีใจ
คนต่อมาตอบว่าจ่ายค่าสมาชิกฟิตเนสเพราะชอบออกกำลังและมีความสุขเวลาได้เจอคนแนวเดียวกัน บางคนก็มาแนวว่าได้ซื้อของลดราคาเพราะรู้สึกคุ้ม คนสุดท้ายตอบว่าได้จ่ายตังไป vacation แบบหรูตั้งแต่นั่งชั้นธุรกิจจนถึงโรงแรมห้าดาว สะดวกสบายตัวสุดๆ ฯลฯ
กูรูท่านนั้นสรุปไว้ว่า การทบทวนความรู้สึกว่าเราฟินกับการใช้เงินไปกับอะไรนั้น จะทำให้เราตั้งเป้าหมายการใช้เงินได้ดีขึ้นในการพยายามเพิ่มการใช้ที่ถูกจริตและลดการใช้เงินสะเปะสะปะลง ความสุขในการใช้เงินโดยรวมก็จะมากขึ้น
คนที่มีความสุขกับความสะดวกสบายก็แนวหนึ่ง คนที่สะใจกับการได้ good deal ก็อีกแนว คนที่ใช้เงินเพื่อสุขภาพ ใช้เงินเพื่อคนที่รัก ก็มีความสุขไปคนละแบบ ต่างคนก็ควรเลือกทางที่ตัวเองชอบด้วยการตั้งคำถามกับตัวเองดู
ผมลองถามคำถามนี้กับตัวเองและลองถามคำถามแทนป๊าม้า ก็เริ่มจะพบว่าผมเองนั้นมีความสุขกับการใช้เงินเพื่อความสะดวกสบาย กับอะไรที่อำนวยความสะดวกเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่ชอบซื้อของหรือสะสมอะไร และก็ชอบใช้เงินกับคนอื่น เวลาเห็นภรรยา ลูก ป๊าม้าตื่นเต้นกับของใหม่ๆหรือพาไปกินอาหารอร่อยๆแล้วชอบกัน ผมก็จะรู้สึกฟินว่าเงินนั้นถูกใช้อย่างคุ้มค่า
แต่ในสายตาป๊าม้า ถ้าถามคำถามเดียวกัน ด้วยความที่ป๊าม้าโตมาในชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน หาเงินมาก็ต้องเลี้ยงลูกถึงห้าคน เงินทุกบาททุกสตางค์มีค่าเสมอ และถ้าผมสังเกตดีๆ ป๊าม้าจะมีความสุขมากเวลาได้ดีลดีๆ เป็น good deal เช่นเวลาผมได้ตั๋วหนังมาฟรีๆ ใช้ไมล์ซื้อตั๋วฟรี หรือกินอาหารแล้วมีส่วนลด 50% ความสุขเวลาดูหนังที่โรง first class ถ้าเป็นตั๋วฟรีนี่จะฟินมากแต่ถ้าจ่ายตังค์ก็จะดูไม่แฮปปี้ทั้งที่ลูกก็สามารถจ่ายได้ไม่ยาก
ป๊าม้าผมน่าจะเป็นแนวมีความสุขกับเงินที่ถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่ามากกว่า ต่อให้สบาย สะดวกแค่ไหนก็จะไม่มีความสุขเลยถ้าไม่คุ้ม การใช้แว่นของเราไปวัดความสุขคนอื่นนั้นอาจจะมองไม่ออก ต้องลองใส่แว่นคนอื่นดูบ้างจึงอาจจะสามารถหา solution ที่มีความสุขร่วมกันได้ดีขึ้น
พอคิดได้แบบนี้ ครั้งหน้าถ้าป๊าม้าจะเดินทางผมก็คงต้องมาแนวใช้ไมล์อัพเกรดเป็นชั้นธุรกิจ หรืออำว่าจับฉลากตั๋วได้จากงานปีใหม่อะไรแบบนี้ถึงจะนั่งไปได้อย่างสบายใจ
แต่ก็ไม่ง่ายอีกเพราะป๊าม้าเองก็ตามอ่านเพจนี้อยู่ทุกตอนอยู่ดี ….
- 63
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
