5 ก.ย. 2022 เวลา 11:00 • ท่องเที่ยว
มินนีแอโพลิส

ซีรีส์นี้จะพาไปเที่ยวเมืองมินนีแอโพลิสกันค่ะ จะเป็นไงไปลุ้นกัน 😁

Chapter 46/1: Minneapolis
ผจญภัยใน มินนีแอโพลิส
อิอิ ได้กลับมาอเมริกาเร็วกว่าที่คิด หลังจากเพิ่งจบทริปนิวยอร์กไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เพราะเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทจะแต่งงานกะหนุ่มที่นี่ โอกาสดีสุดๆ ที่จะได้หาเรื่องมาเมกาอีกแล้ว 😁
จุดหมายปลายทางของทริปนี้คือเมืองมินนีแอโพลิส (Minneapolis) ซึ่งเราก็ไม่รู้ใดๆ เกี่ยวกับเมืองนี้เลย รู้แต่ว่าเป็นเมืองที่หน้าหนาวหนาวเอามากๆ ขนาดติดลบ 30 นั่นเลย แถมคนอื่นๆ ที่พอได้ยินว่าเราจะมาเมืองนี้ต่างก็ถามว่าเมืองนี้มีไรให้เที่ยวด้วยหรอ 🤣 มา…งั้นเรามาหาข้อมูลเกี่ยวกะเมืองนี้ซักหน่อยดีกว่า
มินนีแอโพลิส (Minneapolis) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐ มินนิโซตา (Minnesota) มีแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านคือแม่น้ำมิสซิสซิปปีกับแม่น้ำมินนิโซตา มินนีแอโพลิสมีประชากรประมาณ 4 แสนคน อยู่ติดกับเมืองเซนต์พอล (Saint Paul) เมืองหลวงของรัฐมินิโซตา ซึ่งทั้งคู่มักจะถูกเรียกว่า "ทวินซิตีส์" (Twin Cities) หรือเมืองแฝด
ในอดีตเมืองนี้มีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมแป้งโดยมีโรงโม่แป้งเป็นจำนวนมาก ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองหลักในด้านธุรกิจของอเมริกาเช่นเดียวกับชิคาโกและซีแอทเทิล นอกจากนั้นมินนีแอโพลิสยังมีที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกมากมายด้วย (อุ้ย…นึกว่าเมืองเล็กๆ นะเนี่ย 😅)
ก่อนเดินทางเราก็เลยทำลิสที่เที่ยวในเมืองไว้ด้วย เพราะกะว่าหลังเสร็จงานแต่งงานเราก็ยังมีเวลาอีกตั้ง 3–4 วันให้เที่ยวก่อนกลับบ้าน
โชคดีเป็นที่สุด ช่วงที่เราไปเป็นหน้าร้อนของที่นั่นพอดี ไม่งั้นเราตายแหง๋มๆ เพราะเราทนอากาศหนาวมากๆ ไม่ค่อยไหว อากาศช่วงที่ไปกำลังดีมากๆ ประมาณ 20–30 องศา มีฝนตกบ้างบางวัน แต่ก็ถือว่าไม่แย่
ที่พักคราวนี้ก็หาเอาจาก Airbnb เพราะติดใจตั้งแต่ทริป NY ละ หามาร่วม 20 ที่ สุดท้ายให้น้องว่าที่เจ้าบ่าวเคาะให้ว่าที่ไหนทำเลดีที่สุด สรุปได้ที่นี่มาชื่อ Sonder at SECOND+SECOND อยู่ใน Downtown Minneapolis ที่นี่เป็นคอนโดอยู่อาศัยซึ่งมีส่วนของลูกบ้านและส่วนที่ทำเป็น Airbnb ที่บริษัท Sonder เข้ามาบริหารและดูแล
สำหรับสายการบินคราวนี้เรากลับมาใช้บริการของ Singapore Airline อีกแล้วเพราะเราชอบนั่งเครื่องนานๆ (เป็นคนประหลาดมากเนอะ 🤣) ชอบที่ได้อยู่บนเครื่องตั้ง 18 ชม. แน่ะ และก็ชอบลูกเรือด้วย หลังจากที่ทดลองใช้บริการมาหลายสาย เราว่า SQ ให้บริการดีที่สุดในตอนนี้เลย
เอาล่ะ วางแผนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวนับวันรอเลยค่าาา 😁
วันแรกของการเดินทาง ตื่นเต้นเพราะจะเป็นการไปอเมริกาคนเดียว หลังจากครั้งสุดท้ายที่เคยมาอเมริกาคนเดียวสมัยที่การบินไทยยังมีไฟล์ทบินตรงจากกรุงเทพฯ ไป NY (โอ้ย…นานร่วม 20 ปีละมั้ง 😬) ตอนนั้นง่ายมากเพราะไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องใดๆ เลย แต่คราวนี้จุดหมายที่เราต้องไป เราต้องเปลี่ยนเครื่องถึง 3 ครั้ง
Suvarnabhumi Airport
วันที่เดินทาง (เดือนกรกฎาคม) สนามบินสุวรรณภูมิก็ยังคงโล่งๆ อยู่ นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก แต่ร้านค้าข้างใน Dutyfree เปิดเกือบเต็มหมดแล้ว
Suvarnabhumi Airport
เครื่องบินของเราในวันนี้ 😄
Suvarnabhumi Airport
ไฟล์ทเราออกประมาณ 6 โมงเย็น แต่มี delay ไปประมาณ 20 นาที
Singapore Airlines
ไฟล์ทแรก กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชม. ตอนอยู่บนเครื่องยังต้องใส่ mask ตลอดเวลา
ถึงสิงคโปร์แล้ว ความที่เครื่อง delay นิดหน่อย ตอนแรกก็เสียวๆ เพราะเรามีเวลาเปลี่ยนเครื่องลำต่อไปแค่ประมาณ 1.30 ชม. เอง กลัวว่าถ้าต้องเปลี่ยน terminal มีหวังต้องวิ่งแหง๋ แต่โชคดีที่ไฟล์ทต่อออกที่ terminal เดียวกัน แถม gate ก็ใกล้มากๆ สบายไป 😬
หลังจากนั่งรอเครื่องประมาณ 45 นาทีก็ได้เวลาขึ้นลำต่อไป จาก Singapore ไป New York กันละ
Changi Airport
ลืมบอกว่าการเดินทางครั้งนี้จะแปลกๆ หน่อย เพราะขาเข้าเมกาเราจะเข้าที่ Newark แต่ขาออกเราจะออกที่ JFK เหตุผลคือได้ราคาดี อิอิ 😁
Singapore Airlines
ไฟล์ทที่สองนี่เราจะนั่งกันยาวๆ เลยประมาณ 18 ชม. คราวนี้เราไม่โลภมากสวาปามอาหารเต็มที่ทุกมื้อและดูหนังอย่างบ้าคลั่งเหมือนเช่นเคยละ แต่เอาเวลามานอนให้เยอะๆ ดีกว่า จะได้ไม่เหนื่อยมากเวลาต่อเครื่อง
หลังจากจบมื้ออาหารมื้อแรก ก็อัดเมลาโทนินช่วยให้หลับ ได้นอนไปประมาณ 6 ชม. จากนั้นก็ตื่นมาทานอีกมื้อ ก่อนจะงีบเล็กๆ อีกประมาณชั่วโมงนึง
ตื่นมาดูเวลา อีกแป๊บก็จะถึงปลายทางละ ขอบะหมี่ร้อนๆ มาซดซักชามดีกว่า
Singapore Airlines
ถึง Newark แล้วค่า 🗽
หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋า ไป Check in ไฟล์ทต่อไปเสร็จ คราวนี้ก็นั่งรอค่ะ 5 ชม. เต็มๆ ตาจะปิดซะให้ได้
Newark Airport
การรอต่อเครื่องนี่โคดทรมานเลยเนอะ ขนาดนอนเอาแรงมาประมาณนึงละนะ ตอนนี้ตาจะปิดให้ได้เลย 🥴🥱 แต่อย่างว่ามาคนเดียวต้องดูแลตัวเอง เลยต้องฝืนลืมตาไว้ มันจะมีจุดนึงที่ทุกคนน่าจะเป็นคือ ถ้าเลยจุดที่ง่วงโคดๆ ไปแล้ว ทีนี้ล่ะตาค้างกันไปเลย…นี่เราว่าเราก็ไปถึงจุดนั้นแล้วล่ะ 😱
และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่องลำสุดท้ายสู่จุดหมายปลายทางมินนีแอโพลิสกันละค่ะ
ในใจคิดอย่างเดียวว่าเดี๋ยวขึ้นเครื่องไปนะจะนอนให้เต็มที่เลย เพราะใช้เวลาบินประมาณ 3 ชม. แต่ปรากฎว่าขึ้นเครื่องก็ยังตาค้างต่อไปเหมือนเดิม 😭 ไม่หลับเลยค่ะ จนเครื่องถึงที่ปลายทาง
Minneapolis−Saint Paul International Airport
โอ้ว…ขอบอก สนามบิน Minneapolis-St.Paul International Airport หรือ MSP นี่ใหญ่มากๆ เลยแถมสวยซะด้วย แต่ไม่มีเวลาถ่ายรูปละเพราะต้องรีบไปรับกระเป๋าก่อน
รอซักแป๊บ น้องว่าที่เจ้าสาวนามว่า "สาม" และน้องว่าที่เจ้าบ่าวนามว่า "Joel" ก็มารับที่สนามบิน ดีใจมาก 😆 ดีใจเพราะไม่ต้องนั่งรถแท็กซี่เข้าเมืองเอง…..ม่ายช่ายยยย ดีใจที่ได้เจอน้องๆ ตะหาก
พวกเรานั่งรถจากสนามบินประมาณ 30 นาทีก็ถึงที่พัก ระหว่างทางก็สำรวจเมืองไป เมืองนี้สวยแฮะ ตึกรามบ้านช่องอาคารสำนักงานก็ดูดี ดูเป็นเมืองใหญ่เมืองนึงเลย
และแล้วเราก็ถึงที่พักค่ะ ที่นี่สวย ใหม่ ดู modern มากๆ ชอบๆ
Sonder at SECOND+SECOND
พอเข้าที่พักได้ก็แยกย้ายกะสาม เพื่อให้นางไปเตรียมงานต่อ
ครบทีม
เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่โรงแรมเลยไม่มีเจ้าหน้าที่ check-in ให้ เราต้องทำการ check-in ด้วยตัวเองผ่านทาง app ของ Sonder
ขณะนั่งงมกันอยู่พักนึง ก็มี staff ของ Sonder มาช่วยเรา check in แถมให้เราเข้าห้องก่อนเวลาโดยไม่คิดเงินเพิ่มด้วย (ปกติเค้าจะคิด $25 ต่อหนึ่งชั่วโมงถ้าหากเราต้องการเข้าห้องก่อน 16.00) สงสัยงวดนี้ทำบุญมาดี ทุกอย่างฉลุยมากๆ 🙏
แว่บแรกที่ได้เห็นห้อง ชอบมากๆ เลย ตรงปก ห้องดูไม่น่ากลัว ใหม่ สะอาดมาก
Sonder at SECOND+SECOND
ในห้องมีอุปกรณ์เครื่องครัวครบครัน (แม๋…หยั่งกะทำอาหารเป็นเนอะ 🤣) ห้องน้ำก็ขนาดใหญ่พอสมควรไม่คับแคบ
Sonder at SECOND+SECOND
ห้องนอนถึงจะเป็นเตียง queen แต่ก็นอน 2 คนสบายๆ ด้านหลังห้องนอนยังมีห้องซักรีดครบ
ส่วนพวกข้าวของเครื่องใช้ เช่น สบู่อาบน้ำ แชมพู ผ้าเช็ดตัว ถุงขยะต่างๆ ที่เราต้องการเปลี่ยนหรือเติม สามารถลงไปหยิบเองได้เลยที่ห้องเก็บของของ Sonder รวมไปถึงกาแฟสำหรับชงกะเครื่องก็เติมได้ตลอด ชอบมากไม่ต้องเสียตังค์ซื้อกาแฟเลย 😁
อ้อ…ในทริปนี้นอกจากเรา จะมีน้องร่วมทริปอีกคนชื่อ "เบนซ์" จะพักที่นี่ด้วยกัน เบนซ์เดินทางมาถึงก่อนเราและจะกลับก่อนเรา 3 วัน
พวกเราเก็บกระเป๋าเสร็จก็ออกไปซื้อของกันที่ Whole Foods Market ต่อเลย เพราะอยู่ใกล้บ้าน กะจะซื้อของมาทำอาหารเช้า และขนมจุบจิบระหว่างที่อยู่ที่นี่
Whole Foods ที่นี่ใหญ่ดี เดินกันมันส์มาก ของหน้าตาน่าซื้อไปหมด
Whole Foods Market
แต่เพราะของเค้าเป็น organic ซะหมดราคาก็เลยสูงกว่า supermarket ทั่วๆ ไปซักหน่อย
Whole Foods Market
ซื้อกันแบบลืมตัวว่าพวกเราไม่มีรถ 😱 ไงละแบกกลับที่พักกันหลังแอ่นเลย เดชะบุญว่าเดินไปไม่ไกล 😮‍💨
มื้อเย็นวันนั้น เราออกไปทาน Burger กันที่ร้าน Red Cow อยู่แถวบ้านอีกเช่นเคย
Red Cow
ร้านนี้หามาจากใน google ไม่ผิดหวังฮะ อร่อยจริงๆ เนื้อ burger ชุ่มฉ่ำมากๆ และรสชาติกำลังดี ไม่เค็มเกินไป อีกอย่างที่น้อง พนง. แนะนำคือปีกไก่ รสชาติอร่อยเข้มข้น แต่เยอะเกิ๊นนน ทานกันไม่หมดเลยห่อกลับมาเป็นอาหารเช้าวันต่อไป…..นี่แหละวิถีกินอยู่อย่างประหยัด 😁
Red Cow
ใครมีโอกาสมา Minneapolis แนะนำร้านนี้เลยค่ะ 👍
Red Cow
บรรยากาศร้านจะกึ่งๆ บาร์หน่อยๆ แต่คนที่นี่แอบหน้าตาดีน้าขอบอก 😆
หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จก็พร้อมนอนละค่า พี่นี่จะเป็นศพอยู่ละ เห็นแดดจ้าๆ นี่จะสองทุ่มละฮะ 🥴
สำหรับ blog แรกใน Minneapolis ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะคะ แล้วเจอกันในตอนหน้าค่า 😊
โฆษณา