19 ส.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
อายุเท่านี้ ไม่ต้องมีเท่านั้นก็ได้! โบกมือลาความกดดันจากนาฬิกาทางสังคม
1
อายุ 25 ต้องมีการงานที่มั่นคง
อายุ 30 ต้องแต่งงานกับใครสักคน
อายุ 35 ต้องมีลูก มีบ้าน มีรถ
เคยรู้สึกๆ ว่าเราต้องใช้ชีวิตตามตารางเวลาเช่นนี้ไหม? แม้จะไม่มีตำราเล่มไหนเขียนบอกว่า “อายุเท่านี้ ต้องมีเท่าไหร่” แต่เราก็รู้สึกถึงความกดดัน ทั้งจากค่านิยมในสังคม.. จากเพื่อนในวัยเดียวกันที่ชีวิตเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง.. และจากคนรอบตัวที่ถามอยู่บ่อยๆ ว่า ‘มีแฟนหรือยัง’ หรือ ‘เมื่อไหร่จะแต่ง’
ความคาดหวังทางสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุเรามากขึ้น ส่งผลให้รอยยิ้มดีใจกับอายุที่เพิ่มขึ้นในวันเกิดก็ค่อยๆ ลดลง
2
จากที่เคยคิดว่า ‘โตขึ้นอีกปีแล้ว’ กลายเป็น ‘เหลือเวลาอีกไม่กี่ปีแล้ว’ โดยปริยาย
2
แน่นอนว่าไม่มีใครชอบหรอก ความรู้สึกที่ว่าต้องแข่งกับคนรอบตัว และต้องรีบเร่งมีทุกอย่างให้พร้อม ก่อนที่เวลาจะนับถอยหลังจนหมด แต่จะทำอย่างไรถึงจะห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกกดดัน?
ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักว่า “นาฬิกาทางสังคม” คืออะไร พร้อมๆ กับวิธีโบกมือลาความกดดัน รักษาความสุขให้อยู่กับเราตลอดการเดินทาง ไม่ว่าเราจะเดินช้าหรือเดินเร็วกว่าใคร
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า “นาฬิกาทางสังคม” (Social Clock) เป็นสิ่งที่สังคมสร้างขึ้นมา เป็นค่านิยมที่คนเชื่อร่วมกันว่า มีอายุที่เหมาะสมสำหรับหมุดหมายสำคัญต่างๆ ในชีวิต เช่น การแต่งงาน การมีบ้าน การมีงานที่มั่นคง และการมีบุตร เป็นต้น
ในอดีตเราจะเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยใช้ชีวิตตามนาฬิกาเช่นนี้ แต่ในยุคปัจจุบันที่เริ่มเปิดกว้าง หลายคนเริ่มตระหนักได้ว่า เราไม่ต้องใช้ชีวิตแบบนั้นก็ได้
เพราะจริงๆ แล้วความคาดหวังนี้เป็นบรรทัดฐานของสังคมในอดีต แถมยังเป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปตามสังคม วัฒนธรรม และยุคสมัย (ยกตัวอย่างเช่น โรมยุคโบราณมีค่านิยมว่าอายุที่เหมาะสมสำหรับการแต่งงานสำหรับเด็กชายคือ 14 และสำหรับเด็กหญิงคือ 12)
อย่างไรก็ตาม รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่สิ่งที่คนเชื่อร่วมกัน เราไม่จำเป็นต้องทำตามจริงๆ ก็ได้ แต่ทำไมหลายๆ คนยังรู้สึกกดดันอยู่? ทำไมถึงหยุดเทียบตัวเองกับคนอื่นไม่ได้เลย? มาดู 6 วิธีรับมือกับความกดดันทางสังคม และเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับการเติบโตในแบบของเราดีกว่า
1) นิยามความสำเร็จในแบบของตัวเอง
บางครั้งเราก็อิจฉาและอยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้วนั่นไม่ใช่ความสุขของเราเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นก่อนจะรีบทำอะไรเพราะกลัวเวลาหมด ลองถามตัวเองก่อนว่า “เราต้องการแบบนั้นจริงไหม”
2
ลองจินตนาการภาพชีวิตที่ “มีความสุข” ว่าเป็นอย่างไร? และเรามองภาพ “ความสำเร็จ” เป็นแบบไหน ตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อนจะเริ่มออกเดินทาง
2) สำเร็จช้าไม่ได้แปลว่าล้มเหลว
ความสำเร็จของคนอื่นที่เกิดขึ้นเร็วกว่านั้น อาจประกอบด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น เขาอาจจะมีต้นทุนที่ดีกว่า มีความพร้อมมากกว่า หรือค้นพบความชอบของตัวเองเร็วกว่า
และในขณะเดียวกัน การที่เราช้ากว่าไม่ได้หมายความว่าเราไม่เอาไหนแต่อย่างใด เราอาจจะกำลังหาคำตอบอยู่ว่าจริงๆ แล้วเราต้องการอะไรในชีวิตนี้ เราอาจกำลังเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางอยู่ หรือเราอาจอยากใช้ชีวิตให้มีความสุขในแต่ละวัน มากกว่าการเดินตามฝันก็เป็นได้
1
3) อย่ารีบตัดสินใจ เพียงเพราะรู้สึกว่าตามคนอื่นไม่ทัน
การเห็นชีวิตของคนอื่นเป็นรูปเป็นร่าง อาจเป็นตัวเร่งให้เรารีบตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ยกตัวอย่างเช่น การตกลงแต่งงานกับคนที่คบอยู่ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มั่นใจในตัวเขาเท่าไหร่ แต่รู้สึกรีบเพราะอายุมาก และคนรอบตัวแต่งงานกันไปหมดแล้ว
1
หรือจะเป็นการกู้เงินมาซื้อบ้าน ซื้อรถ เพียงแค่คนรอบตัวเขามีกัน เป็นต้น
หากจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง เราควรมั่นใจว่าสิ่งนั้นคือสิ่งจำเป็น และ เป็นความต้องการของเราจริงๆ ไม่ใช่ทำไปเพราะกลัวไม่ทันคนอื่น
4) เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
รู้ว่าไม่ดีแต่ทำไมถึงหยุดเปรียบเทียบไม่ได้? นั่นเป็นเพราะการเปรียบเทียบเป็นธรรมชาติของมนุษย์นั่นเอง
มนุษย์ยังมีความต้องการที่จะเป็น ‘ส่วนหนึ่ง’ ของกลุ่ม ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของเราที่ยังอยู่กันเป็นเผ่า แม้เวลาจะผ่านมานาน แต่สมองเรายังคงสอนให้เราเปรียบตัวเองกับคนรอบๆ ตัวอยู่บ้าง เพื่อไม่ให้เราแตกต่างเกินไปและถูกสังคมทิ้งไว้ด้านหลังนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมนุษย์เปรียบเทียบตัวเองบ่อยครั้ง และมีความสุขน้อยกว่าเดิม เพราะเห็นชีวิตคนอื่นผ่านโซเชียลมีเดียตลอด หนทางที่พอจะช่วยให้หยุดเปรียบเทียบได้ คือ การถอยห่างออกจากโซเชียลมีเดียบ้าง และใช้เวลากับชีวิตจริงและคนรอบตัวจริงๆ ให้มากขึ้น
1
5) รู้ว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียว
เชื่อเถอะว่า มีหลายคนที่ถูกความกดดันของนาฬิกาทางสังคมกัดกินเช่นเดียวกับเรา ดังนั้นอย่าท้อแท้และคิดน้อยใจว่า ‘ทำไมฉันต้องเจอแบบนี้อยู่คนเดียว’ แต่หันมาต่อต้านความกดดัน หาความสุขในแบบของเราเอง และเป็นกำลังใจให้คนอื่นในการทำแบบเดียวกัน
6) ยินดีกับความสำเร็จของตนเอง
ความสำเร็จของคนอื่นดูยิ่งใหญ่กว่าความสำเร็จของเราเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเวลาผ่านไป ที่เราแทบจำไม่ได้ว่าเราทำอะไรไปบ้าง ดังนั้นลองนั่งลิสต์ความสำเร็จที่ผ่านมาในอดีตของตัวเองบ้าง สำรวจดูว่าเรามาไกลแค่ไหนแล้ว และมีเรื่องยากๆ อะไรที่เราผ่านมาได้บ้าง
แม้เราจะยังไม่มีความสำเร็จใหญ่โตแบบคนอื่น และชีวิตยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไรนัก แต่อย่าลืมใจดีกับตัวเองสักหน่อย และยินดีกับความสำเร็จของตัวเองบ้างนะ :)
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ยังวิ่งตาม Passion ได้อยู่ไหม? เข้าใจวิกฤตชีวิตคนวัย 30 ผ่านหนัง 'Tick, tick...BOOM!' :: https://bit.ly/3wuY5u3
บทเรียนชีวิตของคนวัย 30 ที่ยังไร้ทิศทางจากหนัง ‘The Worst Person in the World' :: https://bit.ly/3itTHUg
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration
โฆษณา