19 ส.ค. 2022 เวลา 12:30 • อสังหาริมทรัพย์
“บ้านว่าง”ภัยร้ายเขย่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โลก | โสภณ พรโชคชัย
“บ้านว่าง” มีมากแสดงถึงอันตรายสำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เพราะเป็นอุปทานส่วนเกินที่จะออกมาขายแข่งกับสินค้าใหม่ๆ และคนที่ครอง “บ้านว่าง” เอาไว้ ก็จะต้องขายลดราคาจึงจะขายออก ท่านทราบไหมจะตั้งราคาขายเท่าใดจึงจะขายออก
ท่านเข้าใจหรือไม่ว่า “บ้านว่าง” คืออะไร บ้านว่างก็คือห้องชุด รวมทั้งบ้านแนวราบทั้งหลาย เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่มีใครเข้าไปอยู่อาศัย ผู้ซื้ออาจซื้อไว้ขายเก็งกำไร หวังปล่อยเช่าแต่ (ยัง) ไม่มีผู้เช่า หรืออาจยังไม่พร้อมจะเข้าอยู่ด้วยประการทั้งปวง “บ้านว่าง” มีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับภาวะตลาดของที่อยู่อาศัยในแต่ละเมือง แต่ละประเทศ
ตามรายงานข่าวของ South China Morning Post ฉบับวันที่ 14 ส.ค.2565 กล่าวว่า ประเทศจีนมี “บ้านว่าง” อยู่ถึง 50 ล้านหน่วย หรือราว 12.1% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดในจีน (ราว 400 ล้านหน่วย) หรือ 71% ของจำนวนประชากรในไทย นี่คือภาพความสูญเสียทางเศรษฐกิจทางหนึ่งก็ว่าได้ อาจกล่าวได้ว่าครอบครัวส่วนใหญ่ในจีนมีที่อยู่อาศัย (ห้องชุดหรือบ้านแนวราบ) มากกว่า 1 หน่วย และคงมีเป็นจำนวนมากที่มี “บ้านตากอากาศ” ในไหหลำ หรือยูนนาน
ยิ่งกว่านั้นในประเทศจีนยังมีที่อยู่อาศัยที่ยังสร้างไม่เสร็จรวมกันอีก 225 ล้านตารางเมตร ถ้าห้องชุดหลังหนึ่งมีขนาดเฉลี่ย 60 ตารางเมตร ก็เท่ากับว่ายังมีที่อยู่อาศัยที่ “เจ๊ง” ไปแล้วอีก 3.75 ล้านหน่วยในขณะนี้ ซึ่งแทบทั้งหมดคงไม่ได้ “ไปต่อ” อย่างแน่นอน ดังนั้น ทั้ง “บ้านว่าง” และบ้านที่สร้างยังไม่เสร็จนี้ คงจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตของจีนอย่างแน่นอน
มาถึงตรงนี้คงต้องยกโคลงไทยที่ว่า
“สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ
บาปเกิดแต่ตนคน เป็นบาป
บาปย่อมทำโทษซ้ำ ใส่ผู้บาปเอง”
(จากโคลงโลกนิติ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
การมี “บ้านว่าง” มากมายในจีนจะเป็นเสมือน “สนิมเหล็กกัดกร่อนเนื้อในเหล็ก” ทำให้เหล็กอ่อนแอลง ที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเติบโตสูงมากตลอด 3 ทศวรรษ ทำให้มีการสะสมทรัพย์ในรูปแบบที่อยู่อาศัยกันมาก
โดยเฉพาะที่เป็นห้องชุดพักอาศัย โดยซื้อไปเพื่อการเก็งกำไร ที่สำคัญสามารถขายต่อหรือปล่อยเช่าได้ แต่ภาวะตลาดขณะนี้โอกาสที่จะปล่อยเช่ายิ่งยากมาก ถ้าหากเกิดสงครามขึ้นตามกระแสการยั่วยุ ก็คงทำให้ระบบเศรษฐกิจของจีนทั้งระบบพังพาบไปด้วย ในแง่นี้จีนก็คงต้องชั่งใจอยู่เหมือนกัน ว่าจะ “กลืน” ไต้หวันให้ได้หรือไม่ ถ้า “กลืน” เข้าไปแล้วกลายเป็นอาหารเป็นพิษ หรือกลายเป็นระเบิดในท้อง ทำให้ระบบเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะการเมืองพังเสียหายไป จะคุ้มค่าหรือไม่ที่จะ “ลบ” ไต้หวันให้ออกไปเหลือแต่จีนเดียวในโลกนี้
สำหรับในประเทศไทย มีบ้านว่างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมกันถึง 617,923 หน่วย ถือว่ามีจำนวนมากทีเดียวจากที่บ้านทุกประเภทมีอยู่ 4,654,370 หน่วย จึงเท่ากับว่าบ้านว่างมีสัดส่วนถึง 13.3% ของบ้านทั้งหมด หรือบ้านทุกๆ 8 หน่วยจะมีบ้านว่างอยู่ 1 หน่วย ซึ่งนับว่าสูงมาก
ยิ่งหากพิจารณาจากขอบเขตทั่วประเทศ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประมาณการว่าจะมีบ้านว่างรวมกันถึง 1,309,551 หน่วย จากที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 27,708,635 หน่วย หรือประมาณ 4.7% นั่นหมายความว่าในทั่วประเทศมีบ้านว่างอยู่ประมาณ 1 หลังในทุกๆ 21 หลัง (หรือหน่วย)
สัดส่วนบ้านว่างในไทยยังนับว่าน้อยเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อปี 2561 ญี่ปุ่นมีบ้านว่าง 8.49 ล้านหน่วย ต่อมาปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านหน่วย เท่ากับว่าปีหนึ่งๆ เพิ่มขึ้นถึง 5.6% ล่าสุด จากรายงานข่าวของ Nikkei ณ ก.พ.2565 รายงานว่ามีบ้านว่างอยู่ 8 ล้านหน่วย จากทั้งหมด 80 ล้านหน่วย เป็นสัดส่วนบ้านว่างถึง 10% หรือมากกว่าไทยถึง 6 เท่า
ลงประกาศอสังหาฯ ฟรี : Yourplaceth.com
อ่านข่าวสารเพิ่มเติม : https://bit.ly/3PzIWh2
โฆษณา