20 ส.ค. 2022 เวลา 03:13 • ปรัชญา
ใครจะถือกําเนิดก่อนใครไม่สําคัญ หากเราใช้คําว่าถือกําเนิดด้วยกันทั้งคู่แสดงว่าต้องมีเหตุมีปัจจัยให้เกิด มิสามารถดํารงค์อยู่ด้วยตนเองแต่มีผู้อยู่เบื้องหลังพระเจ้าและมนุษย์อีกทีนึง ในกรณีนี้มันเป็น paradox ที่เราต้องถามหา creator คนแรกสุดอยู่รํ่าไป ซึ่งไม่มีอยู่จริง เพราะไม่มีผู้สร้างคนแรกสุด วัฏสงสารมันเป็นธรรมชาติที่วนเป็นวงกลมแต่ละจุดของวงกลมคือเหตุและปัจจัยทําให้วงกลมนี้มันหมุนวนไม่มีที่สิ้นสุด เราจะไปถามหาคนสร้างวงกลมทําไม?
ถ้าจะบอกว่าพระเจ้าไม่มีการถือกําเนิดแต่เป็นสภาวะที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ อันนี้มีความเป็นไปได้ที่พระเจ้าจะเป็นตัวแทนของธรรมชาติในรูปแบบหนึ่งที่เราไม่เข้าใจ ในความคิดของมนุษย์เมื่อไม่เข้าใจก็จะแปลงสิ่งที่เป็นนามธรรมสิ่งที่เราอธิบายไม่ได้ให้เป็นรูปธรรมเสมอ ความเข้าใจแบบมนุษย์จึงเกิดลัทธิเทวนิยมในรูปแบบความศรัทธาและความเชื่อ การที่จะอธิบายว่าธรรมชาติก่อกําเนิดสรรพสิ่งแล้วจะเข้าใจยาก ความคิดมนุษย์จึงสร้างพระเจ้าขึ้นมาเพื่ออธิบายการกําเนิดของสรรพสิ่งซึ่งเข้ากันได้ดีกับความเชื่อของมนุษย์
ในทางพุทธไม่มีผู้สร้าง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาเนื่องจากมีเหตุปัจจัยให้เกิดตามธรรมชาติ เป็นไปตามกฏอิทัปปัจยตา เพราะมีสิ่งนี้เป็นเหตุทําให้เกิดอีกสิ่งคือผล ไม่มีพระเจ้าดลบันดาล ไม่มีสิ่งแรกถือกำเนิด มีแต่สิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หมุนวนแปรเปลี่ยนสภาพไปเรื่อยๆ จากความไม่แน่นอนไร้ระเบียบในควอนตัม จนก่อเกิดความแน่นอน อะตอม ธาตุ สสาร เซล อวัยวะ จึงถือกําเนิดขึ้น สภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? Bigbangก็เช่นเดียวกัน ที่จู่ๆก็ถือกําเนิดจากความไม่มีอะไร ระเบิดออกมาจากความว่างก่อกําเนิดจักรวาลได้
บางคนก็เชื่อว่าเป็นการรังสรรค์ของพระเจ้า ที่ให้กําเนิด bigbang ในสภาวะควอนตัมที่กลุ่มหมอกของอนุภาค ที่อนุภาคเกิดขึ้นและสลายไปในที่ว่าง ทําให้เราเข้าใจว่าในที่ว่างไม่มีอะไรอยู่ในนั้น อยู่ๆสภาวะควอนตัมก็ก่อกําเนิดอะตอมสสารขึ้นมา ก็เชื่อกันว่าเกิดจากการรังสรรค์ของพระเจ้าเช่นเดียวกัน
ในทางวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า Bigbang ก็วนเป็นวัฏจักรเช่นกัน มันไม่ได้เกิดจากการสร้างใดๆ แต่ความเจริญทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของมนุษย์ไม่สามารถค้นหาความจริงก่อนหน้ามันเกิด bigbangก่อกําเนิดมาจาก big crunch หรือสมมติฐานเรื่องเอกภพหรือจักรวาลหดตัวในอนาคต เนื่องจากหลุมดำมวลยิ่งยวดใจกลางกาแล็คซี่จะเป็นตัวหยุดการขยายตัวของพลังงานมืดที่ผลักดันให้จักรวาลขยายตัว ในอนาคตอีกหลายล้านๆๆๆปี จักรวาลจะหดตัวลงไปเรื่อยๆจนกลายเป็นจุดและระเบิดเป็น Bigbang วนอยู่อย่างนี้ชั่วนิรันดร์โดยไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง
ลัทธิเต๋าบอกว่า ความมีและความไม่มี (ความว่าง) เป็นสิ่งเดียวกัน นั้นคือความว่างก่อเกิดความมี ความมีก่อเกิดความว่าง นั่นคือธรรมชาติของเต๋าที่ให้กําเนิดและเป็นตัวแทนสรรพสิ่ง ในทางพุทธตามกฎของไตรลักษณ์ก็อธิบายคล้ายๆกัน ว่าสิ่งที่มีสิ่งที่เห็นในความจริงก็ไม่มีอยู่จริง จริงคือไม่จริง ไม่จริงคือจริง ตัวตนที่เห็นเป็นคนสัตว์ สิ่งของก็ไม่มีอยู่จริง
เป็นสภาวะไตรลักษณ์ ที่พลังงานเปลี่ยนรูปเป็นสสารในที่ว่าง เกิดขึ้น และก็หายไปในที่ว่าง ไม่มีตัวตนหรือตําแหน่งแห่งหนที่แน่นอนในเชิงควอนตัม
สภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นในสเกลที่เล็กมากๆ เรียกว่า
ควอนตัม และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ เราจึงเห็นกลุ่มก้อนพลังงานที่อัดแน่นเป็นโครงสร้างของสสาร ที่เรียกว่ามนุษย์ คน สัตว์ สิ่งของ โดยไม่ต้องการใครมาประกอบหรือสร้างขึ้นมา
โฆษณา