20 ส.ค. 2022 เวลา 10:32 • ความคิดเห็น
เฉพาะชื่อของคนหนึ่ง
#ราคาแปดพันล้าน
สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ประเทศเยอรมันมีบริษัททรัสท์เล็กๆแห่งหนึ่งชื่อบ.บาบีนา
รับดูแลของมีค่าของลูกค้าโดยเฉพาะ
พอสงครามปะทุ ลูกค้าทยอยเบิกของมีค่าของตัวเองแล้วรีบหนีไปที่อื่นกัน
ส่วนเจ้าของบริษัทรวบรวมทรัพย์สินของตนแล้วก็หนีสงครามไปที่อื่น
เหลือแต่พนักงานที่ชื่อ เซีย ยังอยู่
เพื่อเคลียร์ของฝากที่ลูกค้าที่ยังไม่เบิกไป
ระเบิดเริ่มถล่มลงมาบริเวณรอบๆบริษัท แต่เธอยังคงนั่งเช็คบัญชีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วพบว่ามีลูกค้าชื่อไลเกอร์
ยังไม่ได้มาเบิกทับทิมของตนเองซี่งมีราคาห้าพันล้านมาร์ค
เซียเก็บเอกสารและสิ่งของที่ลูกค้าฝากไว้
เก็บใส่กล่องแล้วก็ออกจากบริษัท
หลังจากนั้นไม่กี่วันบริษัทบาบีนาถูกระเบิดถล่มเรียบเป็นหน้ากลอง
เซียเองก็เหมือนชาวบ้านทั่วไป
ต้องหนีสงครามไปทุกระหนแห่ง
แต่สิ่งที่เซียต้องพกติดตัวตลอดก็คือเอกสารและทับทิมของลูกค้าที่ฝากไว้
เธอเองยังคงคิดว่า เธอคือพนักงานของบริษัทบาบีน่า
จะรอให้สงครามสงบแล้ว จะนำเอกสารและทับทิมคืนให้กับบริษัท
หลังจากสงครามสงบ
เธอและลูกสามคนกลับมาที่เบอร์ลิน
แต่เจ้าของบริษัททรัสท์ได้เสียชีวิตในระหว่างสงคราม บริษัทก็ไม่เหลืออยู่โดยปริยาย
แต่เซียยังคงเก็บรักษาทับทิมของลูกค้าเอาไว้
แม้ลูกค้าจะยังไม่มารับไป เธอรักษาความซื่อสัตย์ของบริษัทเอาไว้
หลายปีผ่านไปเซียใช้ชีวิตลำบากมากกับลูกสามคน
ในความเป็นจริง บริษัทไลเกอร์ไม่เหลืออยู่แล้วในระหว่างสงคราม
ทับทิมที่มีค่ามหาศาลนั้น เจ้าของก็ไม่รู้อยู่ที่ไหนแล้ว
เซียสามารถนำทับทิมที่มีค่ามหาศาลนี้ไปขายแล้วใช้ชีวิตอย่างสุขสมบูรณ์ได้โดยไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
แต่เธอไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
เธอคิดอย่างเดียว
มันคือหน้าที่ของเธอ
และจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ควร
ปี ค ศ 1978
รัฐบาลต้องการสร้างพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่สอง
เซียได้นำเอกสารและทับทิมออกมามอบให้
ทางรัฐบาลพยายามทุกวิถีทาง หาญาติของไลเกอร์ จนพบหลานชื่อโดล
โดลได้ตอบรับ และจะแบ่งเงินให้ เซีย ครึ่งหนึ่งหลังจากขายทับทิมได้
เซียปฏิเสธ
เธอขอรับแต่ค่าแรงที่ดูแลรักษาเอกสารและทับทิมนี้ก็พอ
หลังจากเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์เป็นข่าวออกไป ผู้คนสะเทือนใจกับความซื่อสัตย์นี้เป็นอย่างมาก
มีคนเสนอให้เธอเป็นที่ปรึกษาของหอการค้า
เธอปฏิเสธว่า ตนอายุมากแล้ว
ต่อมามีบริษัททรัสท์ใหญ่ หลายบริษัท
ขอให้เธอดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์
แต่เธอปฏิเสธหมด
ไม่นานนัก เธอก็ถึงแก่กรรม
หลายบริษัทมาหาลูกชายเซีย ที่ชื่อคลิส
ขอซื้อสิทธิ์ ชื่อ"เซีย"มาเป็นชื่อบริษัทของตน
คลิส จึงใช้วิธีประมูล
สุดท้ายบริษัทเพลโตประมูลได้ด้วยราคาแปดพันล้านมาร์ค
หลายคนไม่เข้าใจทำไมต้องใช้เงินมหาศาลเช่นนี้เพื่อแลกซื้อกับแค่ชื่อเดียว
ประธานบริษัทเพลโตให้เหตุผลว่า
"เซีย"ไม่ใช่แค่ชื่อคนคนหนึ่งแล้ว
มันหมายถึงจิตวิญญานแห่งความซื่อสัตย์และสัจจะของผู้ประกอบการ
มันคุ้มมากสำหรับการใช้เงินแปดพันล้านมาแลกซื้อชื่อนี้
ไม่นานนัก บริษัทเพลโต เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเซียทรัสท์
ทำให้ยอดทางธุรกิจเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ความซื่อสัตย์และสัจจะ
เดิมที มันมีคุณค่าของมันอยู่ในตัวอยู่แล้ว
เวลาคุณมีความศรัทธากับมันจนเป็นหน้าที่ของคุณ
คุณก็จะได้ใจและความเชื่อถือกับผู้คน
ในที่สุด เงินทองก็จะไหลมาเทมา
#ขอบคุณเจ้าของบทความ
โฆษณา