21 ส.ค. 2022 เวลา 02:31 • ความคิดเห็น
ทฤษฏีสัมพัทธภาพ (Theory of relativity)
ผมจั่วหัวจนทำให้ดูเป็นผู้ที่จบมาทางวิทยาศาสตร์มากๆ แต่เอาจริงๆผมเป็นเด็กสายศิลป์ ไม่เคยเรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อะไรแม้แต่นิดเดียว ทฤษฏีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ก็อ่านเอาสนุกแบบงูๆปลาๆ แต่ผมกลับชอบวิธีคิดอะไรบางอย่างของความรู้สึกเปรียบเทียบของมนุษย์ที่มีผลอย่างมากต่อความรู้สึกและการตัดสินใจ เลยอยากเล่าเรื่องสามเรื่องที่ผมคิดว่าอธิบายได้โดยทฤษฏีสัมพัทธภาพแบบมั่วๆของผมดูครับ
เรื่องแรกเป็นเรื่องตอนที่ผมได้ดูแลบริษัทด้าน innovation เล็กๆภายใต้บริษัทใหญ่เมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นเราพยายามจะออกแบบ app ใหม่โดยมี function ที่คิดว่าล้ำและน่าจะโดนใจผู้ใช้มาก แต่ปัญหาก็คือว่าการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนจากหน้าตาเดิมที่คุ้นเคยนั้น ผู้ใหญ่อาจจะไม่คุ้นและต้องผ่านด่านหลายด่าน ผ่านแต่ละด่านก็อาจจะโดนแก้จนจำความคิดเดิมไม่ได้ ต้องประนีประนอมเยอะจนแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
1
มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งแนะนำว่า อย่ากระนั้นเลยให้ลองใช้วิธีเล่าให้ท่านประธานบริหารฟังก่อนดีกว่า เพราะถ้าท่านประธานโอเคทุกอย่างน่าจะทำได้เร็ว คนขวางก็จะน้อย แต่ปัญหาคือท่านประธานเป็นคนดุ เก่งและใจร้อน ถ้าฟังได้สองสามหน้าแล้วไม่ชอบอาจจะไม่ได้ทำเอา จะเล่าเรื่องอย่างไรดีถึงจะทำให้ท่านประธานสนับสนุนให้ทำโดยเร่งด่วนได้
1
ในใจตอนนั้นคิดว่าถ้าต้องเปลี่ยนอะไรเยอะและช้าก็อย่าทำเลยดีกว่า ผมเลยลองไอเดียการเล่าเรื่องบ้าๆดูโดยแอบให้น้องย้อมพรีเซนต์เทชั่นใหม่ให้ดูแปลกออกไปจากเดิมโดยทำให้รู้สึกว่าเป็นของคู่แข่งทั้งสีและโลโก้ พอถึงเวลาเล่าเรื่อง ผมทำทีว่าได้ข้อมูลคู่แข่งมาว่ากำลังจะทำ app ใหม่และมี function ที่น่าตื่นตาตื่นใจเต็มไปหมดและกำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ ท่านประธานนั่งฟังไปก็ดูเครียดไปว่าคู่แข่งดูจะนำหน้าไปไกลมาก พอจบ presentation ท่านก็ตั้งคำถามจริงจังว่าเราจะสู้อย่างไรดี
1
ก่อนเหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ ผมเลยเฉลยว่าแท้ที่จริงแล้วเป็น prototype ของเราเอง แล้วหยุดนิ่งดูหน้าท่านประธานว่าจะโกรธที่ผมแอบเล่นทริกบ้าๆนี้หรือไม่ ท่านประธานนิ่งไปซักพักก่อนหัวเราะขึ้นมาอย่างชอบใจ ก่อนที่จะสนับสนุนเราให้เดินหน้าเต็มที่ตั้งแต่วันนั้น
1
เรื่องที่สองเป็นเรื่องเพื่อนฝรั่งชาวนอร์เวย์เมื่อสิบกว่าปีก่อน เธอคนนี้ทำงานที่เทเลนอร์แล้วรักเมืองไทยมาก มีโอกาสเมื่อไหร่ก็จะบินมาทำงานบ้างมาเที่ยวบ้างเสมอ เธอชอบหาดทราย ชอบอาหารไทย และผู้คนเหมือนกับฝรั่งโดยส่วนใหญ่ อยู่นานเท่าไรได้ก็จะอยู่ พอถึงเวลากลับทีไรมักจะบ่นว่าไม่อยากกลับเลย แล้วคิดเตรียมการรอมาทริปต่อไปทุกครั้ง
ในช่วงนั้นเธอบินมาประชุมเหมือนเคย ระหว่างทริปนั้นปรากฏว่ามีการประท้วงปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ไฟล์ทต่างๆถูกยกเลิกโดยไม่มีกำหนดรวมถึงไฟล์ทของเธอด้วย ผมคิดว่าเธอต้องดีใจมากๆ เลยเดินไปแหย่ว่าทีนี้ได้อยู่เมืองไทยยาวๆสมใจละ
ปรากฏว่าภาพที่เห็นคือ เธอนั่งร้องไห้อยู่ด้วยความคิดถึงบ้าน คิดถึงลูก กลายเป็นว่าเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับ ทำให้จิตใจทุกข์ทรมาน จดจ่ออยู่กับ ไม่มีความสุขกับอาหารไทย เมืองไทย อาหาร หาดทรายสวยงามอะไรอีก เจอทุกวันก็เห็นแต่น้ำตาซึมไม่เป็นอันทำงาน ทั้งๆที่ประเทศไทยก็ยังเหมือนเดิม อาหารก็เหมือนเดิม หาดทรายที่เธอชอบก็เหมือนเดิม
เรื่องที่สามคือหลักสูตรเอบีซีที่ผมทำกับพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์มา 9 ปีแล้ว ระยะหลังวิทยากรที่มาบรรยายประจำตั้งแต่คลาสแรกเมื่อเก้าปีก่อนเริ่มทักหนักมากว่า รู้สึกว่าคลาสเราจะเด็กลงเรื่อยๆนะ มีแต่เด็กๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ผมก็แปลกใจ เพราะรู้สึกคล้ายๆกันและเริ่มคิดว่าหรือว่าคนสมัครอายุน้อยลงเกินไปรึเปล่า พอไปเช็คค่าเฉลี่ยย้อนหลัง อายุผู้เรียนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ ถึงได้รู้คำตอบ ก่อนที่จะตอบกับวิทยากรที่มาถามเรื่องนี้บ่อยในระยะหลังว่าจริงๆแล้วอายุผู้เรียนไหม่ก็เท่าเดิมแหละครับพี่
1
ที่แก่ขึ้นตามวัยคือวิทยากร ผมและพี่ตุ้มมากกว่าครับ…
4
โฆษณา