26 ส.ค. 2022 เวลา 14:00 • ข่าวรอบโลก
เวลายังอยู่ข้างจีนหรือไม่?
Blockdit Originals โดย ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร
3
ปีนี้ ซึ่งเป็นปีต่ออายุการเป็นผู้นำของสีจิ้นผิง กลับเป็นปีที่แสนจะไม่สดใสสำหรับจีน บางคนมองว่าเศรษฐกิจจีนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เหมือนคนหมดเรี่ยวแรง (จากล็อคดาวน์โควิด) บางคนถึงกับถามว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของขาลงของจีนแล้วหรือไม่
1
นักวิเคราะห์ฝรั่งต่างเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับขาลงของจีน มีหลายคนบอกจีนขาลงอาจจะอันตรายต่อโลกยิ่งกว่าจีนขาขึ้น ไม่ใช่เพียงในแง่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงมิติสงครามด้วย
1
ถ้าจีนเชื่อว่าเวลาอยู่ข้างตน ก็ยังอดทนซ่อนคมในฝักต่อไปได้ แต่หากจีนมองว่าตอนนี้เป็นจุดสูงสุดและกำลังหวนคืนสู่สามัญ จีนอาจตัดสินใจรีบก่อสงครามใหญ่ผนวกรวมไต้หวันภายในเวลาจากนี้ 5 ปี (เทอมที่สามของสีจิ้นผิง) หากจีนเชื่อว่านับวันมีแต่จะดิ่งลง ส่วนยักษ์สหรัฐฯ ถูกปลุกให้ตื่นแล้วและกำลังเร่งเครื่องกลับมาลงทุนในตัวเองเพื่อนำจีนให้ขาดลอย
3
แต่ช้าก่อนครับ นักยุทธศาสตร์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างเฮนรี คิสซินเจอร์ เพิ่งกล่าวเตือนว่าสหรัฐฯ ควรตื่นได้แล้ว แต่เป็นการตื่นกับข้อเท็จจริงที่ว่า “จีนจะไม่มีทางหายไปไหน” (ท่านเรียกว่าต้องยอมรับถึง “The Permanence of China”) และสหรัฐฯ เองจำเป็นต้องวางแผนระยะยาว ไม่ใช่คิดว่าจะทุบจีนได้สำเร็จในเร็ววัน
11
จริงครับ ปัญหาเชิงโครงสร้างของจีนที่ทำให้ภาพระยะยาวของจีนดูสดใสสู้ในอดีตไม่ได้ มีตั้งแต่โครงสร้างประชากรที่บิดเบี้ยว ปัญหาหนี้เน่าท่วมล้นระบบ ปัญหานวัตกรรมที่ถูกสหรัฐฯ บีบให้ตาย จนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตช้าลง
1
รัฐบาลจีนเองก็พูดถึงปัญหาเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมาและประกาศต่อสู้แก้ไขปัญหา แต่ถึงแม้จะสมมติว่ารัฐบาลจีนแพ้หมดทุกประตูต่อปัญหาเหล่านี้ เรียกว่าเป็นกรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) ของจีน จีนก็จะไม่หายไปไหน และจะยังคงเป็นมหาอำนาจที่แข่งขันและหายใจรดต้นคอสหรัฐฯ ต่อไปอยู่ดี
2
ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองที่รัฐบาลจีนคุมทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จและมีกระสุนทุนสำรองมหึมา นักวิเคราะห์เศรษฐกิจโดยทั่วไปแม้จะมองว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวต่อเนื่อง แต่มีจำนวนน้อยมากที่มองว่า เศรษฐกิจจีนจะเกิดวิกฤตเป็ดปักกิ่งขนานใหญ่ในสเกลเทียบเคียงกับวิกฤตต้มยำกุ้งของไทย (ปี 1997) หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ของสหรัฐฯ (ปี 2007)
6
แม้กระทั่งนักวิเคราะห์ที่มีมุมมองลบต่อจีนก็ยังมักจะมองว่ารัฐบาลจีนน่าจะเอาอยู่ เพียงแต่จะยากขึ้นที่เศรษฐกิจจะเฟื่องฟูร้อนแรงดังในอดีต (ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงมีนักวิเคราะห์ที่เชื่อว่าจีนจะสามารถกลับทิศและฟื้นเศรษฐกิจดังที่เคยทำมาแล้วเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวในอดีตหลายรอบ)
4
จีนทนแรงบีบได้แค่ไหน ก็เอาแค่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่โดนกระหน่ำจากสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี วิกฤตโควิดจากการล็อคดาวน์อู่ฮั่น การที่จีนจัดการฮ่องกงอย่างเด็ดขาดโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม วิกฤตเอเวอร์แกรนด์ การล็อคดาวน์มหานครใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ไป 1 เดือนครึ่ง แต่ละข้อนั้นอาจทิ่มทะลุกล่องดวงใจเศรษฐกิจ แต่จีนกลับแสดงว่ายังคงสามารถรักษาเสถียรภาพทางสังคมและเศรษฐกิจไว้ได้ คือทนแรงกดดันได้สูงกว่าที่หลายคนคาด
11
ส่วนปัญหาโครงสร้างประชากรบิดเบี้ยวนั้น ถึงแม้ว่า 40 ปี ต่อจากนี้ ประชากรจีนจะลดลงรวมมากกว่า 200 ล้านคน แต่ก็จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการคำนวณของนักวิเคราะห์ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด จีนก็จะยังคงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และในกรณีที่เลวร้ายทั่วไป จีนก็จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 หายใจรดต้นคอสหรัฐฯ ต่อไปอยู่ดี เพียงแต่จะไม่สามารถแซงสหรัฐฯ ได้
4
แต่ในกรณีไม่ดีไม่ร้ายคิดแบบกลางๆ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่า ในเวลาไม่เกิน 10-15 ปี ขนาดโดยรวมของเศรษฐกิจจีนอย่างไรก็จะแซงหน้าสหรัฐฯ แน่ คิดคณิตศาสตร์ง่ายๆ ว่าประชากรจีนแม้จะหดตัวอย่างไรก็ยังมีขนาดประมาณ 4 เท่าของประชากรสหรัฐฯ ขอเพียง GDP ต่อหัวของจีนขึ้นมา 1 ใน 4 ของ GDP ต่อหัวสหรัฐฯ ขนาดเศรษฐกิจจีนก็จะเทียบเท่าและแซงหน้าสหรัฐฯ เรียบร้อย (ในขณะที่คู่แข่งสหรัฐฯ
8
ในอดีตอย่างญี่ปุ่นมีประชากรเพียง 1 ใน 3 ของสหรัฐฯ เท่ากับว่า GDP ต่อหัวของญี่ปุ่นต้องเหนือกว่าสหรัฐฯ ถึง 3 เท่า ขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจึงจะเทียบชั้นสหรัฐฯ ได้)
แถมปัญหาประชากรหดและสังคมผู้สูงวัยนั้น จีนไม่ได้มีปัญหานี้เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป เกาหลีใต้ ไต้หวัน ล้วนแต่มีปัญหานี้ทั้งสิ้น ที่ยังหนุ่มสาวเป็นดาวเด่นก็เห็นจะมีแต่เวียดนามและอินเดีย
1
เฮนรี คิสซินเจอร์ยังบอกว่าสหรัฐฯ และจีนในวันนี้เป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีทั้งคู่ ถึงแม้เทคโนโลยีจีนจะถูกสหรัฐฯ บีบอย่างหนักและจีนเองก็ทุบบริษัทเทคโนโลยีตัวเองด้วยในช่วงที่ผ่านมา แต่รัฐบาลจีนก็ยังทุ่มเงินมหาศาลต่อปีให้กับการวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้านเทคโนโลยี จนตัวเลขเม็ดเงินที่ลงทุนในนวัตกรรมใกล้เคียงกับสหรัฐฯ
5
แม้ในการประเมินที่เลวร้ายที่สุด จีนอาจสะดุดหยุดในอุตสาหกรรมอย่างเซมิคอนดัคเตอร์ที่ถูกสหรัฐฯ กดดันอย่างหนัก แต่ตอนนี้ในนวัตกรรมบางด้านจีนก็เปลี่ยนเกมขึ้นแท่นผู้นำหรือเป็นคู่แข่งสำคัญไม่ว่าจะในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยี 5G หรือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เป็นพื้นฐานของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และที่สำคัญคือจีนเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตและยังคงเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดของโลก
5
เมื่อหันมาดูคู่แข่งหลักอย่างสหรัฐฯ ก็มีปัญหาเชิงโครงสร้างที่น่ากังวลยาวเป็นหางว่าวไม่ต่างจากจีนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความแตกแยกของการเมืองภายในที่ร้าวลึก ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมที่ฝังราก ปัญหาความไม่ต่อเนื่องของนโยบายจากการเปลี่ยนขั้วการเมือง ปัญหาการเปิดศึกรอบด้านหลายสมรภูมิไม่ว่าจะในตะวันออกกลางและยูเครน
6
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อผิดพลาดเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดที่นักยุทธศาสตร์อย่าง ศาสตราจารย์จอห์น เมียร์ไชเมอร์ แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ชี้ว่า แทนที่สหรัฐฯ จะจับมือรัสเซียร่วมกันปิดล้อมจีน หรืออย่างน้อยประคับประคองความสัมพันธ์กับรัสเซีย แต่สหรัฐฯ กลับผลักให้รัสเซียไปจับมือกับจีนมาร่วมกันสู้สหรัฐฯ
6
ดังนั้น จีนจึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบก่อสงครามร้อนมุทะลุแบบรัสเซีย แต่ต้องกัดฟันอดทนอดกลั้นรอเวลาต่อไป ให้มั่นใจว่าตนอึดกว่าอีกฝ่าย
1
ทั้งหมดนี้ ไม่ได้ต้องการจะบอกว่าเวลาอยู่ข้างจีน หรือชัยชนะในท้ายที่สุดจะเป็นของจีน เพราะทั้งหมดนี้มีตัวแปรมากมาย อยู่ที่ก้าวเดินและการกำหนดนโยบายของทั้งจีนและสหรัฐฯ จีนเมื่อพบความผิดพลาดในช่วงที่ผ่านมา จะสามารถกลับทิศเปลี่ยนทางได้หรือไม่ดังที่จีนในอดีตเคยทำได้ ในขณะเดียวกันการเมืองของสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 2024 จะเป็นอย่างไร และจะได้ผู้นำหน้าตาอย่างไร
1
แต่ประเด็นสำคัญที่บอกทุกคนได้อย่างมั่นใจก็คือ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบจีน จะเชียร์หรือไม่เชียร์จีน และแม้ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่จีนย่ำในทางเดิมที่หลายคนมองเป็นขาลง จีนก็คงไม่หายไปไหน จีนไม่มีทางเดินลงเวทีง่ายๆ อย่างสหภาพโซเวียตหรือญี่ปุ่นก่อนหน้า (สหภาพโซเวียตไม่มีความสามารถเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนญี่ปุ่นไม่มีกองทัพ และทั้งสองก๊กต่างมีประชากรเพียง 1 ใน 3 ของสหรัฐฯ)
จีนจะยังคงเป็นหนึ่งในสองขั้วสมการหลักของเศรษฐกิจการเมืองโลกต่อไปอย่างน้อย 30 ปี จนกว่าผลแพ้ชนะจะชัดเจน
5
ดังนั้นจึงย่อมเป็นอย่างที่นายกฯ ลีเซียนลุงเพิ่งกล่าวเตือนประชาชนสิงคโปร์ให้ทำใจยอมรับว่า สงครามเย็นและความอึมครึมในเกมการช่วงชิงมหาอำนาจโลกจะกลายเป็นความปกติใหม่ในยุคสมัยของพวกเรา
5
โฆษณา