29 ส.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
ช่วงหลัง ๆ นี้เห็นมีคนพูดถึง MBTI เยอะขึ้น วันนี้เลยอยากเอาเรื่อง MBTI มาพูดถึงกันอีกซักหน่อย
ครั้งนึงเคยนั่งคุยเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับ Personality กัน แล้วมีคนนึงบอกว่าเค้าไม่ค่อยเชื่อเรื่อง MBTI เพราะมันแค่เป็นแบบทดสอบที่ได้มาแค่ตัวอักษร 4 ตัวแล้วก็จบ ๆไป แล้วเค้าไม่เชื่อว่าคนเรามันมีแค่ 16 รูปแบบนั้น
🟠 เราไม่แปลกใจที่เค้าเข้าใจแบบนั้น เพราะในเวบที่ทำแบบทดสอบ (ฟรี) มันให้ผลมาแค่นั้นจริงๆ
🔵 แต่ในขณะเดียวกันก็รู็สึกเสียดาย เพราะแก่นของ MBTI จริงๆ ไม่ได้ถูกสื่อสารออกมาในวงกว้าง ทำให้หลายคนเข้าใจผิด แล้วก็ไม่ได้เอา MBTI ไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่านั้น
วันนี้เลยอยากเอาบางประเด็นของ MBTI มาเล่าให้ฟังกันหน่อยว่า มันมีอะไรมากกว่าแค่ personality 16 แบบที่คนส่วนใหญ่รับรู้กัน
💙 เกริ่นเล็กน้อยก่อนเข้าเรื่องที่อยากบอกจริงๆ 💙
ตัวอักษร 4 ตัว เช่น ESTJ, INTP ฯลฯ ที่เราเรียกกันว่า “Type” คือ ผลรวมของ “ความถนัดตามธรรมชาติ” ของแต่ละคน ดังนั้น ตัวอักษรจะ “ไม่เปลี่ยน” … ย้ำว่าไม่เปลี่ยนนะ ถ้ารู้สึกว่าผลของครั้งนี้ ไม้ตรงกับครั้งก่อนหรือว่าอะไร แปลว่า เราอาจจะยังต้องใช้เวลาสังเกตตัวเองเพิ่มอีกหน่อยนะ
เอาล่ะ … มาเข้าเรื่องที่อยากบอกกันละ …
 
อันดับแรกเลย ….
💙 แก่นของ MBTI ไม่ใช่ (แค่) บอกว่า peronality ของคนเป็นยังไง
แต่คือการให้ทำความเข้าใจว่า แต่ละคน “รับรู้” และ “ตอบสนอง” ต่อข้อมูลที่ได้รับจากโลกภายนอกยังไง
3
ภาษาของ MBTI เราเรียกสิ่งนี้ว่า Cognitive function (CF) ซึ่งในแต่ละไทป์จะมี CF อยู่ 4 ตัวทำงานร่วมกัน โดยตัวที่ 1-2 จะทำงานหลัก ขับเคลื่อนพฤติกรรมตามความถนัดของเรา ในขณะที่ตัวที่ 3-4 ปกติ (ถ้าไม่ได้ฝึก) จะไม่ค่อยได้ทำงานมากนัก แต่จะโผล่มาให้เห็นในวันที่เริ่มมีความเครียด
เราจะไม่ลงรายละเอียดว่า MBTI แบ่ง CF เป็นอะไรบ้าง แต่จะยกตัวอย่างให้เห็นภาพคร่าวๆ ให้พอเห็นภาพแทน
สมมติว่า เราเอาหนังสือเรื่องลูกหมู 3 ตัว ให้คน 2 คนอ่าน แล้วให้กลับมาเล่าให้ฟังว่าเรียนรู้อะไรจากหนังสือเล่มนี้
🔸 A อ่านแล้วจำรายละเอียดได้หมด เล่าได้เป๊ะๆ ว่าหมูตัวไหนสร้างบ้านด้วยอะไร หมาป่าไปหาใครก่อนใครหลัง แล้วเรียนรู้ว่า วัสดุสร้างบ้านมีผลต่อความแข็งแรง แต่โชคดีที่พี่น้องรักกันเลยช่วยกันฆ่าหมาป่าได้
🔸 B อ่านแล้วสรุปง่าย ๆ ว่า หมูแยกย้ายกันสร้างบ้าน แต่เหลือบ้านเดียวที่รอด ทำไมไม่มาช่วยกันคิดก่อนว่าจะสร้างยังไง แล้วสร้างหลังเดียวให้แข็งแรงสุดๆไปเลย
หนังสือเล่มเดียวกันแท้ ๆ แต่การรับรู้ จดจำรายละเอียด และการตีความ ตอบสนองของ 2 คนนี้ไปกันคนละทาง … นั้นเป็นเพราะว่า CF ที่ต่างกัน และ CF นี่แหละ ที่เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของเรา
อันดับต่อมา ….
💙 Cognitive function (CF) สามารถพัฒนาได้ ทำให้พฤติกรรมเราเปลี่ยนแปลงได้ตามไปด้วย
ภาษาของ MBTI เราเรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า Type dynamic
อย่างที่บอกไปว่าปกติเราจะใช้ CF แค่ตัวที่ 1-2 เป็นหลัก ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์แบบไหนก็จะจัดการเองหมด จนถึงจุดที่ถูกใช้งานมากเกินไป มันก็จะเหนื่อย เครียด แล้วก็หมดแรงบ้างอะไรบ้าง … ตอนนั้น CF ตัวที่ 3-4 จะขึ้นมาทำงานแทน
ถ้าในภาวะปกติ เราไม่เคยใช้ CF ตัวที่ 3-4 เลย มันจะเหมือนเด็กน้อยที่เคยอยู่แต่ในเปล พอต้องออกมาทำงาน (โดยไม่ตั้งใจ) ก็จะผิดทิศผิดทาง แล้วก็ทำให้มันเละเทะไปกันใหญ่ได้ CF 1-2 เห็นก็จะยิ่งเครียด แล้วก็ทำให้เราเครียดกันไปใหญ่
ถ้าเราอยากลดความเครียด เราต้องฝึกใช้ CF 3-4 แล้วเอามันออกมาใช้ในภาวะปกติด้วย เวลาถึงสถานการณ์ที่สามารถใช้ได้ก็ดึงออกมาใช้บ้างช่วยผ่อนแรงของ 1-2 ก็จะทำให้เราสามารถใช้ศักยภาพของเราให้เต็มที่ที่สุด (ผลพลอยได้ก็คือ เราจะเครียดได้ยากขึ้น แล้วก็อาจจะเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้นด้วย)
มาถึงตรงนี้ อยากย้ำอีกทีว่า
🔸 Type ไทป์ ที่เป็นตัวอักษร 4 ตัว คือธรรมชาติของเรา จะไม่เปลี่ยน แต่
🔸 Type dynamic เป็นการทำงานร่วมกันของ CF สามารถเปลี่ยนแปลงได้จากฝึกการใช้งานของ CF ทำให้พฤติกรรมของแต่ละคนเปลี่ยนแปลงได้
สุดท้ายอยากบอกว่า เป้าหมายของ MBTI ไม่ใช่แค่ให้รู้ว่าตัวเองมี Type อะไร หรือมี Cognitive function แบบไหนเพื่อบอกว่า “ฉันเป็นคนแบบนี้”
แต่เพื่อให้เข้าใจ (ธรรมชาติ) ตัวเอง เพื่อพัฒนา (ขั้วตรงข้าม) และปล่อยวางตัวเองให้ได้ในท้ายที่สุดมากกว่า ….
💙💙💙💙
โฆษณา