6 ก.ย. 2022 เวลา 00:03 • หนังสือ
คนไม่สำคัญ
ผมโตมาด้วยการเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่ ป.5 ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กของผมเพิ่งเข้าโรงเรียนประจำได้ไม่กี่เดือนเหมือนกัน ความท้าทายของการอยู่โรงเรียนประจำก็คือการที่จะต้องสามารถอยู่ร่วมกับคนหมู่มากที่แตกต่างและหลากหลายให้ได้ และต้องรู้จักการหาเพื่อนและรักษาเพื่อนไว้เพราะสังคมโรงเรียนประจำไม่มีพ่อแม่มาเกี่ยวข้อง เป็นการเอาตัวรอดของตัวเองล้วนๆ ลูกสาวผมก็คงต้องเผชิญและต้องปรับตัวกับเรื่องนี้เป็นหลักเช่นกัน
ด้วยความที่เขาวัยรุ่นและก็คงไม่ได้อ่านเพจนี้จนอีกหลายปี สอนอะไรตรงๆก็คงยาก ผมเลยแอบส่งหนังสือเล่มหนึ่งไปให้หวังว่าเวลาเบื่อๆเขาอาจจะเปิดอาจดูบ้าง ข้อความในหนังสือเล่มนี้อาจจะกระตุ้นความคิดและให้ไอเดียกับเขาในการปรับตัวเหมือนกับผมและคนอีกหลายร้อยล้านคนที่อ่านหนังสือคลาสสิคเล่มนี้
หนังสือที่พูดชื่อไปใครๆก็รู้จัก พิมพ์มาแล้วไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง หนังสือเล่มนั้นก็คือ how to win friends and influence people ของเดล คาร์เนกี้…
Cr. www.amazon.co.uk
มีข้อหนึ่งในหนังสือบอกว่า คนทุกคนอยากจะได้ความรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ ทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ ให้ความสำคัญกับเขา สนใจเขาอย่างจริงใจก็จะทำให้เขาชอบเราและช่วยเหลือเราอย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้
ป๊าผมเคยเล่าถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อตอนที่ป๊าหนุ่มๆ ต้องไปติดต่องานที่กระทรวงพาณิชย์ในสมัยนั้น ซึ่งเป็นที่ที่หาที่จอดรถยากมากๆ จะมีที่ว่างก็เป็นที่ที่ถูกจองไว้ของอธิบดี รองอธิบดี ทั้งหมด วนกันทีเป็นชั่วโมงๆ ป๊าเลยนึกถึงคำสอนเรื่องนี้ของเดล คาร์เนกี้ เลยลองพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดู ในสมัยนั้นพี่ๆยามมักจะโดนโวย โดนตะคอกใส่อยู่เป็นประจำ
หรือไม่ก็ใช้วิธียัดสตางค์เอา แต่ป๊าไม่ได้ทำเหมือนคนอื่น แต่ลองให้ความสำคัญกับเขาอย่างจริงใจ โดยป๊าเปิดกระจกรถพูดว่าพี่ครับ พี่เป็นคนเดียวแล้วที่สามารถช่วยผมได้ เพราะถ้าผมหาที่จอดไม่ได้วันนี้ผมจดทะเบียนไม่ทันแน่ๆ
ป๊าพูดไปแบบนั้น พี่ยามก็เริ่มคิด และรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถและสำคัญในสถานการณ์แบบนั้น แล้วก็เปิดช่องที่กันไว้สำหรับรองอธิบดีให้ป๊าจอดเพราะรู้ว่าวันนั้นรองอธิบดีไม่ได้มา หลังจากนั้นป๊าก็รู้จักคุ้นเคยและไปทีไรก็ได้ที่จอดทุกที
1
คุณโต้ง สิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ สส ดังแห่งศรีสะเกษ เจ้าของที่ผืนใหญ่ที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของเซนทรัลพลาซ่า อุบล ก็เคยเล่าเรื่องคล้ายกันนี้ให้ฟัง คุณโต้งเล่าว่า ตอนที่พยายามไปเจรจาขายที่ให้ทางเซนทรัลนั้น คุณโต้งเรียกราคาไปราคาหนึ่งซึ่งสูงพอสมควร แล้วเซนทรัลก็เงียบไป ทางผู้บริหารไม่ได้ตอบอะไรกลับมา คุณโต้งในตอนนั้นก็ใจแป้วเพราะไปกู้เงินอะไรไว้เยอะ ถ้าเซนทรัลไม่มาเห็นทีจะแย่แน่
วันหนึ่งเลขาคุณโต้งมาขอให้คุณโต้งช่วยคนคนหนึ่ง คุณโต้งก็ถามว่าเขาเป็นคนดีแน่นะ พอเลขายืนยัน คุณโต้งก็ไม่ลังเลที่จะช่วย พอช่วยไปแล้วก็เริ่มคิดในทางกลับกันว่า ขนาดคนไม่รู้จักอะไรเลยพอเลขาซึ่งเป็นคนสนิทยืนยันให้ เรายังเชื่อ ก็เลยนึกไปถึงว่าถ้าคุณโต้งคุยกับเลขาผู้บริหารเซนทรัลดีๆ ทางผู้บริหารก็น่าจะฟังเช่นกัน
1
คุณโต้งก็เลยโทรไปคุยกับเลขาผู้บริหาร แล้วใช้เทคนิคเดียวกับป๊า คือให้ความสำคัญกับเขา ว่าถ้าน้องไม่ช่วยพี่ พี่จะต้องเดือดร้อนแน่ๆ น้องเป็นคนเดียวที่จะสามารถพอไปตามให้ได้ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว และบอกเพิ่มไปว่า ฝากเลขาไปเรียนผู้บริหารว่าคุณโต้งยอมลดราคาให้ ซึ่งจำนวนก็ไม่ได้เยอะอะไรมาก แต่ให้บอกว่าที่ลดให้เพราะเลขาไปต่อมาได้ ปกติยังไงก็ไม่ลด ให้ความสำคัญเขา ไม่ได้ไปดูถูกดูหมิ่นเขาด้วยการพยายามยัดค่าคอมอะไรให้ ซึ่งทำวิธีนั้นอาจจะพังทั้งดีลเลยก็ได้
2
ปรากฏว่า เลขาคนนั้นก็ไปเล่าในผู้บริหารฟัง พร้อมผลงานเบาๆ และทำให้ดีลยักษ์จบลงได้ จบได้จากคนที่เหมือนไม่สำคัญในกระบวนการทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ
การให้ความสำคัญกับคนที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญ หรือไม่มีใครให้ความสำคัญ เป็นวิธีการปลูกต้นไม้ที่ทำได้อย่างง่ายๆ แค่ให้ความใส่ใจเขาเหมือนเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ดูถูกดูหมิ่นเขา มองว่าทุกคนสำคัญ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาอาจจะคาดไม่ถึงก็ได้นะครับ
4
นี่แค่ประโยคเดียวจากหนังสือเล่มนี้ ยังทำให้ได้คิดอะไรมากมาย หนังสือ how to win friends and influence people จึงเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่น่าอ่านมากๆ ถ้าลูกสาวผมได้เปิดอ่านก็คงเป็นประโยชน์ เช่นเดียวกับทุกท่านที่อาจจะเคยอ่านแล้วหรือยังไม่เคยอ่าน ลองหยิบมาอ่านใหม่อีกซักครั้งก็ไม่เลวนะครับ
โฆษณา