11 ก.ย. 2022 เวลา 23:00 • การตลาด
จะซื้อชิป...ต้องสั่งซื้อล่วงหน้า 2 ปี ในเยอรมนี
บริษัท Infineon ผู้ผลิตชิปชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่า ธุรกิจชิปจะกลับมาเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว เพราะชิปเป็นวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ EV ด้านนาย Peter Schiefer ผู้บริหารด้านธุรกิจยานยนต์ของบริษัทฯ กล่าวว่า “เราวางแผนการผลิตร่วมกับลูกค้าของเราอย่างน้อยๆ ก็เป็นระยะเวลา 2 ปีมาแล้ว”
โดยในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทชี้วัดดัชนีตลาดหุ้นเยอรมัน (DAX) และประสบปัญหาระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นปัญหา Over supply ซึ่งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ผูกพันเพิ่มขึ้นไปด้วย ประกอบกับปัญหา Logistics ในทั่วโลกทำให้ลูกค้าจำนวนมากเปลี่ยนแนวมาพร้อมที่จะทำสัญญาซื้อสินค้าในระยะยาวมากขึ้น
นาย Peter Wawer ผู้อำานวยการด้านอุตสาหกรรมของบริษัทฯ เปิดเผยว่า “สำหรับ Infineon แล้ว การวางแผนที่ดีถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการเพิ่มกำลังการผลิต นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงหลังการระบาดของเชื้อโควิด-19 นาย Peter Fintl ผู้เชี่ยวชาญด้านชิปของบริษัทให้คำปรึกษา Capgemini กล่าวว่า “เมื่อห่วงโซ่อุปทานสั้นลง ก็จะทำให้การทำางานยืดหยุ่นและสะดวกขึ้น และยังจะสามารถทำให้ผู้ผลิตชิปสามารถวางแผนการผลิต ได้ง่ายขึ้น”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัท Infineon ได้ลงทุนไปมหาศาลกับการพัฒนาชิปรุ่นใหม่ สำหรับรถยนต์ EV ซึ่งเรื่องนี้ได้สะท้อนอย่างชัดเจนว่ากว่า 50% ของยอดขายของบริษัทฯ มาจากการขายชิปให้กับธุรกิจยานยนต์ และผลประกอบการของบริษัทฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ได้ขยายตัวขึ้น 41% หรือ 1.7 พันล้านยูโร
นาย Schiefer ชี้แจงว่า “ธุรกิจชิปรถยนต์เจริญเติบโตรวดเร็วกว่าที่เราคาดหมายไว้มาก” ในเวลาเดียวกันธุรกิจชิปรถ EV ของบริษัทฯ ก็ขยายตัวเร็วกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาดโดยรวม “บริษัท Infineon ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของธุรกิจรถ EV” (จากข้อมูลพบว่า รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จะมีการใช้ชิปรวมกันอยู่ที่ 500 เหรียญสหรัฐโดยเฉลี่ย แต่รถ EV ใช้ชิปโดยเฉลี่ยมากถึง 1,000 เหรียญสหรัฐ)
ปัจจุบันยอดขายกว่า 50% ของบริษัทฯ มาจาก ชิปแบบ Power Electronics ทั้งสิ้น เพราะเป็นชิปรุ่นที่มีความจำเป็นต่อการกระจายพลังงานไฟฟ้าให้กับรถ EV อีกทั้ง บริษัทฯ ยังได้รับผลประโยชน์จากธุรกิจเสาชาร์จพลังงานไฟฟ้าที่ขณะนี้ทั่วโลกทยอยติดตั้งกันขนานใหญ่ ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตเร็วเกินคาด โดยในเสาชาร์จพลังงานแบบด่วนต้องใช้ชิปแบบ Power Electronics มูลค่ารวมกันกว่า 3,000 เหรียญสหรัฐต่อเสา
ในเวลาเดียวกันชิปแบบ Power Electronics นั้นยังต้องใช้งานในธุรกิจอื่นที่กำลัง BOOM อย่างเช่น ธุรกิจกังหันผลิตไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซลล์ นาย Wawer ชี้แจงว่า “การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจะลุล่วงและสมบูรณ์แบบได้ ก็ต่อเมื่อใช้พลังงานที่ผลิตจากแหล่งพลังงานที่สะอาดไม่สร้างมลภาวะอากาศ” ซึ่งบริษัท Infineon ได้เสียงตอบรับในเรื่องนี้เป็นอย่างดี และมีผลกำไรในไตรมาสล่าสุด โตขึ้น 23.3% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าหรือขยายตัว 5% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ซึ่งหลักๆ แล้ว บริษัท Infineon ทำกำไรกับธุรกิจรถยนต์เป็นหลักโดยมียอดขายขยายตัวจาก 16.5% เป็น 23.5% ทำให้ Infineon สามารถรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับนักลงทุนว่าจะขยายผลประกอบการในธุรกิจให้ได้ขั้นต่ำที่ 19% ไว้ได้ โดยลูกค้าด้านยานยนต์ของ Infineon ได้แก่ Bosch, Continental, Denso, Valeo และ ZF เป็นต้น
จากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญของ Strategy Analytics เปิดเผยว่า Infineon ครองส่วนแบ่งตลาด 13% ในธุรกิจชิปรถยนต์ จึงทำให้บริษัทฯ กลายเป็นผู้นำตลาดในทันที ตามมาด้วยคู่แข่ง จากเนเธอร์แลนด์ NXP 12% โดยในปัจจุบันไม่มีแนวโน้มว่า ธุรกิจชิปรถยนต์จะตกลงแต่อย่างใด นาย Wawer กล่าวว่า “ในเวลานี้อุตสาหกรรมรถยนต์ยังขาดแคลนสินค้าอยู่ และไม่มีแม้แต่สินค้าสำรองเลย”
โฆษณา