7 ก.ย. 2022 เวลา 12:49 • ปรัชญา
เวลาเรารู้สึกว่า เครียด..ในคำว่าความเครียด มันเป็นความรู้สึก ว่าเครียด ..แล้วเราสังเกตตัวเองบ้างมั้ยว่า ที่ว่ามีความเครียดมันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างที่เรือนกาย อาการนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท หลับไม่ลึก ตื่นมามันก็ไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่อยากลุก เหมือนคนขี้เกียจ สมองมึนงง ไม่อยากคิดอะไรมาก มันปวดหัวมึนงง เส้นเลือดก็หดตัว เส้นสายปวดเมื่อย รู้สึกอ่อนแรงกินอะไรก็ไม่อร่อย ไม่อยากกิน ข้าวมีกิน แต่ไม่กิน ร่างกายมันก็เลยแย่ลงไปๆ ความดันก็ยิ่งเพิ่มสูง เพราะเส้นเลือดมันหดตัว ออกซิเจนก็ไม่เพียงพอ หายใจไม่ลึก
ทั้งตัวก็เลยมีอาการเครียด เหมือนใครเอาอะไรมารัดตัวไว้ แท้จริงก็อารมณ์ของเราเองนั้นแหละ อารมณ์ที่เราสะสม..สิ่งนั้นสิ่งนี้ ไม่ได้ดังใจ ไม่พอใจ หงุดหงิด หวาดระแวง เเอาเรื่องนั้นเรื่องนั้นมาคิด เรื่องที่คิด..มันก็ยังเป็นปัญหาค้างคา แก้ไม่ตก ..เราก็ยังเอามาคิดมันก็ยิ่ง ไปเรียกอารมณ์ ต่างๆ มาเหมือนพายุหมุน คิดวนเวียน จนเมาอารมณ์ของตัวเอง
เรื่องที่เรามีอาการ เครียด เราก็ดูที่กาย หากกินไม่ได้ เราก็ต้องฝืนกิน นอนไม่หลับ เราก็หาเรื่องไปออกกำลังกาย ขี้เกียจเราก็ฝืนไปสวดมนต์ ยิ่งนอนไม่หลับ ฝืนไปนั่งสวดมนต์ พักเดียวก็ง่วงนอน เพราะอารมณ์นั่นมันไปอยากให้เราไปสวดมนต์
เรื่องวิตกกังวล เราก็กลั่นลมหายใจ นานๆ หน่อย นึกถึงพระ นึกถึงจิตข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในเรือนกายพ่อแม่ จิตของเรามีพระเป็นที่พึ่ง เราทำบ่อย เพื่อหยุดอารมณ์วิตกกังวล มันกังวล เราก็ทำอีก ..อารมณ์นั่นเหมือนเราถูกปั่นหัว ปั่นจิ้งหรีด มันมาเมื่อไหร่ เราก็กลั้นลมหายใจ นึกถึงพระ ไม่ไปยึดอารมณ์วิตกกังวลนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในเรือนกาย เป็นอารมณ์กรรมทั้งนั่น เรารู้จักว่าเป็นอารมณ์ เราก็ถอยห่าง เอาจิตเราถอยห่าง หลบไปหาพระ ท่องคำว่าพุทโธ พระเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า เค้าเรียกว่า ทำจิตหลบไปอยู่กับพระก่อน เพื่อให้พายุหมุนนั่นพัดผ่านเรือนกายเราไป
โฆษณา