8 ก.ย. 2022 เวลา 00:03 • ความคิดเห็น
คุณค่าของการไม่มีทางเลือก
1
ลูกสาวคนโตของผมกำลังอยู่ในช่วงเขียนเรียงความเข้ามหาวิทยาลัย โจทย์หนึ่งที่ได้มาก็คือให้เขียนประสบการณ์ของตัวเองที่ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องสำคัญในชีวิต หลังจากลองเขียนและให้อาจารย์แนะแนวดูอยู่หลายรอบ ก็ได้เรื่องเล็กๆที่ใหญ่สำหรับเขาเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของตอนที่เขาย้ายโรงเรียนตอน ม.1
ในตอนนั้นลูกสาวผมมาขอพ่อกับแม่ย้ายโรงเรียน โดยสัญญาว่าจะพยายามเต็มที่ถ้าสอบได้ โดยปกติผมกับภรรยาก็ตามใจลูกอยู่แล้วถ้าเขาอยากลองอะไร ปรากฏว่าเขาสอบได้ พอเขาเข้าไปโรงเรียนใหม่ โลกก็ไม่ได้สวยอย่างที่คิด ลูกสาวผมถูกบูลลี่อยู่พอสมควร พยายามหาเพื่อนใหม่ก็ถูกรังเกียจ เดินไปไหนก็มีโดนไล่ ไม่มีใครคุยด้วยอยู่เป็นเดือน
1
ในตอนนั้นเขาเล่าว่าเขาร้องไห้บ่อยมาก แต่เพราะเป็นคนขอพ่อแม่ย้ายโรงเรียนเอง เขาก็ไม่กล้าจะขอกลับโรงเรียนเดิมที่แสนคุ้นเคยได้ มีทางเดียวที่เขาจะทำได้ก็คือการพยายามหาทางอยู่ให้ได้ทุกวิถีทาง
พอไม่มีทางกลับ ทำให้เขาต้องใช้ลูกเล่นทุกอย่างเท่าที่เด็ก ม1 จะคิดได้ เริ่มจากไปหาคนที่เพื่อนไม่คบเหมือนกัน พยายามช่วยเหลือคนเท่าที่จะทำได้ มีอะไรก็ยิ้มไว้ก่อน จนสถานการณ์ค่อยๆดีขึ้น และดีจนเพื่อนที่เคยบูลลี่ถูกกลั่นแกล้ง เขาก็เลยไปชวนมาอยู่ในกลุ่มจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไป
2
บทเรียนที่เขาเขียนจากประสบการณ์เรื่องนี้ก็คือ การไม่มีทางเลือกนั้นทำให้มีทางเดินเดียวคือเดินไปข้างหน้า ซึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องสำคัญประการหนึ่งว่า การจำกัดทางเลือกให้เหลือทางเดียวนั้นหลายๆครั้งก็เป็นวิธีในการสร้างโฟกัส มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาได้เช่นกัน
4
ในชีวิตผมพอมองย้อนไปนั้น หลายครั้งในชีวิตที่ไม่มีทางเลือกใดๆเลย ตั้งแต่ตอนที่ไปอเมริกาเข้ามหาวิทยาลัยตอนปริญญาโทไม่ได้หลังจากสมัครไปหลายสิบที่ จนไปสมัครงานหลายงานจนได้งานเดียวคือไปเป็นสจ๊วร์ตในอเมริกา ถ้าไม่ทำก็ตกงานและไม่มีอะไรทำอีกหนึ่งปี
2
หรือตอนที่อ้วนจนป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลจนเป็น panic disorder ถ้าไม่ออกกำลังและลดน้ำหนักก็ไม่น่าจะรอดมาใช้ชีวิตปกติได้ การที่ไม่มีทางเลือกนั้นทำให้แทบไม่ต้องคิดอะไรนอกจากใส่แรงใส่กำลังอย่างเต็มที่ พยายามเอาตัวรอดให้ได้ ตื่นมาก็รู้เลยว่าจะต้องทำอะไร ไม่ต้องคิดมากกว่าจะเลือกทำอะไรดีเพราะไม่มีช้อยส์อะไรในชีวิต
1
ในช่วงนั้นกลับกลายเป็นช่วงที่ทำงานได้ดีมาก หรือลดน้ำหนักและวิ่งได้ไกลมากโดยไม่รู้สึกท้ออะไรเลย ด้วยความไม่กล้าท้อด้วยเพราะไม่มีทางไปนอกจากทางที่เดินอยู่เท่านั้น
การมีทางเลือกในหลายๆครั้งทำให้เราไปไม่สุดและไม่ทุ่มเทเต็มที่ด้วยซ้ำ เพราะใจมักจะพะวงถึงทางเลือกอื่นเสมอ แถมโดยจิตวิทยาคนยิ่งชอบเห็นสนามหญ้าบ้านคนอื่นเขียวกว่าอยู่ด้วย การถอดใจเพราะรู้ว่าเดี๋ยวก็หางานใหม่ได้ หรือการไม่ไปสุดทางเพราะรู้ว่ามีฟูกที่บ้านรองรับอยู่
2
หลายครั้งมักทำให้เสียเปรียบคนที่ไม่มีทางเลือกทั้งๆที่คู่แข่งคนนั้นอาจจะด้อยกว่าทางทักษะหรือความสามารถเอาเสียด้วย
ผมเคยดูหนังเรื่อง Gattaca เมื่อยี่สิบปีก่อน เป็นหนังไซไฟที่สนุกเอามากๆ เรื่องราวเกี่ยวกับสังคมที่ตรวจวัดยีนส์เด่นยีนส์ด้อย ถ้ามียีนส์ที่ด้อยแล้วก็จะไม่ได้โอกาสอะไรในสังคมอีกเลย
1
พระเอกเกิดมาพร้อมยีนส์ด้อยที่มาพร้อมสายตาสั้นและโรคหัวใจแถมถูกประเมินว่ามีอายุได้แค่สามสิบปี แต่พระเอกไม่ยอมแพ้ ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อพิสูจน์ว่าคนยีนส์ด้อยก็ทำตามความฝันได้
ในหนังมีฉากแข่งว่ายน้ำระหว่างพระเอกกับน้องชายที่มียีนส์เด่นว่าใครว่ายออกไปในมหาสมุทรได้ไกลที่สุดจะเป็นผู้ชนะ ในการว่ายแบบนี้แน่นอนว่าจะต้องเผื่อแรงว่ายกลับฝั่งด้วย
ตั้งแต่เด็ก น้องชายผู้มียีนส์เด่น ร่างกายแข็งแรงกว่าก็เอาชนะพี่ชายได้ แต่พอโตมาพระเอกกลับกลายเป็นผู้ชนะ ว่ายน้ำออกไปไกลมากจนน้องชายต้องยอมแพ้แล้วชวนกลับเข้าฝั่ง ก่อนกลับน้องชายถามว่าพระเอกไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ก่อนที่พระเอกจะตอบว่า...
I never saved anything for the swim back
พระเอกจากหนังเรื่อง Gattaca
1
พอตัดทางเลือกว่าว่ายกลับได้ แรงขับของพระเอกก็มากกว่าคนที่มีทางเลือกที่จะถอย จนเอาชนะได้ถึงแม้ว่าตัวเองด้อยกว่าก็ตาม…
การปิดทางถอยไม่เหลือทางเลือกอื่น ทำให้เหลือทางเดียวคือเดินไปข้างหน้า (move forward) แรงขับเข้มข้นที่รวมศูนย์โฟกัสจะทำให้เกิดพลังพิเศษมากกว่าการมีทางเลือกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถูกบีบด้วยข้อจำกัด เช่นเส้นตาย หรือ ผลลัพธ์ที่ไม่มีทางอื่นให้เลือกถ้าไม่ทำ
เรื่องราวตัวอย่างที่ผมชวนให้ลูกสาวเขียนปิดแบบโบราณหน่อยเผื่อมหาวิทยาลัยต่างประเทศจะสนใจ (ซึ่งตอนหลังถูกครูตัดออก) ก็คือเรื่องคลาสสิคของพระเจ้าตากตอนทุบหม้อข้าวตีเมืองจันท์ ซึ่งมีคำกล่าวไว้ว่า...
เราจะตีเมืองจันทบุรีในค่ำวันนี้ เมื่อกองทัพหุงข้าวเย็นกินเสร็จแล้ว ทั้งนายไพร่ให้เททิ้งอาหารที่เหลือและต่อยหม้อเสียให้หมด หมายไปกินข้าวเช้าด้วยกันที่ในเมืองพรุ่งนี้ ถ้าตีเอาเมืองไม่ได้ในค่ำวันนี้ ก็จะได้ตายเสียด้วยกันให้หมดทีเดียว
พระเจ้าตากตอนทุบหม้อข้าวตีเมืองจันท์
จนในที่สุดไพร่พลก็รวบรวมกำลัง ฮึดสู้จนตีเมืองจันท์ได้และเป็นตัวอย่างการตัดทางเลือกอื่นออกให้หมดเพื่อสร้างพลังพิเศษในการเดินหน้าได้อย่างที่เราๆได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆ
ถ้าใครยังลังเล ไม่แน่ใจ อยากรวบรวมพละกำลังให้มากกว่านี้ในการฟันฝ่าอุปสรรคที่ดูใหญ่หลวงข้างหน้า หรือต้องเอาชนะคนที่เก่งกว่ามากๆ การจำกัดทางเลือกก็เป็นวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะศักยภาพคนเราจะเปล่งประกายสูงสุดก็ตอนที่ไม่มีทางเลือกนื่แหละครับ
1
โฆษณา