10 ก.ย. 2022 เวลา 07:15 • ประวัติศาสตร์
ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงโรม (Great Fire of Rome)
1
18 กรกฎาคม ค.ศ.64 (พ.ศ.607) "กรุงโรม (Rome)" เมืองหลวงของอาณาจักรโรมัน ได้ประสบกับอัคคีภัยครั้งใหญ่ ซึ่งภายหลังเป็นที่รู้จักในนามของ "ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงโรม (Great Fire of Rome)"
1
เพลิงไหม้นี้มีจุดเริ่มต้นมาจาก "กีร์กุสมักซิมุส (Circus Maximus)" ซึ่งเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ และเพลิงไหม้นี้ก็ได้ทำลายสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในเขตต่างๆ ของกรุงโรมไปถึง 10 เขต จากทั้งหมด 14 เขต โดยเพลิงไหม้ครั้งนี้กินเวลาถึงหกวัน
เมื่อเพลิงสงบลงในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ.64 (พ.ศ.607) กรุงโรมก็เหลือแต่ซาก
เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์โรมัน และส่งผลกระทบต่อสังคมและการเมืองของจักรวรรดิโรมัน สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนจำนวนมาก
กีร์กุสมักซิมุส (Circus Maximus)
เพลิงไหม้นี้สร้างความเสียหายแก่อาคารสำคัญต่างๆ รวมทั้งพื้นที่สลัม และความพยายามที่จะดับไฟนั้น ก็เป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องมาจากปัจจัยหลายข้อ
สำหรับสาเหตุที่เพลิงไหม้ครั้งนี้รุนแรงมาก ก็มาจากสาเหตุหลายข้อ
1.เพลิงไหม้เริ่มต้นมาจากวัสดุที่ติดไฟได้ง่าย
2.อาคารส่วนมากในกรุงโรมล้วนปลูกติดๆ กัน และประกอบด้วยถนนที่คับแคบ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ง่ายและยากที่จะควบคุม
3.ประชาชนจำนวนมากต่างหวาดกลัวเพลิงไหม้ และได้ย้ายออกไปจากเมือง ทำให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ ออกปล้นและวางเพลิงเพิ่ม
4.ในเวลานั้น ได้เกิดลมพัดแรง ทำให้ไฟยิ่งลุกลามเป็นวงกว้างและรวดเร็ว
ในสมัยโรมันโบราณ ผู้คนมักจะหวาดกลัวเพลิงไหม้ และกรุงโรมก็เคยผ่านเหตุการณ์เพลิงไหม้มาแล้วหลายครั้ง
ในเหตุการณ์เพลิงไหม้เมื่อปีค.ศ.6 (พ.ศ.549) ได้มีการจัดตั้งเวรยามเพื่อเฝ้าระวังเพลิงไหม้ ในขณะที่เมื่อถึงค.ศ.22 (พ.ศ.665) ก็ได้เกิดเพลิงไหม้ซึ่งได้ทำลายอาคารสำคัญเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์เพลิงไหม้เหล่านี้ได้นำไปสู่การพัฒนาและจัดตั้งหน่วยงานที่เฝ้าระวังและรับมือกับเพลิงไหม้ในกรุงโรม
มีทฤษฎีมากมายที่กล่าวอ้างว่า “จักรพรรดิเนโร (Nero)” จักรพรรดิแห่งโรมัน ทรงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุเพลิงไหม้นี้ โดยมีการกล่าวหาว่าพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์จะสร้างเมืองขึ้นใหม่
สำหรับสาเหตุที่จักรพรรดิเนโรทรงตกเป็นผู้ต้องสงสัยนั้น ก็มีหลายสาเหตุ
1.พระองค์ทรงต้องการจะให้สภามีอำนาจน้อยลง
2.พระองค์ทรงต้องการจะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่
3.พระองค์ทรงต้องการจะลดอำนาจของชาวคริสต์ที่เริ่มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
จักรพรรดิเนโร (Nero)
ภายหลังเหตุการณ์เพลิงไหม้ จักรพรรดิเนโรก็ได้เสด็จกลับเมืองโรม โดยจากบันทึกนั้น ในช่วงเวลาที่เกิดเพลิงไหม้ พระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ในโรม
หลังจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ กรุงโรมก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ผู้คนก็อยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก
จักรพรรดิเนโรทรงอนุญาตให้เปิดสถานที่และสวนต่างๆ เพื่อให้ผู้คนเข้าไปพักอาศัย อีกทั้งยังจัดเตรียมอาหารให้ประชาชน
แต่เนื่องจากผู้คนต่างคิดว่าเหตุการณ์เพลิงไหม้นี้มีต้นเหตุมาจากจักรพรรดิเนโร ดังนั้นการที่พระองค์ทรงช่วยเหลือประชาชน จึงถูกมองว่าเป็นการสร้างภาพ
และอีกอย่าง พระราชวังของจักรพรรดิเนโรก็ถูกเผาเช่นกัน และพระองค์ก็ทรงมีรับสั่งให้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ยิ่งทำให้ผู้คนแน่ใจว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของพระองค์ที่ต้องการจะเผาเมือง และสร้างเมืองใหม่ตามพระราชประสงค์
แต่ถึงจักรพรรดิเนโรจะถูกตราหน้าว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เพลิงไหม้ใหญ่ หากแต่พระองค์ก็สามารถหาแพะรับบาปจนได้
พระองค์ทรงมีรับสั่งให้จับกุมตัวชาวคริสต์ โดยอ้างว่าเหตุการณ์เพลิงไหม้มีต้นเหตุมาจากชาวคริสต์ และให้ลงโทษชาวคริสต์
1
ชาวคริสต์จำนวนมากถูกประหารด้วยการให้สุนัขล่าเนื้อขย้ำเป็นชิ้นๆ และมีการตรึงกางเขน ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ถูกนับว่าเป็นการสังหารชาวคริสต์ครั้งใหญ่ครั้งแรก
อาจจะเรียกได้ว่าเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นเพลิงไหม้ใหญ่ที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประวัติศาสตร์โลกเลยก็ว่าได้
โฆษณา