Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ปลุกประวัติศาสตร์
•
ติดตาม
9 ก.ย. 2022 เวลา 22:30 • ประวัติศาสตร์
ปลุกตำนาน คำสาปแห่งเกาะลังกาวี
คำสาปแห่งเกาะลังกาวี
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 ที่แล้ว เกาะแห่งนี้เป็นข่าวดังทั้งในประเทศไทย และมาเลเซีย
เกาะลังกาวี อัญมณีแห่งเกดะห์ ดินแดนต้องคำสาป
ตั้งอยู่ทะเลอันดามัน ใกล้ฝั่งตะวันตกเชียงเหนือของประเทศมาเลเซีย อยู่ห่างจากเกาะตะลูเตา จังหวัดสตูลของไทย เพียงแค่ 4 กิโลเมตรเท่านั้น
อดีตเคยเป็นดินแดนของไทรบุรี แห่งอาณาจักรสยาม ตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนถึงรัชกาลที่ 5 ก็ได้เสียดินแดนส่วนนี้ไปให้ประเทศอังกฤษ
จนปัจจุบันนี้เกาะลังกาวี กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามระดับโลก และได้รับการประกาศจากยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกทางอุธยานธรณี เนื่องจากเกาะแห่งนี้มีระบบนิเวศ และแหล่งโบราณคดีที่งดงาม
ภาพประกอบอ้างอิงจาก https://pixabay.com/
รายล้อมด้วยป่าเขา ถ้ำ น้ำตก ลำธาร ทะเลสีคราม และหาดทรายสีขาวบริสุทธ์ แต่ในอดีตกาลไม่เป็นเช่นนั้น หาดทรายที่เห็นเป็นสีขาวในอดีตกาลกลับเป็นหาดทรายสีดำ และเกาะแห่งนี้ยังต้องประสบปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยแล้ง น้ำท่วม และการบุกปล้นสะดมภ์ของเหล่าโจรสลัด เป็นระยะเวลายาวนานมานานกว่า 200 ปี
ซึ่งผู้คนเชื่อกันว่าสาเหตุที่เป็นแบบนี้ มาจากคำสาปแช่งนั้นเอง ณ ปัจจุบัน ที่ผู้คนรู้จักเกาะลังกาวี ส่วนหนึ่งมาจากตำนานของคำสาปพระนางมัสสุหรี ที่เล่าสืบต่อกันมา
ภาพประกอบอ้างอิงจาก : https://th.tripadvisor.com
เรื่องราวมันมีอยู่ว่า เมื่อราว ๆ 200 ปีก่อน มีครอบครัวของพ่อค้า แม่ค้าชาวไทยได้มาสร้างกระท่อมเล็ก ๆ อาศัยอยู่ใจกลางลังกาวี ซึ่งเป็นป่ารกทึบ เนื่องจากครอบครัวนี้ไม่ค่อยได้รับการต้อนรับจากชนเผ่าพื้นเมืองสักเท่าไหร่
ครอบครัวนี้มีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อว่า มัสสุหรี
มัสสุหรีเป็นเด็กที่ขยัน เชื่อฟังพ่อแม่ และที่สำคัญเธอไม่เคยพูดโกหก เมื่อมัสสุหรีโตเป็นสาว เธอเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดบนเกาะลังกาวี ความงดงามและความมีน้ำใจของเธอ ถูกพูดถึงและดังไปไกลจนถึงวันดารุสโอรสของสุลต่านผู้ปกครองเกาะลังกาวี
มีอยู่วันหนึ่ง วันดารุสได้ปลอมตัวเป็นขอทาน เดินเข้าไปขอข้าวขอน้ำที่หน้าบ้านของมัสสุหรี ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่นางมัสสุหรี จะหยิบยื่นข้าวปลาอาหารให้กับคนขอทานที่ผ่านไปมาเสมอ
ภาพประกอบอ้างอิงจาก https://pixabay.com/th/
เมื่อวันดารุสปลอมตัวเป็นขอทานเข้ามา นางก็ต้อนรับ หาข้าว หาน้ำ อาหาร ให้กับวันดารุสที่อยู่ในคราบของขอทาน จนอิ่มหนำสำราญ ทำให้วันดารุสซาบซึ้งในความมีน้ำใจของนาง วันดารุสทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกิดเป็นความรักต่อกัน โดยที่นางมัสสุหรีไม่เคยรู้เลยว่า ชายที่ตนหลงรักอยู่นั้น คือรัชทายาทผู้ปกครองเกาะลังกาวี
เมื่อวันดารุสมั่นใจแล้วว่าหญิงที่ตนรัก รักเขาจริง ๆ เขาจึงตัดสินใจไปบอกกับพระมารดาให้ช่วยไปสู่ขอนางมัสสุหรีให้ แต่เมื่อพระมารดารู้ว่าหญิงที่วันดารุสจะแต่งงานด้วยเป็นแค่หญิงสาวชาวบ้าน พระมารดาจึงออกปาก ปฏิเสธทันที เนื่องจากมองว่าเป็นพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้า จะไม่ยอมไปสู่ขอให้เด็ดขาด
แต่วันดารุสก็ไม่ยอมเช่นเดียวกัน วันดารุสยื่นคำขาดกับพระมารดาว่า หากพระมารดาไม่ยอมไปสู่ขอนางมัสสุหรีให้ ตนก็จะปลิดชีพตนเอง พระมารดาจึงต้องจำยอมไปสู่ขอนางมัสสุหรีให้กับวันดารุส แต่ในใจนั้นยังโกรธเกลียดนางมัสสุหรีเป็นอย่างมาก จึงคิดพยายามจะกำจัดนางมัสสุหรีให้ได้หากมีโอกาส
พิธีภิเษกสมรส เกิดขึ้นท่ามกลาง ความชื่นชมของชาวเกาะลังกาวี เพราะนางมัสสุหรีเป็นมเหสีที่งดงามและมีน้ำใจเป็นอย่างมาก เป็นที่รักของคนทั่วไป ยกเว้นก็แต่พระมารดาของวันดาลุส
เมื่อเวลาผ่านไป พระนางมัสสุหรีตั้งครรภ์ และได้คลอดบุตรออกมาเป็นบุตรชาย ชื่อ วันฮาเกม แต่ทว่าหลังจาโอรสน้อยได้คลอดอออกมาได้เพียง 3 วัน วันดารุสก็ต้องจากไปเพื่อทำศึก เพราะขณะนั้นกำลังเกิดศึกสงครามจากการขยายอำนาจของสยาม เพราะเกาะลังกาวีก็เป็นส่วนหนึ่งของไทรบุรี
แต่ก่อนจะไป วันดารุสได้มอบหมายองครักษ์คู่ใจ ที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ให้มาช่วยรับใช้พระนางมัสสุหรี ในระหว่างที่ตนไม่อยู่
ภาพประกอบอ้างอิงจาก https://th.readme.me/p/
ด้วยความเกลียดชังของพระมารดาที่มีต่อนางมัสสุหรี ทันใดที่วันดาลุสออกเรือไป พระมารดาก็สั่งให้ข้าทาสบริวารหยุดทำงานทั้งหมด และปล่อยให้พระนางมัสสุหรีทำงานแต่เพียงผู้เดียว พระนางมัสสุหรีก็ไม่ขัดข้องประการใด หวังแต่เพียงว่าจะชนะใจแม่สามี พระนางทำงานหนักจนองครักษ์เห็นแล้วทนไม่ไหวจึงขอช่วยเหลือนาง
จึงทำให้พระมารดาไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงคิดจะกำจัดทั้งสองคน โดยสั่งให้บริวารไปเฝ้าดูและคอยพยายามจับผิด หาเรื่องใส่ร้ายพระนางมัสสุหรีให้ได้
จนกระทั่งวันหนึ่งพระนางมัสสุหรี เอาผ้าคลุมศรีษะยื่นให้แก่องครักษ์เพื่อเช็ดหน้า ในขณะที่กำลังตรากตรำทำงานหนัก
จนบริวารของพระมารดาเห็นเข้า จึงนำเรื่องนี้ไปรายงาน พระมารดาจึงสั่งให้ทหารไปจับทั้งสองคนและป่าวประกาศไปทั่วเกาะว่า พระนางมัสสุหรีมีชู้เป็นองครักษ์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติแก่ราชวงศ์ มีโทษประหารชีวิตด้วยกริช ส่วนองครักษ์โดนฝังทั้งเป็นในหลุม และโยนหินใส่จนเสียชีวิต
1
ส่วนพระนางมัสสุหรีเธอโดนมัดไว้กับต้นไม้ต้นนึง มีเพรชฆาตถือกริชและแทงเธอ แต่แทงกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่สามารถแทงทะลุผ่านผิวหนังของเธอได้
พระนางมัสสุหรี จึงกล่าวว่า ต้องเป็นกริชประจำตระกูลของนางเท่านั้นถึงจะฆ่านางได้ และกริชนั้นก็อยู่ที่บ้านพ่อแม่ของนาง พระมารดาจึงสั่งให้เพรชฆาตไปเอากริชประจำตระกูลของนางมา
และก่อนที่เพรชฆาตจะลงมือประหาร พระนางมัสสุหรีก็กล่าวด้วยเสียงดังว่า "ฟ้าดินจงเป็นพยาน ข้านี้ถูกใส่ร้าย ข้ามิเคยคบชู้สู่ชายแต่อย่างใด หากข้าไม่ผิด ขอให้โลหิตข้าเป็นสีขาว และอย่าให้โลหิตข้าหลั่งลงพื้นดิน"
1
เมื่อสิ้นคำกล่าวของพระนางมัสสุหรี เพรชฆาตก็ลงมือปักกริชลงบนคอของพระนาง เสียงกรีดร้องของพระนางมัสสุหรีดังไปทั่วเกาะลังกาวี ทันใดนั้นเลือดสีขาวก็พุ่งออกมา แต่ไม่หยดลงพื้นดินแม้แต่หยดเดียว วันฮาเกม บุตรวัยสามเดือนของนางได้ส่งเสียงร้องออกมา เสมือนรับรู้ความเจ็บปวดของผู้ที่เป็นมารดา
ภาพประกอบอ้างอิงจาก https://www.google.com/
ก่อนที่พระนางมัสสุหรีจะสิ้นใจ นางได้ขอกอดลูกและขอให้นมลูกเป็นครั้งสุดท้าย แต่พระมารดาของบันดาลุสไม่ยอม พระนางจึงขอให้พ่อแม่ของตนเอากล้วยน้ำว้าป้อนลูกของตน
ก่อนที่พระนางมัสสุหรีจะสิ้นใจ พระนางได้กล่าวคำสาปแช่งว่า "หากข้าเป็นผู้บริสุทธ์ มันผู้ใดที่อยู่บนเกาะลังกาวีแห่งนี้ จงประสบแต่ความทุกข์เข็ญยาวนานไปเจ็ดชั่วโครต" เมื่อสิ้นคำสาปแช่ง พระนางก็สิ้นใจในที่สุด
เมื่อสงครามสงบลง วันดารุสก็กลับมายังเกาะลังกาวี เมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจเพราะสภาพเกาะ เหมือนเกาะร้าง วันดารุสจึงเดินทางเข้าไปในพระราชวังและเรียกหาพระนางมัสสุหรี แต่ก็ไม่พบจึงไปหาที่บ้านพ่อแม่ของพระนางมัสสุหรี
เมื่อไปถึงที่บ้านของพ่อตาแม่ยาย เห็นแต่ลูกน้อยแต่ไม่พบพระนางมัสสุหรี จึงถามหาจนได้ทราบความจริงที่ว่า แม่ของตนประหารชีวิตไปซะแล้ว
วันดารุสเสียใจมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพระมารดาจะฆ่าคนรักของเขาได้ลงคอ วันดารุสตัดสินใจสละสิทธิ์ในราชบัลลังค์ และหอบลูกกับกริชที่ใช้ฆ่าพระนางมัสสุหรีไปยังบ้านเกิดของนางและไม่กลับไปเหยียบที่เกาะลังกาวีอีกเลย
ส่วนพระมารดาของวันดารุสเมื่อสิ้นชีวิต พระศพของนางไม่สามารถฝังบนที่ใดเกาะลังกาวีได้เลยฝังลงไปตรงไหน ทรายตรงนั้นก็จะดันศพของนางขึ้นมาด้านบนเสมอ
จนต้องทำพิธีบนบานกับสุสานพระนางมัสสุหรี จึงสามารถนำศพไปฝังบริเวณหาดทรายได้ ทว่าเมื่อฝังร่างของนางลงไปแล้วสีของหาดทรายตรงนั้นกลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำขึ้นมาทันที
จากนั้นคนบนเกาะลังกาวีก็ไม่เคยพบเจอกับความสงบสุขอีกเลยยาวนานมาจนเกือบ 200 ปี
https://www.google.com/
จนกระทั่งในปี พ.ศ.2529 นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ณ ขณะนั้นต้องการเปลี่ยนแปลงเกาะลังกาวี ที่เชื่อว่าต้องคำสาปอยู่ จึงได้พยายามค้นหาทายาทรุ่นที่ 7 เพื่อที่จะแก้คำสาป จนกระทั่งได้พบว่ามีผู้เป็นทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี
ได้อาศัยอยู่ที่ภูเก็ต ประเทศไทย มีชื่อว่าศิรินทรา ยายี เกิดวันที่ 8 เดือน 8 ปี 2528 แรม 8 ค่ำ มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นทายาทรุ่นที่ 7 ไม่ว่าจะเป็นกริชประจำตระกูล รูปภาพ และบรรพบุรุษที่ชื่อ วันฮาเกม
ภาพประกอบอ้างอิงจาก https://www.google.com/
ทางรัฐบาลมาเลเซีย จึงได้ทำการเชิญทายาทรุ่นที่ 7 ไปทำพิธีถอนคำสาปแห่งเกาะลังกาวี ในปี พ.ศ. 2543 จนเป็นข่าวดัง หลังจากนั้นเกาะลังกาวี ก็เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของโลก
ภาพประกอบจอ้างอิงจาก www.google.com
เพื่อน ๆ มีความคิดเห็นอย่างไร กับเรื่องคำสาปเกาะลังกาวี เชื่อหรือไม่เชื่อ!! สามารถพูดคุยกันในช่องแสดงความคิดเห็นได้เลยนะ❤️
แหล่งข้อมูลจาก
board.postjung.com
ตำนานที่เป็นจริง”อาถรรพณ์คำสาปลังกาวี”ที่คนทั่วโลกไม่ลืม
ลังกาวี เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย เกาะแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวมาเลย์ ก็เพราะตำนานที่เล่าขานกันมาถึงเจ้าหญิง ชายารัชทายาท ซ..
อ่านเพิ่มเติม
อ่านเพิ่มเติม
chiangmainews.co.th
“ลังกาวี” ดินแดนแห่งคำสาป - Chiang Mai News
จักรพงษ์ คำบุญเรือง…
ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่า
2 บันทึก
3
4
2
2
3
4
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย