12 ก.ย. 2022 เวลา 08:54 • การศึกษา
ทำอะไรก็ตามจะได้ผลดี ต้องรู้ว่าทำอะไร เพื่ออะไร ทำทำไม ทำยังไง ...
เทคนิคอยู่ตรงรู้จักใช้เวลาที่เหลือ 23 ชม. 30 นาที ให้เป็นแรงสนับสนุน 30 นาทีที่นั่งสมาธิ
นึกภาพตามว่า สมมติก่อนทำสมาธินั่งเม้าแตกสนุกอยู่เลย แล้วพอถึงเวลาเราก็ตัดบทออกมานั่งสมาธิ คิดว่าการนั่งวันนั้นจะเป็นยังไง ...
จะเห็นว่าสิ่งต่างๆที่เราทำ มันส่งผลต่อการทำสมาธิ
ใน 23 ชม . 30 นาที ไม่ได้หมายถึงต้องทำตลอด _มันเป็นไปไม่ได้_ หลักที่เข้าใจง่ายๆคือ ต้องตัดตอน เวลาของการ ไม่มีสมาธิ (ที่ทำอะไรอย่างอื่น/ที่จิตใจหลงไปไหลไปกับสิ่งต่างๆรอบตัว) ตัดให้มันสั้นลง อย่าให้ยาวต่อเนื่องกันทั้งวัน มันจะ _อินลึก_ และออกมายาก
1
สังเกตเวลาเล่นมือถือ รู้สึกไหมบางครั้งมันติด วางไม่ลง วางยาก (ลักษณะของการอินเข้าไปในอารมณ์)
วันทั้งวันให้เก็บตก เช่น ชม.ละ 5 นาที ให้กลับมารู้สึกลมหายใจ (หรือกรรมฐานอื่นที่แต่ละคนถนัด) เวลาเล็กน้อยมีค่ามาก เวลาเดินเข้าห้องน้ำ รอรถ รอลิฟต์ พักสายตาจากจอมาดื่มน้ำ
1
ลองทำซักระยะนึง"ต่อเนื่อง" จะรู้สึกว่าการนั่งสมาธิมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่เรื่องของสมาธิก็มีรายละเอียดอื่นๆอีกนะ
แนะนำฟัง ลพ.ปราโมทย์ ท่านสอนสิ่งที่เหมาะกับคนยุคนี้และเหมาะกับฆราวาสที่สุด
ท่านอื่นๆไม่ใช่ไม่ดีนะ ถ้าใครฟังพระรุ้นก่อนๆแล้วสามารถลงมือได้ถูกต้อง คือสุดยอดจริงๆ
ยุคก่อนนี้เรียนกันหินมาก สอนประโยคเดียวสั้นๆ แล้วแต่ละคนไปหาคำตอบเองนานแรมปีกว่าจะได้
คนยุคนี้ให้ทำแบบนั้นไม่มีใครอดทนมากพอแล้ว ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง รวดเร็ว ใจเร็ว อยากรู้อะไร กูเกิ้ลตอบได้
 
ตัวเราเนี่ยโง่มากนะ ไม่งั้นไม่อยู่มาถึงยุคนี้ ลพ.ปราโมทย์ท่านสอนละเอียดแบบสอนเด็กเล็กๆ ย่อยธรรมยากๆให้ง่าย เหมาะสำหรับคนภูมิปัญญาน้อยอย่างเรา
ลพ.ท่านปฏิบัติมาตั้งแต่เป็นฆราวาส ท่านเข้าใจวิถีชีวิตของผู้คนดี ว่าทำอะไรได้แค่ไหน
การทำงานเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติจริงไหม?
งานต้องทำจนไม่มีเวลา จริงไหม?
ท่านเป็นตัวอย่างที่ดี ต่างจากพระรูปอื่นๆที่มักจะปฏิบัติกันหลังจากออกบวช
ลองฟังดู แล้วจะรู้วิธี "ฝึกจิต" ที่ไม่ต้องทำแค่ท่า "นั่งหลับตา" แล้วก็มีสมาธิได้
โฆษณา