14 ก.ย. 2022 เวลา 04:35 • ประวัติศาสตร์
"อาหาร" ซึ่งสร้างและทำลาย "จักรวรรดิมองโกล (Mongol Empire)"
ในระหว่างศตวรรษที่ 13-14 "จักรวรรดิมองโกล (Mongol Empire)" ได้กลายเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ถามว่าแรงขับเคลื่อนของจักรวรรดิแห่งนี้คืออะไร?
"อาหาร" คืออีกหนึ่งสิ่งสำคัญ และหลายคนคงสงสัยว่าชาวมองโกลนั้นทานอะไร และอาหารเป็นสิ่งที่สร้างและทำลายอาณาจักรแห่งนี้ได้อย่างไร?
ลองไปหาคำตอบกันครับ
จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ พบว่ากลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่ปัจจุบันคือมองโกเลีย (Mongolia) ได้ทำการปศุสัตว์ตั้งแต่เมื่อราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล โดยจากการตรวจสอบโครงกระดูกในยุคสมัยนั้นในบริเวณมองโกเลีย พบว่าผู้คนในยุคนั้นมีการบริโภคนมแล้ว
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าชาวมองโกลโบราณนั้น รู้จักการบริโภคนมจากการสังเกตเห็นชนเผ่าเร่ร่อนจากตะวันตก ซึ่งได้เดินทางเข้ามาในบริเวณนั้น
หากแต่ชาวมองโกลก็มีกรรมวิธีในการจัดการกับนมเป็นของตนเอง มีการนำนมมาแปรรูป
1
ต้องเข้าใจก่อนว่าดินแดนที่ชาวมองโกลอาศัยอยู่นั้นคือที่ราบกว้างใหญ่ อากาศหนาวเย็น ดังนั้นแคลอรีและไขมันจึงเป็นสารอาหารที่ชาวมองโกลจำเป็นต้องบริโภค อีกทั้งในเวลานั้น เนื้อสัตว์ก็ไม่ใช่ว่าจะมีให้รับประทานได้ตลอด
1
อาหารที่ให้ความอบอุ่นแก่ชาวมองโกล หลักๆ ก็ได้แก่ เนื้อม้า เนื้อแกะ และนมม้า โดยหากเทียบกับเนื้อวัวที่คนบริโภคในปัจจุบัน จะมีพลังงานอยู่ที่ 1,073 กิโลแคลอรีต่อปอนด์ ส่วนนมวัวจะให้พลังงาน 400 กิโลแคลอรีต่อปอนด์
1
ส่วนอาหารของชาวมองโกลนั้น
เนื้อแกะให้พลังงาน 1,834 กิโลแคลอรีต่อปอนด์
เนื้อม้าให้พลังงาน 1,855 กิโลแคลอรีต่อปอนด์
นมแกะให้พลังงาน 511.6 กิโลแคลอรีต่อปอนด์
ชาวมองโกลยังบริโภคนมม้า อีกทั้งยังมีการนำนมม้าไปหมัก ทำเหล้าได้อีกด้วย หากแต่ก็สามารถทำแอลกอฮอล์ได้เพียงแค่ประมาณ 3.25% เท่านั้น
5
นอกจากนั้น ชาวมองโกลยังมีความสร้างสรรค์ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมอีกด้วย โดยมีการนำนมไปทำโยเกิร์ต เนย และชีสเป็นต้น
2
สำหรับเนื้อสัตว์ ชาวมองโกลจะฆ่าสัตว์ด้วยวิธีการคว้านหน้าอก และดึงหัวใจของสัตว์ออกมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเลือดสัตว์ และนำเลือดไปทำไส้กรอก อีกทั้งเส้นเอ็นของสัตว์ต่างๆ ยังนำมาทำคันธนูได้อีกด้วย
5
จะเห็นได้ว่าอาหารมองโกลนั้น ล้วนแต่เป็นอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งในระยะยาว ย่อมไม่ดีต่อสุขภาพ
1
ต่อมา ชาวมองโกลจำนวนมากมีฐานะร่ำรวยขึ้น กินดื่มได้มากขึ้น ไม่ต้องใช้แรงงานมากเหมือนที่ผ่านมา
1
ที่ผ่านมา เด็กชาวมองโกลต่างเรียนรู้ที่จะขี่ม้าได้ตั้งแต่อายุเพียงสามขวบ และเริ่มออกล่าสัตว์ตั้งแต่เด็ก ทำให้สามารถเผาผลาญแคลอรีและไขมันไปได้ แต่เมื่อชาวมองโกลจำนวนมากเริ่มจะร่ำรวย กินดีอยู่ดีขึ้น ทำให้กิจกรรมที่ได้ออกกำลังอย่างนี้ก็ค่อยๆ หายไป
2
ชาวมองโกลที่ร่ำรวยนั้นดื่มทั้งเหล้าและบริโภคเนื้อในปริมาณมาก ซึ่งก็ส่งผล ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา
ในไม่ช้า ชาวมองโกลที่มีฐานะร่ำรวยก็เริ่มเจ็บป่วยด้วยโรคเกาท์ และในไม่ช้า ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักร แม้แต่ "กุบไลข่าน (Kublai Khan)" ก็เจ็บป่วยด้วยโรคเกาท์เช่นกัน โดยทั้งหมดนี้ก็มาจากการบริโภคที่ไม่ดีนัก รวมทั้งการดื่มเหล้าอย่างมหาศาล
1
และนอกจากเกาท์แล้ว ก็คาดว่าชนชั้นปกครองในมองโกลอาจจะเป็นเบาหวานอีกด้วย
2
อาจจะเรียกได้ว่าอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ผู้คนล้มตายจำนวนมากไม่ได้มีสาเหตุเพียงแค่สงคราม หากแต่มาจากอาหารการกินด้วย
1
โฆษณา