15 ก.ย. 2022 เวลา 01:23 • ไลฟ์สไตล์
การที่เราอยู่ในที่ ที่สภาพแวดล้อมทางสังคมต่างๆ ที่แต่ละคน ต่างก็มีกรรม มีอารมณ์นึกคิด มีความชอบไม่เหมือนกัน มีกิริยาของกายวาจาใจ ที่แสดงพฤติกรรมต่างๆ ไม่เหมือนกัน เมื่อมาอยู่ร่วมกัน ..มันก็มีเรื่องราวทำนอง จิตต่างสี บารมีต่างปล่อง จิตที่มีนิสัยที่ชอบ ชอบกินเหล้าก็ไปอยู่ร่วมกัน จิตที่ชอบนินทาอิจฉาคนนั้นนี้ ก็ไปอยู่ร่วมกัน แต่อยู่ได้ไม่นานก็วงแตก เพราะคำพูดคำจาของคนที่ชอบนินทา มันร้อนรน อยู่ๆไปก็ร้อนไปทั้งวง ..มันก็ต้องแตกแยกกันไป
เมื่อเราต้องอยู่ในสถานที่ที่ที่เราก็ไม่สามารถ ..จะเลือกได้ หรือ ออกไปได้ เราก็ควรทำจิต ให้เหนือดีชั่วไว้ ดีก็ไม่เอาชั่วก็ไม่เอา เราก็ต้องเตือนสติของเราบ่อย มีคำพูด ที่ว่ามองคนอื่นน้อยๆ มามองดูตัวเองให้มากๆ ดูอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดที่ตัวเรา เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้จักอารมณ์นึกคิดของตัวเราเอง ที่มันเกิดขึ้น
เราจับผิดที่ตัวเราเอง จับอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่ตัวเรา พลิกขึ้นมาดู ว่า อารมณ์ที่เกิดขึ้นในที่ตัวเรานั้น มันพาจิตเราไปยึดเรื่องราวอะไรบ้าง ยึดในสิ่งที่อยากให้คนนั้นคนนี้ เป็นอย่างที่เราคิด หรือ เราปฏิเสธ หงุดหงิดรำคาญ เบื่อในสิ่งที่เรากำลังผจญ ผจญอารมณ์ ที่วิญญาณทั้งหกของเรา ต้องสัมผัสรับรู้ มันเข้ามาตลอดเวลา
เหมือนเราอยู่ใกล้คนที่เค้าพูดคุยกัน ..มันก็มีเสียงเข้ามากระทบหู ตาเราก็เห็น คนเค้าคุยกัน เราปิดหูปิดตาไม่ได้ เมื่อปิดไม่ได้..อารมณ์มันก็เกิด ชอบไม่ชอบ หงุดหงิด ..อารมณ์นึกคิด ต่อต้าน การกระทำของคนที่มาคุยกัน ให้เราเห็นหูเราได้ยินมันเกิดขึ้น ทิฐิมันก็เกิดขึ้น..ยอมไม่ได้ ..อารมณ์โกรธโมโหก็ตามมา เป็นลักษณะของการคล้องกรรม เกิดขึ้น ..จิตเราก็ต้องเศร้าหมอง เพราะอารมณ์นั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นที่คนอื่น มันเกิดขึ้นที่เรา เหมือนเราไปดึงสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา หรือดึงกรรมเข้ามาสู่จิตทับถมทั้งกายทั้งจิตของเราเอง
เมื่อเรารู้ตัวว่าจะต้องเจอะเจออะไร เราก็บอกตัวเอง ให้ตั้งสติ ทำใจให้เข้มแข็ง ระมัดระวังวิญญาณหกที่จะไปรับ เสียงรับภาพ คือสำรวจจิต สำรวมกายวาจาใจของเราไว้ เพื่อศึกษาตัวตนของเราเอง นิสัยของเราเอง ที่ยึดอารมณ์อยู่ ..เมื่อสติของอารมณ์ของเรามันปรุงแต่งขึ้น เหมือนว่าเราอยู่ตัวคนเดียว
เราก็สังเกตอารมณ์นั้นว่า มันกดทับกายทับใจเรา มันอึดอัด มีความสุขหรือทุกข์ เราก็สังเกตตัวเราเอง เพื่อปล่อยวางอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่ตัวเรา เมื่อเราทำได้ รู้จักอารมณ์ที่เกิดขึ้น เราก็จะไม่เห็นใครผิด เค้าก็เป็นจิตดวงหนึ่งเกิดมาอาศัยกาย มีนิสัยเวรกรรมเป็นของตน ที่นำพาจิตให้จมอยู่กับกรรม แล้วเราก็ไม่อยากเป็นเหมือนเค้า
เมื่อเรามีสติรู้จักกรรมมากขึ้น เรากลับสงสารคนที่เค้าไม่รู้จักกรรม ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักว่าจิตนี้มาอาศัยเรือนกายชั่วขณะหนึ่ง แล้วจิตที่สะสมกรรมมีแต่ของหนักๆติดจิตไป ถ่วงจิตจมนรกอเวจีแน่นอน มันน่าสงสารน่ะ ที่จิตได้เรือนกายเป็นมนุษย์ครบอาการสามสิบสอง จะมาใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ เพื่อแก้ไข ทำสิ่งที่ดีให้แก่จิตของตนไม่ได้เลย ..มันก็เลยเป็นโมฆะบุรุษโมฆะสตรี เสียชาติเกิดไปหนึ่งชาติ
โฆษณา