10 ต.ค. 2022 เวลา 12:00 • ท่องเที่ยว
มินนีแอโพลิส

ตอนสุดท้ายของซีรีส์นี้ละค่ะ ไปเที่ยว Minnehaha Falls ชิม Craft Sake ก่อนกลับกัน

Chapter 46/6: Last Day In Minneapolis
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบขอทริปนี้กันแล้ว นั่นหมายความว่าถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้วน้าาา 😮‍💨 ยังสนุกอยู่เลย แต่ก็ดีค่ะทรัพย์จางไปมากละ 😅
วันก่อนกลับ เราได้ไปเที่ยวน้ำตก Minnehaha Falls ด้วย ซึ่งจริงๆ เราอยากไปตั้งแต่วันก่อนโน้นนนละ แต่ฝนตกเลยต้องยกเลิกไป มาวันนี้น้องๆ ว่างพอดีเลยจะพาเราไปเที่ยวส่งท้าย อิอิ โชคดีจริมๆ 😁
Minnehaha Falls อยู่ไม่ไกลจาก Downtown Minneapolis เท่าไหร่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีเอง
เข้ามาในบริเวณน้ำตก เจอรถถีบแบบนี้ด้วย น่ารักจัง
เดินตามเสียงน้ำตกมาเรื่อยๆ ก็จะเจอเจ้าของเสียงกัน
Minnehaha Falls
สวยมากเลยค่ะ
Minnehaha Falls
Minnehaha Falls อยู่ในเขตอุทยาน Minnehaha ตัวน้ำตกมีความสูงประมาณ 15 เมตร ส่วนตัว…เราว่าที่นี่เป็นน้ำตกที่สวยมาก ยิ่งถ้ามาตอนหน้าหนาวที่อากาศติดลบนี่คงยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ เห็นจากในรูปนะ (แต่เราขอบายแน่ๆ 🤣)
ด้านในของน้ำตกจะเป็นทางเดินที่ทำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินสำรวจอุทยาน ซึ่งถ้าเดินไปจนสุดทางก็จะเจอกับแม่น้ำมิสซิสซิปปี (Mississippi River)
Minnehaha Falls
พวกเราเดินไปตามทางเรื่อยๆ ในวันอากาศดีๆ แบบนี้บวกกับความเย็นที่ได้จากต้นไม้รอบๆ ตัว ทำให้พวกเราเดินกันได้อย่างสบายๆ ไม่รู้สึกร้อนเลยซักนิด โอกาสนี้แหละที่เราจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์กันให้ชุ่มปอด
ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีก็เจอกับ แม่น้ำมิสซิสซิปปี (Mississippi River)
Mississippi River
เรานั่งพักถ่ายรูปกันแถวแม่น้ำซักพัก จากนั้นก็เดินกลับไปที่น้ำตก
Minnehaha Falls
โชคดีเดินกลับมาก่อนฝนตกพอดี
นั่งรถกลับเข้าเมืองไปหาข้าวเที่ยงทานกัน
มื้อนี้น้องๆ พามาทานอาหารญี่ปุ่นและมาชิม Craft Sake ที่ร้าน Moto-I Ramen And Sake House
Moto-I Ramen And Sake House
ไม่เคยชิม Craft Sake มาก่อนเลย เรารู้สึกว่ารสชาติสาเกที่นี่ไม่จัดจ้านเหมือนสาเกขวด คือไม่หวานเท่าแบบขวด แต่ก็มีความหอมมาก ที่แน่ๆ คือแรงใช้ได้เลย
Moto-I Ramen And Sake House
อาหารในร้านเน้นราเม็งเป็นหลักตามชื่อร้าน น้องๆ สั่ง Ramen และ Okonomiyaki มาทานกัน แต่เราเลือก Bibimbab หรือข้าวยำเกาหลี ดูดิ๊ว่าจะอร่อยมั้ย 😁
Moto-I Ramen And Sake House
แน่ะ…รสชาติอร่อยอยู่ แต่เยอะเหลือเกินทานไม่หมดอีกแล้ว 😅 สุดท้ายด้วยความเสียดายห่อกลับบ้านซิคะ 😁
หลังจากเสร็จมื้อเที่ยงน้องๆ ก็มาส่งที่บ้าน ได้เวลาร่ำลากันแล้ว 😭
สองสามวันที่ผ่านมา เราไม่ต้องอยู่คนเดียวเลยเพราะน้องๆ มารับไปเที่ยวทุกวัน มาถึงตอนนี้เลยรู้สึกหวิวๆ เหมือนกันที่ต้องจากกันแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีโอกาสได้เจอกันอีก น้ำตาซึมไปเลย 😢
หลังจากกลับมานั่งซึมๆ ที่ห้องก็นึกได้ว่าเรายังมีภารกิจที่ยังทำไม่เสร็จนี่ฝร่า…ต้องไปซื้อของค่ะ ยังซื้อไม่ครบเลย 😅 รีบไปดีกว่าร้านที่นี่ยิ่งปิดกันเร็วอยู่
เราเดินตาม Google Map ไปยังจุดหมายที่ต้องการ เอาจริงตอนนี้ก็เริ่มคุ้นทางแล้วล่ะ ดีที่เมืองนี้ไม่น่ากลัว ถึงตอนนี้ใน Downtown ตามถนนหนทางคนจะค่อนข้างน้อยและก็มี Homeless เยอะพอสมควรแต่ก็ยังดูปลอดภัย เค้าก็อยู่ส่วนของเค้าไม่ได้สร้างความลำบากใจให้ใคร
หลังจากจัดการภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จ ก็เอาของไปเก็บที่ห้อง เล็งร้าน Billy Sushi ร้านอาหารญี่ปุ่นแถวบ้านไว้ว่าจะมาจัดซักมื้อ เราเดินอย่างมั่นใจเข้าไปในร้าน คิดว่ามีที่แน่ๆ แหละ เหยยย…ไรฟระนี่ คนเยอะมากๆๆๆๆ
พนง. บอกต้องรอคิวประมาณครึ่งชั่วโมงได้ งืดเลยดันไม่จองมาก่อน 🥴 ก็ตั้งแต่มาที่นี่ เข้าทุกร้านไม่เคยต้องจองใดๆ เลย เลยเกิดอาการย่ามใจไปหน่อย เป็นไงล่ะ อดเลย
แต่ไม่เป็นไรบนห้องเรายังมี Bibimbab เมื่อตอนเที่ยงเหลืออยู่ อิอิ กิน Bibimbab แทนก็แล้วกัน ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละ 😁 ประหยัดตังค์ด้วย
มื้อเย็นวันนี้ก็เลยสุดแสนจะเรียบง่าย แกล้มด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ซื้อมามะกี้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เจอเรื่อง surprise ในห้องด้วย อยู่มาตั้งหลายวันเพิ่งรู้ว่าห้องเรามีเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วย 🤩 เจ๋งมากเลย เค้าวางไว้ใต้ TV ที่เราไม่เคยเปิดใช้เลย เลยไม่รู้
ส่วนแผ่นเสียงที่ Sonder จัดไว้ให้คือเพลงของ Idol ของ Minneapolis Bob Dylan และ Prince นั่นเอง…..จุดนี้บอกเลยว่าเค้าทำได้ประทับใจมากเลย 👍
วันสุดท้ายของการเดินทาง ตื่นมาก็ไล่เก็บกวาดอาหารที่เหลือในตู้เย็นจนเกือบเกลี้ยง (มีเหลือไปทานที่สนามบินด้วยนะ 🤣 ซื้อมาเยอะเกิ๊น)
ได้เวลา check-out ออกจาก home sweet home ที่พักที่เราพำนักมาอาทิตย์นึงแล้ว ชอบที่นี่จัง ถ้ามีโอกาสมาเมืองนี้อีกจะกลับมาพักที่นี่อีกแน่นอน
รถ Uber ที่จองไว้มารับตรงเวลาเป๊ะ นั่งรถประมาณ 30 นาทีก็ถึงสนามบิน
เรา Check-in online มาเรียบร้อยแล้วเหลือแค่โหลดกระเป๋าซึ่งไม่ยากเลย เดินไปที่เครื่อง Kiosk ของสายการบิน แล้วก็จัดการปริ๊น bag tag ออกมา ติดกระเป๋าแล้วก็เอาไปโหลดที่ Baggage Drop ของสายการก็เป็นอันเสร็จ สะดวกรวดเร็วมากๆ เลย ไม่ต้องไปต่อแถวรอ Check-in ที่เคาน์เตอร์
Minneapolis−Saint Paul International Airport
ถ้าใครที่ไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไง สามารถถามเจ้าหน้าที่สายการบินที่เดินอยู่แถวเครื่อง Kiosk ได้ค่ะ เค้าพร้อมจะช่วยเราอยู่แล้ว
 
มาถึงเรื่องที่น่าเบื่อที่สุดก็คือการผ่าน security check ของที่อเมริกาซึ่งมักจะตรวจเข้มมากๆ ตรงนี้จะใช้เวลานานหน่อย ต้องเผื่อเวลาดีๆ ยิ่งถ้าเป็นสายการบินระหว่างประเทศนี่คือใช้เวลานานมากๆ อาจจะเกือบชั่วโมงได้เลย (เคยเจอครั้งนึงที่ JFK 😬) เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เดินทางเราจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนเลย จะได้ไม่ต้องหงุดหงิด
ผ่านเข้ามาด้านในฝั่งผู้โดยสารขาออกแล้ว สนามบินที่ Minneapolis นี่กว้างใหญ่จริงๆ คนก็เยอะมากเลย
Minneapolis−Saint Paul International Airport
สนามบินใหญ่จริงถึงขนาดมีรถ Tram วิ่งระหว่าง Terminal เลย
Minneapolis−Saint Paul International Airport
เครื่องออกตรงเวลาเป๊งงง ผ่านตรงนี้ได้ก็ไม่มีอะไรให้กังวลละ ไม่ตกเครื่องที่จะกลับเมืองไทยแน่นอน 👍 นั่งเพลินๆ ไป 3 ชั่วโมงค่ะ
บังเอิญลำนี้มีกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมมากันกลุ่มเบ้อเริ่ม (เดาจากหน้าตาน้องๆ) น่าจะกำลังไปแข่งกีฬาที่ต่างประเทศกัน คุยกันเฮฮาตลอดทาง ดีค่ะครึกครื้นดี 😁 จนเครื่องถึงที่สนามบิน JFK (John F. Kennedy)
John F. Kennedy International Airport
ที่ JFK ตอนนี้คือคนเยอะมากกกก
John F. Kennedy International Airport
ลงเครื่องปุ๊บเราก็ไปเอากระเป๋าก่อนเลย เพราะเราไม่ได้เช็คกระเป๋าไปถึงปลายทางที่กรุงเทพฯ แต่ขอมารับที่ JFK ก่อนเพื่อความชัวร์
มีเรื่องตื่นเต้นนิดนึง ตอนไปถึงสายพานรับกระเป๋า เราเจอแต่ความว่างเปล่า….. ไม่มีผู้โดยสารจากเครื่องลำเดียวกันมายืนรอกระเป๋าให้เห็นเลยแม้แต่คนเดียว 😱
และที่สำคัญคือไม่มีกระเป๋าออกมาให้เห็นแม้แต่ใบเดียวเช่นกัน 😱😱 ช็อก 2 เด้งเลยทีนี้
เดินไปถามพนักงานที่ยกกระเป๋าอยู่แถวนั้นว่ากระเป๋าลำนี้ไปไหนหมดแล้ว คุณพี่แกก็บอกว่า ไม่รู้นะไม่เห็นมีกระเป๋าออกมานี่ เราก็ เอาล้าว เอาล้าว นี่จะเป็นเหมือนที่เห็นในข่าวรึป่าวเนี่ย…..ข่าวที่ว่าตอนนี้สนามบินในยุโรปกำลังขาดแคลนพนักงานอย่างหนัก ไม่มีแม้แต่คนยกกระเป๋าทำให้กระเป๋าไม่ออกมาตามเวลา…..แย่แล้วววว ที่เมกาก็เป็นเหมือนกันรึนี่ 😭
แต่ยังดีเราเผื่อเวลาต่อเครื่องไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง
ป.ล. นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เราว่าสำคัญมากนะ การเลือกเวลาต่อเครื่องระหว่างประเทศ สำหรับเราเองเราจะเผื่อเวลาต่อเครื่องอย่างน้อย 3 ชั่วโมงเพราะถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่ทำให้ต้องเสียเวลานาน อาจจะทำให้เราตกเครื่องลำต่อไปได้เลย เพราะฉะนั้นเรายอมเสียเวลารอเครื่องนานหน่อยดีกว่า
กลับมาที่เรื่องกระเป๋ากันต่อค่ะ เรายืนรอกระเป๋าอยู่ที่สายพานต่ออีกประมาณ 10 นาทีจนเรารู้สึกได้ถึงความว่างเปล่า ความกังวลกำลังวิ่งวนอยู่ในหัว…คิดซิคิด ถ้ากระเป๋าไม่มาต้องทำไงต่อเนี่ย อ้อ…ตูจะต้องไปติดต่อ staff ที่ Lost & Found ให้เค้าเช็คกระเป๋าให้อีกที เอ๊ะ…แล้วเคาน์เตอร์มันอยู่ไหนฟระ
ระหว่างที่กำลังยืนหน้ามึนคิดอะไรอยู่ พี่ พนง. คนที่เราไปถามเมื่อตะกี้ก็เดินลากกระเป๋าออกมา…..มันคือกระเป๋าของเรานั่นเอง ลูกแม่ 😭
ในที่สุดก็ได้กระเป๋ามาค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น อาจจะเป็นเพราะกระเป๋าส่วนมากจะถูกเช็คไปไฟล์ทต่อไปอัตโนมัติหรือเปล่าไม่รู้ กระเป๋าเราก็เลยถูกลากเอาไปเก็บไว้เหมือนใบอื่นๆ พอเราเข้าไปถาม พี่แกเลยไปเช็คให้อีกครั้งจนเจอ (นี่คือสิ่งที่เราสันนิษฐานเอาเองนะ) ได้กระเป๋ามาก็สบายใจแล้วล่ะ 😮‍💨 ไป Check-in ไฟล์ทต่อไปกันเถอะ
และก็เป็นโชคดีอีกเช่นกันที่ไฟล์ทต่อไปของเราก็อยู่ที่ Terminal เดียวกัน ทำให้ไม่ต้องเหนื่อยเลย
Check-in เสร็จก็ตามเคยต้องไปผ่าน Security Check อีกรอบ แต่ผ่านจากตรงนั้นมาได้ทุกอย่างก็ชิลละ
มีเวลาเหลืออีกประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าเครื่องจะออก ไปนั่งรอที่ Lounge ดีฝร่า
Lounge Virgin Atlantic Clubhouse ที่สนามบิน JFK ไม่ใหญ่มากแถมคนก็เยอะอีกตังหาก เรามาคนเดียวก็ดีไปอย่าง หาที่นั่งง่ายหน่อย
Virgin Atlantic Club House
การสั่งอาหารที่นี่สุดจะสะดวกเลย ไม่ต้องเดินไปตักอาหารเอง แค่เราสแกน QR code ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้วกดสั่งอาหาร online จากนั้นก็ใส่เลขโต๊ะลงไปเท่านั้น…จบ พนักงานจะเดินมาเสริฟอาหารให้ถึงที่เลย
Virgin Atlantic Club House
ด้วยความหิว ทานไปซะเยอะเลย 😁
Virgin Atlantic Club House
มองดูนาฬิกาอีกที ถึงเวลาต้องออกไปขึ้นเครื่องละค่ะ
เจอ Quote นี้ของคุณ John Steinbeck ชอบมากเลย ความหมายประมาณว่า เรามักจะคิดว่าเราเป็นคนกำหนดการเดินทาง แต่จริงๆ แล้วการเดินทางต่างหากที่มันพาเราไป
ยิ่งพูดยิ่งงงช่ะ 🤣 ไปขึ้นเครื่องกันเถอะ 😆
ได้เวลานั่งเครื่องยาวๆ 18 ชั่วโมงกลับบ้านกันแล้วค่า
นั่งๆ นอนๆ จนเครื่องถึงสิงคโปร์ ลงจากเครื่องปุ๊บต้องรีบไปซื้อหมูแผ่น order ของที่บ้านก่อนเลย
Changi Airport
เครื่องเราลงเช้ามากตี 5 กว่าๆ เอง แต่คนที่สนามบินสิงคโปร์คือเยอะแล้วอ่ะ
เดินมาถึงร้าน ปรากฎร้านยังไม่เปิดจ้า ต้องยืนรออีกพักนึง กว่าจะซื้อเสร็จเหลือเวลาไป lounge ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง 🥴 อ่ะ…แต่ก็ขอแวะไปเข้าห้องน้ำซักแป๊บละกัน
Silver Kris Lounge
เพิ่งจะ 6 โมงกว่า แต่คนใน lounge เยอะมากเลย เดินทางกันแต่เช้าเลย
Silver Kris Lounge
เรานั่งดื่มกาแฟยังไม่ทันหมดแก้วเลย หา…ได้เวลาเรียกขึ้นเครื่องอีกละ 😆
ไฟล์ทสุดท้ายละเด้อ
ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพค่า
ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปที่ประทับใจมากๆ เราคิดมาตลอดว่าถ้าสามแต่งงานเราจะไปงานน้องให้ได้ มันเหมือนเป็น Commitment ที่เราให้กะตัวเองว่าเราจะต้องทำให้สำเร็จ และพอเราได้ทำแถมมีเพื่อนร่วมทางที่ไม่ได้คาดคิดยิ่งรู้สึกประทับใจ
การเดินทางคนเดียวเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แต่การเดินทางที่มีเพื่อนร่วมทางที่ดีก็เป็นสิ่งที่มีค่ามากเช่นกัน
ขอบคุณเบ๊นซ์ที่เป็นเพื่อนร่วมทางที่น่ารักมากๆ ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนเมื่อตอนเรียน ป.โท แต่เราก็ยังต่อกันติดเสมอ
และที่สำคัญ สามและสามีที่เป็นเพื่อนเดินทางที่ดีมากๆ เราจะไม่ลืมความทรงจำที่ได้จากการเดินทางครั้งนี้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะได้มีโอกาสมาที่ Minneapolis อีกมั้ย ได้แต่หวังไว้ละกัน 🙏
สำหรับ Blog ซีรีส์นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วพบกันในการเดินทางครั้งต่อไปค่ะ 😊
โฆษณา