25 ก.ย. 2022 เวลา 02:23 • ครอบครัว & เด็ก
"เมื่อสงสัยต้องกล้าถาม เมื่อไม่รู้ต้องกล้าหาคำตอบ"
วันก่อน แม่หมีไปเรียนหลักสูตรนึงเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง เพื่อนร่วมหลักสูตรมีตั้งแต่ระดับเจ้าของกิจการและ CEO บริษัทขนาดใหญ่ กลาง เล็ก อาจารย์ที่สอน เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิชื่อดังในแวดวงตลาดหุ้น
ด้วยความที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา แม่หมีจึงมีคำถามค่อนข้างเยอะ และหลายคำถาม เราก็รู้แหละค่ะว่ามันอาจจะเป็นเรื่องเบสิคสำหรับหลายคน แต่เราก็ยังเลือกที่จะยกมือถาม เพราะคิดว่า ก็เราไม่รู้และอยากจะรู้ไง
เรื่องนี้ ทำให้แม่หมีกลับมาคิดว่า สมัยก่อนตอนเรียนหนังสือ เราโตมาในระบบที่คุณครูไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ถามในห้อง การยกมือแทรกขณะสอนนี่เป็นเรื่องใหญ่ เชื่อมั้ยคะว่า อายุ 39 เนี่ย พึ่งบรรลุสิ่งที่เรียนไปในหนังสือเมื่อตอนประถม มัธยม ไปหลายเรื่อง
อาจจะเพราะว่ามีอากู๋ ให้คอยค้นหา และประสบการณ์ทำงานที่นายเก่า สนับสนุนให้กลายเป็นคงกล้าคิดกล้าถามมากขึ้น
นี่พิมพ์ไป ยังแอบตกใจเหมือนกัน ว่าเราพึ่งถูกฝึกให้กล้าคิดกล้าถามตอนโตหรอฟระเนี่ย แต่มันก็เป็นความกล้าจนเคยมีหลายคนมาถามว่าจบมหาวิทยาลัยจากประเทศไหนหรอ 😅... เกษตรศาสตร์เนี่ยแหละค่ะ ...ต้องขอบคุณนายเก่าจริง ๆ ค่ะ
กลับมาพูดถึงเรื่องลูกบ้าง จากวันที่แม่หมีเรียนจบ เอาระดับมหาวิทยาลัยเลยก็ได้ จนมาถึงรุ่นจอมทัพ ระยะเวลาประมาณ 17 ปี สิ่งที่แม่หมีได้พบและสัมผัส คือ ช่องว่างระหว่างวิธีการสอนและหลักสูตรการสอนของโรงเรียนหลักสูตรไทยกับนานาชาติ มันช่างต่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
เราพบว่าเด็กที่เรียนโรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่ (ขีดเส้นใต้คำว่าส่วนใหญ่นะคะ) กล้าพูด กล้าแสดงออก กล้าที่จะลงมือทำอะไรใหม่ ๆ ขณะที่เด็กโรงเรียนหลักสูตรไทย หรือหลักสูตรลูกครึ่งส่วนใหญ่ (ขีดเส้นใต้อีกที) กลับยังคงต้องท่องจำ เขียนตามกระดาน และดำเนินตามสิ่งที่คุณครูสอนทุกอย่าง
อย่างจอมทัพเรียนหลักสูตร EP ทุกวันนี้ แม่หมียังได้ยินลูกท่อง 1+1 เป็น 2 2+2 เป็น 4 ...อยู่เลย
ซึ่งมันคือวิธีการสอนเดียวกันกับเมื่อ 30 ปีก่อนที่แม่หมีเจอมา จนที่บ้าน คือ แม่ อาม่า ปะป๊า ต้องมานั่งสอนความเข้าใจให้เค้า ...เอาจริง ๆ แม่หมีบอกลูกไปด้วยว่า ให้เค้าไปบอกครูว่าสมัยนี้มีเครื่องคิดเลขนะ 🤣 แต่เอาน่ะ สมองมันต้องคณิตคิดเร็วได้เองบ้าง
เข้าใจได้อยู่ค่ะ
วิธีการเลี้ยงที่แม่หมีเอาไปใช้กับจอมทัพเพื่อฝึกให้เค้าเป็นคนกล้าคิดกล้าทำ คือ
1. "ฟัง" เราต้องรู้จักฟังเวลาลูกพูดอย่างตั้งใจ วางมือถือ จ้องตา มองหน้าลูก อย่างสนใจ ไม่ใช่หูทวนลม...ลูกรู้นะจ๊ะ
2. "เปิดประเด็นให้มีการพูดคุย" คือ ตั้งคำถามให้เค้ากลับไปคิดต่อเสมอ ๆ จากเรื่องที่เค้าเล่า หรือจากนิทานที่กำลังอ่านกัน เค้าคิดว่าทำไมเรื่องนี้ ถึงเป็นแบบนั้น หรือ ถ้าไม่ใช่แบบนี้ หนูคิดว่า มันจะเป็นแบบไหนได้บ้าง
3. "ให้ลูกเป็นผู้นำ" บางเรื่องเราปล่อยให้เค้าลองผิดลองถูก โดยการให้เค้านำ ให้เค้าตัดสินใจ ให้ช่วยเหลือตัวเอง วิธีนี้ นอกจากที่เค้าจะกล้าแล้ว เค้ายังจะได้เรียนรู้ถึงผลของการตัดสินใจด้วย
4. "ยกหู" ข้อนี้ แล้วแต่บ้านเลยนะคะ 😆 แม่หมียกคุยกับครูประจำชั้นลูกก่อนเปิดเทอมทุกครั้ง เพื่อบอกเค้าว่าเราต้องการให้เค้าดูแลลูกเรา ทรีตลูกเราแบบไหน เช่น เรื่องจอมทัพใช้ได้ 2 มือ ไม่จำเป็นต้องไปบังคับเค้าให้ใช้แค่มือขวา นอกจากนี้ ระหว่างทางก็ แม่หมียกหูไม่ก็ไลน์คุยโดยตรงกับครูตลอด ขณะที่ ก็กลับมาถามไถ่ลูกถึงโรงเรียนแต่ละวันด้วย
5. "ไม่เบื่อที่จะตอบคำถามลูก" แต่หากเป็นคำถามซ้ำ ๆ แล้วเราตอบไปเกิน 10 ครั้ง แล้ว แทนที่จะบอกลูกว่าเลิกถามซักที รำคาญ ให้ลองเปลี่ยนเป็นว่า หนูลองคิดทบทวนดูหน่อยว่าพ่อ แม่ ตอบว่าอะไรไปนะเมื่อครู่
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
แม่หมี เพจ #เลี้ยงลูกง่ายๆสไตล์ฉัน
#เลี้ยงลูกเชิงบวก ลูกไม่บวกแม่บวกเองจ้าา
โฆษณา