26 ก.ย. 2022 เวลา 04:00 • ไอที & แก็ดเจ็ต
การจัดนิทรรศการและงานแสดงในอีก 10 ปีข้างหน้า จะเน้นเรื่องการนำคุณค่าของมนุษย์เป็นศูนย์กลางและการนำเทคโนโลยีมาใช้สื่อสาร เพื่อสร้างความบันเทิง และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ชม ด้วยเทคโนโลยีที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีการจัดการอีเวนต์ การจดจำใบหน้าอัจฉริยะ หุ่นยนต์บริการ และแชทบอทจะกลายเป็นมาตรฐานในการจัดอีเวนต์ ที่คาดว่าตลาดอุตสาหกรรมนี้จะเติบโต 11% ระหว่างปี ค.ศ. 2016 - 2026 และนี่คือ 5 เทรนด์ที่จะขับเคลื่อนงานอีเวนต์และการออกแบบนิทรรศการในอนาคต
1. การเชื่อมต่อกับพฤติกรรมผู้บริโภคตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล
ผู้จัดการแสดง หรือนิทรรศการต่างๆ จะสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมและเข้าถึงได้ง่าย เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเรียนรู้ของเครื่องจักร รวมไปถึงการประมวลผลภาษาจะมีความสำคัญมากขึ้น มีการกำหนดเป้าหมายต่อผู้ชมอย่างเหมาะสม โดยใช้ระบบการจัดการข้อมูลเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านั้น
2. ประสบการณ์เสมือนจริง
ถึงแม้คำว่าเมตาเวิร์สจะกลายเป็นคำศัพท์ที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบันและอนาคต แต่ก็ต้องยอมรับว่าโลกเสมือนจริง เช่น VR, AR, MX จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจและประสบการณ์การชื่นชมพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการของผู้เข้าชม
ภายในปี ค.ศ. 2030 เป็นที่ชัดเจนว่าอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับประสาทสัมผัสหรือความพร้อมทางเทคโนโลยีของภาพ เสียง กลิ่น รส และสัมผัส จะถูกส่งผ่านจากอุปกรณ์ดิจิทัลไปยังผู้ใช้ เช่น ชุด Haptic ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสจากนิทรรศการ และในไม่ช้า อุปกรณ์อย่างเช่นแว่น VR หรือ AR ก็จะเล็กลงและแพร่หลายมากขึ้น
3
ในขณะที่โลกกำลังมุ่งหน้าไปสู่เครื่องมือที่สุดท้ายจะกลายเป็นของที่มองไม่เห็น ผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสประสบการณ์ผ่านทุกประสาทสัมผัสอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าการสัมผัสนั้นจะเกิดขึ้นด้วยประสาทสัมผัสของตนเองหรือเทคโนโลยีเซนเซอร์ก็ตาม
โดย 71% ของนักออกแบบอีเวนต์จะขยับมาใช้กลยุทธ์ดิจิทัล และ 97% ของนักการตลาดมืออาชีพคาดว่าจะเห็นการจัดอีเวนต์แบบผสมระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือนมากขึ้น โดยมี 67% ยังระบุว่าการจัดงานแบบไฮบริดจะเป็นอนาคตของการจัดอีเวนต์ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมนักการตลาดถึง 66% กล่าวว่าพวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้การออกแบบประสบการณ์งานอีเวนต์ดิจิทัลเพื่อเตรียมพร้อมในอนาคต
3. การสร้างปฏิสัมพันธ์แบบโต้ตอบและการมีส่วนร่วมผ่านเกม
นอกจากประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสแล้ว การออกแบบนิทรรศการยังต้องการการมีส่วนร่วมจากผู้ชมมากกว่าที่เคย ดังนั้น การทำสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นเกม (Gamification) และพื้นที่จัดแสดงแบบโต้ตอบ (Interactive exhibition) และการแสดงผลตอบสนองได้ จึงเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนอย่างยิ่งของแนวคิดดังกล่าว อย่างที่กล่าวไปข้างต้น
เทคโนโลยีโลกเสมือนจะยิ่งความท้าทายต่อที่จะเชิญชวนให้ผู้คนมาเยี่ยมชมเกมสเตชันที่จัดในนิทรรศการ ซึ่งจะเป็นวิธีที่ทำให้สามารถชักชวนให้ผู้คนมาเยี่ยมชม และสามารถสร้างประสบการณ์ความบันเทิงให้ผู้คนมาเยี่ยมชมได้มากขึ้น
4. สุขภาพและความปลอดภัย
ในช่วงการระบาดใหญ่ ผู้จัดงานถึง 62% กังวลเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมมากที่สุด ในทำนองเดียวกัน 58% ของผู้ตอบแบบสำรวจซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปก็มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในกิจกรรมแแบบออฟไลน์ ดังนั้นการจัดแสดงทั้งในปัจจุบันและอนาคตจึงจำเป็นต้องสร้างประสบการณ์ที่ปลอดภัยสำหรับผู้มาเยือน โดย 39% ของผู้วางแผนงานกล่าวว่าพวกเขาต้องการให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนต้องหลักฐานแสดงการฉีดวัคซีนโควิดก่อนเข้าร่วมงานอีเวนต์
2
5. ความยั่งยืน
ประเด็นเรื่องความยั่งยืนซึ่งจะเป็นความท้าทายใหญ่ในการจัดงานจัดแสดงต่างๆ เพราะส่วนมากมักเป็นการแสดงสินค้าแบบชั่วคราว อย่างไรก็ตามผู้จัดอีเวนต์ทั่วโลกก็พยายามลดขยะให้เหลือน้อยที่สุด และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้มากขึ้น โดย 83% ของผู้เชี่ยวชาญด้านงานอีเวนต์กล่าวว่าองค์กรของตนคำนึงถึงความยั่งยืนตั้งแต่ขั้นตอนวางแผนงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดกระดาษและมาตรการประหยัดพลังงานและการลดการสร้างขยะ
นัยยะสำคัญที่มีต่ออนาคต:
- การจัดนิทรรศการในอนาคตจะถูกออกแบบให้การซื้อขายสามารถทำได้ง่ายขึ้น ราบรื่นขึ้น และน่าดึงดูดใจมากขึ้น โดยเป็นส่วนหนึ่งและเป็นเนื้อเดียวกับการเข้ามนิทรรศการทั้งหมด
- แม้จะมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีมากเพียงใด ผู้ชมก็จะยังคงแสวงหาประสบการณ์การค้นพบที่เกินกว่าที่คาดหวัง ความท้าทายต่อไปจึงไม่ใช่การนำอุปกรณ์ VR หรือ AR มาใช้ในนิทรรศการ แต่เพื่อสร้างการเล่าเรื่องและสื่อสารข้อความที่จรรโลงใจให้ส่งไปถึงยังผู้ชม
อ้างอิงจาก
อยากรู้จักเรามากขึ้น คลิก www.futuretaleslab.com หรือติดตามที่ https://web.facebook.com/FutureTalesLABbyMQDC
#FutureTalesLAB #FuturePossible #FutureUpdate #FutureofPlay #Museum #Exhibition #MQDC
โฆษณา