27 ก.ย. 2022 เวลา 07:15 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
บันทึกของ อลัน ริคแมน เผย เจ้าตัวเกือบถอนตัวจากแฟรนไชส์ Harry Potter แต่ตัดสินใจอยู่ต่อ เพราะเรื่องราวของสเนป
หนึ่งในบทบาทที่ผู้คนมักจะจำเกี่ยวกับ อลัน ริคแมน ได้ ก็คือศาสตราจารย์ เซเวอรัส สเนป จากหนังชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีบทบาทมาตั้งแต่ภาคแรก จนกลายเป็นตัวละครที่มีภูมิหลังสำคัญยิ่งยวดในภาคจบและกลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีคนรักมากที่สุดในแฟรนไชส์หนังนั้น
แต่ล่าสุดจากรายงานของ The Guardian ที่ได้นำส่วนหนึ่งของบันทึกส่วนตัวที่อลัน ริคแมน เป็นผู้บันทึกเองอย่าง Madly, Deeply: The Alan Rickman Diaries มาเปิดเผย ซึ่งในนั้น ก็บันทึกไว้ซึ่งกิจวัตรประจำวัน รวมถึงความรู้สึกในแต่ละวันของเขา ตั้งแต่ปี 2001 ถึง 2011
ซึ่งก็รวมถึงความรู้สึกของริคแมนที่มีต่อหนัง Harry Potter ในแต่ละภาค โดยเฉพาะความคิดที่ เจ้าตัวเกือบจะถอนตัวจากแฟรนไชส์ Harry Potter หลังเสร็จสิ้นการถ่ายทำภาคสอง แต่ตัดสินใจอยู่ต่อ เพราะเรื่องราวของสเนปในภาคหลัง ๆ ครับ
9 มกราคม 2002 : “ลองวัดตัวสำหรับเสื้อผ้าในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ อีกครั้ง การต้องสวมชุดมันเป็นอย่างหนึ่งที่จำเป็น”
14 มกราคม 2002 : “Harry Potter 2 เข้ากอง 6.50 น. (เขียนไดอารี่นี้ ช่วง-ลืม-ตา-ตื่น ตอนตีสอง) ดีใจที่ได้พบพวกเขาทั้งหมดอีกครั้ง แต่เหมือนฝันไปเลย เสมือนว่ามันจะไม่มีวันหยุด และทำเป็นพูดเล่น คงไม่มีวันหยุดแน่ และไม่น่าจะด้วย”
“ริชาร์ด แฮร์ริส (ศ.ดัมเบิลดอร์) เป็นไข้หวัดใหญ่ ถึงคิวสำคัญที่ต้องให้ แม็กกี้ สมิธ (ศ.มักกอลนากัล) หุ้มหน้าเธอด้วยผ้าพันคอ”
“เหนื่อยแบบสายตัวแทบขาดพอถึงเวลาเลิกกอง บางทีการนอนได้แค่ชั่วโมงเดียวก็ไม่พอ กลับไปยังโรงแรมเพื่อกินแซนวิช, ขนมทอดกรอบ, ไวน์แดง, แรงดึงดูด และนอนลงบนเตียง”
4 ธันวาคม 2002 : “เพิ่งได้คุยกับเอเจนท์อย่าง พอล ลีออน-มาริส เกี่ยวกับการถอนตัวออกจากหนังแฮร์รี่ ซึ่งเขาเองก็เดาได้ว่าจะเกิดขึ้น และเราก็มาอยู่ในจุดที่โครงการกำลังจะล่มอีกแล้ว ไม่ต้องดัดแปลงหนังสือแฮร์รี่อีกแล้วนะ ไม่มีใครอยากดูหรอก”
กระนั้นเอง แม้เจ้าตัวจะแสดงออกถึงความคิดไม่อยากจะกลับมารับบทนี้ต่อ แต่ท้ายที่สุด ตามบันทึก ริคแมน ก็กลับมาแสดงและเข้ากองร่วมแสดงในภาคที่สามอย่าง Harry Potter and the Prisoner of Azkaban อีกในเดือนเมษายนปี 2003 ซึ่งถึงแม้จะมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีในกอง จากการที่จอภาพหล่นลงมากระแทกหัวริคแมน จนผู้กำกับ ฯ อัลฟองโซ กัวรอง “หัวเสียอย่างเงียบ ๆ” จนทั้งคู่ต้องปรับความเข้าใจกันนอกกอง
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อครั้งหนังฉายรอบปฐมทัศน์ ริคแมน ก็กล่าวชื่นชมในตัวงานด้วยว่า กัวรอง ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม และหนังดูโตขึ้นและกล้าหาญขึ้นมาก และความเป็นศิลปินและนักเล่าเรื่องก็ปรากฎขึ้นในทุกเฟรมของหนัง
จนกระทั่งในปี 2005 ซึ่ง ริคแมน ตรวจพบอาการมะเร็งต่อมลูกหมากที่ลุกลามบานปลาย และเขาก็เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดนำต่อมลูกหมากออก และต้องเข้ารับการรักษาอาการข้างเคียงหลังจากนั้นเป็นต้นมา แต่ ริคแมน ก็ยังคงรับบทเซเวอรัสในแฟรนไชส์แฮร์รี่ต่อไป ซึ่งเหตุผลข้อใหญ่ก็คือ เรื่องราวของตัวละครของเซเวอรัส สเนป ครับ
30 มกราคม 2006 : “ในที่สุด เพิ่งตอบตกลงเล่นแฮร์รี่ภาค 5 ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกดีใจหรือเสียใจเลย ส่วนเหตุผลข้อหนึ่งที่ซื้อใจผมได้ก็คือ ‘ลองดูให้ดี ๆ นี่คือเรื่องราวของคุณ’“
20 กรกฎาคม 2007 (วันวางแผงหนังสือ Harry Potter and the Deathly Hallow วันแรก) : “23.15 น. ณ ทันบริดจ์ เวลส์ แอนด์ วอเตอร์สโตนส์ ผมเดาเอาว่าน่าจะมีสัก 20 – 30 คนมารอในตอนเที่ยงคืน แต่จริง ๆ แล้วน่าจะมีสัก 300 – 400 คนเลยล่ะ และแถวก็เลื่อนไปช้ามาก
ผมยืนรอมาร่วมชั่วโมงและก็ใกล้จะวางแผง ผมเลยไปหารปภ.ที่ดูเป็นมิตร ‘คุณได้อ่านหนังสือหรือยัง?’ ยัง ‘คุณได้ดูหนังบ้างไหม?’ ดูสักภาคนี่แหล่ะ ‘ผมได้แสดงด้วยนะ’ จริงด้วย! เดี๋ยวแถวพังหมดแน่ ถ้าผมยังต้องไปต่อ ‘เดี๋ยวผมเรียกผู้จัดการให้'”
“(ผู้จัดการมาถึง) ‘อ้าว สวัสดี!'”
27 กรกฎาคม 2007 : “..ผมเพิ่งอ่านหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาคสุดท้ายจบไป และสเนปก็ตายเยี่ยงวีรบุรุษ พอตเตอร์ได้บรรยายเรื่องราวของเขาให้ลูก ๆ ฟัง ในฐานะชายที่กล้าหาญที่สุดที่เขาเคยรู้จัก ก่อนจะเรียกชื่อลูกเขา อัลบัส เซเวอรัส ซึ่งนี่ ถือเป็นพิธีกรรมเปลี่ยนผ่านโดยแท้ ข้อมูลชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งจาก โจ (เจเค) โรว์ลิ่ง เมื่อ 7 ปีก่อน ที่ว่า สเนปรักลิลี่ นั้น ได้มอบความรู้สึกที่ยึดเหนี่ยวผมเอาไว้กับเรื่องราวนี้”
ซึ่งจากนั้นเอง ที่ทำให้ ริคแมน ทราบถึงมูลเหตุของตัวละครทั้งหมด โดยหากย้อนไปในบันทึกที่ริคแมนเขียนใน 2000 ถึงช่วงเวลาแรกที่เขาได้พูดคุยกับ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ถึงภูมิหลังคร่าว ๆ ของตัวละคร และนั่นทำให้เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับรู้เรื่องราว รวมถึงบทสรุปของตัวละครเซเวอรัส สเนป ก่อนใคร
7 ตุลาคม 2000 : “ได้คุยกับ โจแอนน์ โรว์ลิ่ง อีกแล้ว เธอดูจะประหม่าหน่อย ๆ ที่ปล่อยให้ผมได้ล่วงรู้ถึงภูมิหลังบางส่วนของสเนป การได้พูดคุยกับเธอ เหมือนได้พูดคุยกับใครสักคนที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเรื่องราวนี้ ไม่ใช่ประดิษฐ์มันออกมา เธอเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ พร่ำบอกด้วยคำอย่าง ‘คือ ตอนเขายังเด็ก คุณจะเป็นแบบนั้น แบบนี้ แบบโน้น และก็มีสิ่งนี้เกิดขึ้น’ แต่ไม่เคยมีคำแบบ ‘ฉันอย่างให้แบบนั้นแบบนี้’ ออกมาเลย”
ทั้งนี้หลังเวลาล่วงเลยมาจนถึงภาคสุดท้ายอย่าง Harry Potter and the Deathly Hallow ซึ่งถูกแบ่งเป็นสองภาค ริคแมนก็ได้บันทึกไว้ตลอด ทั้งฉากตายของสเนป การได้ร่วมทำงานกับไมเคิล แกมบอน และถกกันเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความจำและต้องท่องบทของแกมบอน จนมาถึงวันสุดท้ายของการถ่ายทำที่ ริคแมน บันทึกเอาไว้ว่า แดเนียล แรดคลิฟ น่าจะช็อคถึงช่วงเวลาสุดท้ายในกองถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ แน่นอน
7 กรกฎาคม 2011 : Harry Potter 7 ภาค 2. ทุกอย่างสิ้นสุด “จากจัตุรัสทราฟัลการ์ ซึ่งต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมง เมื่อไปถึง พรมแดงก็อยู่แทบทุกที่ จอภาพ พื้นยกระดับ นักข่าว รวมถึงผู้คนที่ส่งเสียงกู่ร้องและร้องเพลง ‘สเนป, สเนป, เซเวอรัส สเนป..’ และเหล่าผู้คนก็กรูเข้าไปในโรงภาพยนตร์แลงเชสเตอร์สแควร์เพื่อชมภาพยนตร์ในตอนสองทุ่ม “
“ผมพบว่า ผมทนดูฉากนั้นแทบไม่ได้ เพราะมันต้องเปลี่ยนกระแสในการลำดับเรื่องระหว่างทาง เพื่อเล่าเรื่องของสเนป และมุมกล้องก็สูญเสียซึ่งสมาธิไป แต่อย่างไรก็ดี ผู้ชมมีความสุขมาก”
ทั้งนี้ยังคงสามารถรับชม Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ได้ในโรงภาพยนตร์และทาง HBO Go ครับ
#HarryPotter #AlanRickman
โฆษณา