28 ก.ย. 2022 เวลา 23:53 • สุขภาพ
มะเร็งร้ายที่ต้องยอมรัก จนกว่าจะถึงวัน ที่ตัดจากกัน
บ้างก็ว่ามันคือส่วนหนึ่งของพันธุกรรมมนุษย์ที่รอวันก่อกำเนิดเมื่อสิ่งกระตุ้นและเวลาอันสมควรได้จวนมาถึง ด้วยวัยหนุ่มสาวส่วนใหญ่แล้ว กลไกของเซลล์ในร่างกายมีกำลังมากพอที่จะฆ่าเซลล์กลายพันธ์ุเหล่านี้ให้ตายจากหายกันไปได้เองตามธรรมชาติ
ในขณะที่เมื่อเข้าสู่วัยชราแล้วอำนาจในการกำจัดเซลล์ร้ายเหล่านี้ย่อมเสื่อมตามสภาพทางกายและกำลังใจที่ถดถอยร่อยลงตามกาลของประสบการณ์แห่งชีวิต
แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าทุกคนล้วนต้องจบเส้นทางลงด้วยการฆาตกรรมตนเองด้วยเซลล์กลายพันธุ์ในตนเองเช่นนี้เหมือนกันหมดเสียทุกรายไป
ชีวิตมีหนทางของมัน และแต่ละคนก็ต่างมีประสบการณ์ด้านสุขภาพที่แตกต่างกัน
สำหรับคนที่ผ่านการชำแหละโดยนักบุญที่เราเรียกว่าหมอผ่านพิธีกรรมที่เรียกว่า “การผ่าตัด” หลายครั้งแล้ว การวินิจฉัยพบว่ามีเซลล์มะเร็งที่จับตัวเป็นก้อน เติบโตเป็นระยะแล้ว พลังของจิตใจคงไม่คิดจะสู้ต่อ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตซ่อนเร้นนี้จะอยู่ระยะใดก็ตาม
ชายชราที่เรียกว่าพ่อคนนี้นั้น ผ่านวิกฤติชีวิตมามากแล้ว ครั้งหนึ่งเคยล้มในห้องน้ำยามดึก เพราะเลือดออกในช่องท้องมากเกินไป เนื่องจากทานยาละลายเลือดและอาจจะทานยาอื่นร่วมด้วยจนเกิดปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดบาดแผลและเลือดไหลออกมาในช่องท้องไม่หยุดโดยไม่รู้ตัว
สุดท้ายล้มลงไปนอนคว่ำ แต่ดีว่าแค่มีปากที่แตกนิดหน่อย ไม่มีส่วนใดของร่างกายที่บาดเจ็บรุนแรง
ครั้นเมื่อถึงห้องฉุกเฉินหัตถการเร่งด่วนที่ต้องทำคือต้องดันน้ำที่เรียกว่าเลือดเสียในช่องท้องออกกลับออกมาทางปากให้มากที่สุด แม้ไม่ต้องปาดมีดเลยสักรอยในร่าง แต่นั้นก็เป็นครั้งแรกที่ทรมานที่สุดแล้วในชีวิตของผู้เคราะห์ร้ายทางการแพทย์
เสียงอาเจียนดังออกมาไม่หยุดหย่อน คนรอข้างนอกก็ได้แต่ฟังแล้วรอ
จนแพทย์ออกมาบอกว่า ของเหลวยังดำเนินออกมาไม่หมดเพราะเลือดออกเยอมากและคนไข้ตัวใหญ่ บวกกับระยะเวลาที่เลือดไหลออกนั้นน่าจะตั้งแต่บ่ายหรือเช้า จนถึงตีสองของอีกวัน
ที่เจ็บต่ออีกนิดหน่อยคือเมื่ออาการคงที่แล้ว เลือดเสียไม่มีแล้ว ต้องส่องกล้องหาแผล ส่องทางปากโดนมอมยาสลบ ยาชา ยาสารพัด แล้วนอนพักในโรงพยาบาลเพื่อให้เลือดดีกลับเข้าร่างกาย
นั่นคือครั้งแรกที่ทุกคนตระหนักแล้วว่า ช่วงวัยที่เรียกหามันได้ส่งสัญญาณบอก ให้ดูแลภาชนะแห่งชีวิตนี้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่ตนเองจะมีความสุขอยู่กับมันได้
พิธีกรรมชำแหละครั้งที่สอง คือการผ่านตัดเสริมเหล็กตามข้อกระดูกสองข้อตรงตำแหน่งบั้นท้าย
แม้พิธีกรรมแรกจะเตือนแล้ว แต่ครั้งนี้อาการปวดหลังเดินลำบากก็แสดงมานานแล้วสองถึงสามปี แต่เจ้าของร่างก็ยังมองหาวิธีการอื่นๆ เช่น การนวดบำบัด การฝังเข็ม การทานสมุนไพร ด้วยหวังว่าคมเฉือนจะไม่ต้องมากรีดที่อวัยวะของร่างตรงส่วนใดอีก พยายามเลี่ยงอยู่หลายปี ปรึกษาแพทย์ประจำตัวหลายครั้ง แม้แพทย์นักบุญจะยืนยันแล้ว ว่าจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิธีกรรมแห่งการชำแหละแล้วแทรกเหล็กเข้าไปที่ข้อกระดูกก็ตาม
แต่ก็ยังทำใจยากและยังคงเลื่อนวันที่ควรต้องมาถึงออกไปเรื่อยๆ จนเมื่อวัตถุเดินได้แห่งชีวิตเริ่มจะกลายเป็นวัตถุที่ขับเคลื่อนด้วยพลังชีวิตภายในไม่ได้แล้ว แม้ใจอยากจะก้าวเดินต่อ แต่มันไม่ยินยอมให้ก้าวเดินไป
จึงปรึกษาเพื่อนพ้องแล้วก็เริ่มเชื่อมั่นว่า เพื่อนๆ ที่เคยผ่านพิธีกรรมเช่นนี้มา ก็ล้วนกลับมาใช้ชีวิตปกติเช่นกัน และที่สำคัญ “ไม่มีใครตายเลย” เพราะพิธีกรรมเสริมกระดูกที่ว่านี้ จึงตัดสินใจกับแพทย์ว่ายอมแล้วที่จะส่งตัวเองเข้าห้องผ่าตัด
การผ่าตัดดำเนินไปด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยประสบการณ์ในพิธีการเช่นนี้กับการแทรกโครงเหล็กไทเทเนียมให้กับผู้ป่วยหลายร้อยหลายพันราย
แต่เจ้าของร่างก็ไม่ได้เชื่อมั่นอะไร ยังคงกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิด ว่าตนจะต้องผ่านกระบวนการแบบเดิมอีกแล้ว และอาจจะแย่กว่าเดิม ซึ่งแน่นอน ครั้งนี้ผ่าตัดใหญ่ ต้องเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนเข้านอน ตัวต้องนอนคว่ำ ปากยัดท่อ หน้าสวมที่รมควันยาสลบ แล้วนอนตัวคนเดียวใน ICU อยู่หนึ่งวัน ออกมาแล้วยังต้องนอนเป็นผักอีก 7 วัน
แต่ทว่าในความเป็นจริงใจยังสู้คิดว่าชีวิตตนหลังผ่าแล้วยังดีอยู่ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ไม่ใช่ของที่ตนจะยอมรับในเรื่องนั้นได้ กลับเดินได้ ไปเข้าห้องน้ำได้ภายในเวลาแค่วันหรือสองวัน
เอาเป็นว่าในครั้งนี้ตนเอาชนะผ้าอ้อมผู้ใหญ่ได้ ไม่อายเพื่อนอายใครว่าจะต้องขับถ่ายคาเตียงเหมือนคนที่มีขัยอายุที่มากกว่าตนหรือเท่ากับตน
ชีวิตดำเนินไปอีกห้าหรือหกปีด้วยไขสันหลังเสริมเหล็กที่ทำให้เจ้าของร่างเคลื่อนไหวได้เป็นเหมือนจะปกติ กลับมาเดินได้ดี ขับรถได้เอง ไปสังสรรค์กับเพื่อนได้ แม้อาจจะไม่คล่องแคล่วเหมือนก่อน แต่ชีวิตก็ดีกว่าเดิมเยอะ
จนเมื่อสองสามปี (หรือาจจะสี่) ที่ผ่านมา ร่างมันก็ดื้อด้านเหมือนว่าจะเกิดอะไรแปลกๆ ท้องไส้ปั่นปวนอยู่บ่อยๆ ขับถ่ายผิดรูปแบบ เหมือนว่าลำไส้แปรปรวน
ได้แต่ปรึกษาแพทย์อายุรกรรมเรื่อยๆ แล้วได้แต่ยาที่รักษาไปตามอาการ จนมันเกิดบ่อยขึ้น จนค้างคาและค่อยๆ เริ่มจะพิจารณาถึงปัจจัยที่น่าจะเป็นได้
ก็คือเนื้องอกหรือมะเร็ง
แต่ใจกลัว ยังไม่พร้อมรับความจริง ยังคงพบแพทย์ เจาะเลือด ตรวจตามแบบเดิมๆ ไม่ยอมให้แพทย์ส่งตัวเข้าสู่กระบวนการของแพทย์ทางเดินอาหารและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
จนสุดๆ แล้วร้องขอให้แพทย์ประจำส่งต่อไปแพทย์อายุรกรรมทางเดินอาหาร แล้วใจก็รอลุ้นระหว่างรอหน้าห้องแพทย์ว่า อย่าเลยอย่าให้มันเกิดตามที่คิดไว้เลย ขอเป็นแค่ลำไส้แปรปรวนก็พอ
สิทธิ์ของคนไข้เองที่จะคิดหรือหวังเลือกโรคที่จะเป็นได้ แต่ผลเลือดกับกับคำวินิจฉัยอันศักดิ์สิทธิ์ของแพทย์คงปฏิเสธไม่ได้ มันคงต้องขัดใจความอยากเลือกของคนไข้ไม่มากก็น้อย
จุดเริ่มต้นมันเกิดขึ้นตรงนี้ เมื่อเข้าสู่การส่องกล้องตัวจิ๋วผ่านทุกช่องทางของระบบทางเดินอาหาร เพื่อบันทึกหาจุดบกพร่องของทางเดินอาหาร
คราวนี้ต้องงดอาหารที่ชอบ อะไรที่ไม่ใช่ก็ต้องอดต้องงด เหลือแต่ของเหลวที่กินได้ ทั้งก่อนและหลังส่องกล้องแล้วตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ คนป่วยต้องกิน นั่นคือเรื่องที่เราต้องยอมรับมัน เพื่อให้ร่างกายมีแรง จะนมผสมสารอาหารเสริม หรืออาหารเหลวก็เถิด
อย่างไรเสียก็ต้องกินเข้าไป และควรจะต้องกินให้มากกว่าอาหารปกติด้วย แต่คนป่วยนี้ใจเสียแบบพังทลายไปแล้ว กินอะไรก้กินแบบกันตาย พอแค่นอนอยู่ได้ไม่หมดลมหายใจ แล้วก้บ่นว่าหมดแรง พาลหมดกำลังใจ ซึ่งจริงๆ แล้วมันมาจากการหมดอาลัยตายอยากหมดพลังทางใจที่จะไปต่อกับภาชนะแห่งชีวิตที่โรยรานี้แล้วต่างหาก
จิตใจคือเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่สู้ คนรอบข้างใกล้ชิดก็ช่วยเตรียมอาหารบ่อยกว่าสามมื้อ แต่ก็ยังทานยาก ไม่ฝืนทาน
ตั้งแต่วันที่เริ่มส่องกล้องและตัดชิ้นเนื้อไปจนถึงวันรอฟังผลจากแพทย์ ชีวิตก็จืดชืดปานข้าวบดเละเป็นโจ๊ก ไร้สีสันไม่มีรสชาตขาดความจรรโลงแห่งชีวิต ใจตนนั้นคิดไปแล้วว่าจะต้องกินแบบนี้ไปจนวันตาย ขอไม่กินเลยแล้วตายทันทีเสียดีกว่าจะได้ไม่ทรมาน
เมื่อวันพิพากษาแห่งพิธีกรรมทางกานแพทย์มาถึง ผลก็ออกมา แต่ไม่มีใครอยากจะรับทราบทั้งทางการมองและทางการได้ยิน
ผู้เป็นแม่และภริยาเองก็ยังไม่กล้าดูฟิล์มที่ถ่ายมา แต่ในฐานะญาติเจ้าของไข้เพียงคนเดียว เราเองก็ต้องเข้าไปรับทราบเมื่อถึงคิวที่แพทย์ต้องแจ้งให้ญาติรับทราบ
ว่าผลส่องกล้องยืนยันพร้อมกับผลเลือดรอบล่าสุดนั้น บ่งชี้แล้วว่าเป็นเซลล์กลายพันธุ์ที่ฝังร่างอยู่ในภาชนะชีวิตนี้จนเติบใหญ่เกินระยะ 1 ตามนิยามที่แพทย์เขาเรียกกัน (กี่ระยะก็ช่างมันเถิด ระหว่าง 1 ถึง 4 มันก็มีจุดทศนิยมอีกมากมายเป็นอนันต์ มันจะเป็นระยะ 2.0 หรือระยะ 2.222 หรือจะระยะ 2.9999 มันก็เป็นไป แล้วแต่คนเราจะเรียกมัน)
แต่คนไข้เองปลิดปลิวไปแล้วกับความรู้สึก ออกจากห้องแพทย์ที่แจ้งว่า ทำอะไรไม่ได้แล้ว รักษาในหน่วยนี้ก็แค่ตามอาการ ต้องส่งตัวไปศูนย์ศัลยกรรมกับแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น
เท่านั้นเอง คนป่วยคงคิดไปเองแล้ว ว่ามันทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ
ที่ต้องทำคือไปคุยกับแพทย์ที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัด CANCER ที่ตำแหน่ง Sigmoid ต่างหาก พิธีกรรมยังไม่ได้เริ่มเลย ตนก็เอาใจไปฝากที่ริมน้ำแห่งมรณาแล้ว เรื่องแค่เริ่มต้นก็หมดใจ แล้วยังไงล่ะที่จะไปต่อ
วันนี้แค่รอไปพบแพทย์นักบุญที่เคยขับไล่เซลล์กลายพันธุ์พวกนี้ออกจากตำแหน่ง Sigmoid ไปหลายเคสแล้วต่างหาก แค่รอจากเมื่อวานที่ศูนย์ศัลยกรรมแจ้งว่าแพทย์เฉพาะทางเข้าเร็วสุดก็คือวันนี้ เพียง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา คนป่วยที่กายยังปกติ ไม่เจ็บไม่ร้อน กลับทุกข์ร้อนเหมือนไฟนรกมาเยือดในลำไส้แล้วก็ไม่ปาน
อย่างไรเสีย มันก็ต้องชำแหละ แขวะ และตัด แต่ระหว่างนี้ก็ต้องปรึกษากับแพทย์ไปก่อน ร่วมมือกันแพทย์ คนป่วย และญาติ แต่เมื่อคนป่วยไม่ยอมทานอะไรเข้าไปบ้างที่ทำให้มีแรง บวกกับใจที่เปราะบาง มันก็ยากที่จะร่วมมือกัน
ยังเหลือผลตรวจอีกหลายอย่างที่ต้องรอยยืนยันก่อนจะเริ่มลงอาวุธทางการแพทย์ วันนี้ปรึกษากับแพทย์แล้ว ก็ยังคงต้องเตรียมอาหารเหลวอาหารอ่อนต่อไปอีกจนกว่าวันพิพากษาแห่งการชำแหละจะมาถึง
สำหรับคนป่วยมะเร็งลำไส้แล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีแค่โภชนบำบัดเท่านั้น คัดสรรอาหารและแร่ธาตุที่จำเป็น รวมทั้งบำรุงเลือดให้อยู่ในภาวะที่พร้อมจะรับการผ่า ตัด และเย็บกลับคืน แค่นั้น รอคอยและคาดหวังรอยเย็บที่จะคืนรอยยิ้มให้แก่คนป่วยอีกครั้งในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้ ในพิธีกรรมนี้
หวังว่าใจของผู้ป่วยคงไม่ทำลายภาชนะชีวิตที่ตนต้องรับผิดชอบ จนมันไม่รับหรือตอบสนองต่อการรักษาใดๆ เลยจริงๆ หวังว่าเวลาที่จะผ่านต่อไป คงไม่ใช่นาฬิการะเบิดเวลาหรือนาฬิกาทราบที่นับถอยหลัง แต่หวังเสมอว่ามันควรจะต้องเป็นนาฬิกาจับเวลาเริ่มต้นเส้นทางใหม่ของชีวิตเสียมากกว่า.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา