8 ต.ค. 2022 เวลา 00:00 • ปรัชญา
สายทางแห่งอู๋เหวย
1
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
2
นิยายจีนกำลังภายในหลายเรื่องพูดถึงวิชาสี่ตำลึงปาดพันชั่ง (四两拨千斤) คือหลักอ่อนพิชิตแข็ง ใช้แรงน้อยกว่าเอาชนะแรงมากกว่า
1
ตัวละครนิยายกำลังภายในของโก้วเล้งก็ใช้หลักการนี้ ฆ่าศัตรูโดยออกแรงน้อยที่สุด หากใช้กระบวนท่าเดียวฆ่าศัตรูได้ ก็จะไม่มีวันเปลืองแรง ออกกระบวนท่าที่สอง
2
มันเป็นทั้ง energy conservation และ minimalism!
กีฬายูโดก็ใช้หลักคล้ายกัน ยูโดแปลตรงตัวว่า สายทางอ่อนโยน (the gentle way)
การต่อสู้แบบนี้ไม่ใช้แรงมาก แต่ถ่ายแรงคู่ต่อสู้ไปหาคู่ต่อสู้เอง ใช้แรงน้อยที่สุดเพื่อผลมากที่สุด
หากคิดว่านี่เป็นไอเดียของคนแต่งนิยายเพ้อฝัน ก็อาจต้องคิดใหม่ เพราะหลักคิดแบบนี้มีมานานมาก อย่างน้อยที่สุดปรมาจารย์เต๋า ท่านเล่าจื๊อ ก็พูดมานานสองพันกว่าปีแล้ว
1
เต๋าเป็นปรัชญาที่ใช้ได้ทั้งในการชีวิตและศาสตร์อื่นๆ แม้แต่การเมือง การแพทย์ ฮวงจุ้ย โหราศาสตร์ วิทยายุทธ์
หลักการเรื่องหนึ่งของเต๋าที่คนเข้าใจผิดกันมากที่สุดคือ อู๋เหวย (無為)
1
อู๋แปลว่า ไม่มี เหวย แปลว่าการกระทำ
แปลตรงตัวว่าไม่มีการกระทำ (non action) ก็มีคนตีความหมายว่า เต๋าสอนให้ไม่ต้องทำอะไร หรือสอนให้เฉื่อยชา
1
แต่ความหมายนี้เพี้ยนไปมาก
ถ้าเช่นนั้นอู๋เหวยคืออะไรกันแน่? ทำไมท่านเล่าจื๊อจึงชอบเน้นหลักการนี้?
ตลอดอารยธรรมมนุษย์ โลกเราชื่นชมคนทำงานมาก คนที่ยุ่งตลอดเวลา (ไม่ว่าจะทำงานมากแต่ได้งานน้อยหรือไม่) เราไม่ชอบคนอยู่เฉยๆ เพราะคนอยู่เฉยๆ นั้น “ไร้ค่า” เราไม่ชอบคนที่ไม่ทำอะไร เพราะพวกนี้ “ขี้เกียจ”
1
แต่อู๋เหวยในทางเต๋าไม่ได้หมายถึงนอนขี้เกียจอยู่เฉยๆ คนละเรื่อง!
อู๋เหวยมิได้แปลว่าไม่ทำอะไรหรือไม่มีการกระทำ (non action) แต่เป็นการกระทำที่ไม่มีความตั้งใจ (action without intention หรือ effortless action)
ลัทธิเต๋าก่อตั้งโดยเล่าจื๊อ เขียนเป็นคัมภีร์ชื่อ เต๋าเต๋อจิง (道德經)
เต๋า แปลตรงตัวว่า ทาง (ภาษาอังกฤษน่าจะใช้คำว่า course มากกว่า way เพราะ way หมายถึงถนนหนทาง ทิศทาง จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ส่วน course คือหนทาง ช่วงทาง การดำเนินไปของเหตุการณ์)
1
เต๋อ = คุณธรรม
จิง = คัมภีร์
แปลแบบหยาบๆ ก็ประมาณว่าคัมภีร์ของการเดินทางที่ดี
การเดินทางในที่นี้ไม่ใช่ journey แต่หมายถึงการไหล (flow) ไปตามทางที่เหมาะสม ชีวิตจะเต็มหากเดินไปตาม ‘ทาง’
เต๋ามักใช้น้ำเป็นสัญลักษณ์หรืออุปมาของ ‘ทาง’ ที่ไหลไปเรื่อยๆ
เล่าจื๊อ
น้ำมักไหลไปตามทางที่มีการต่อต้านน้อยที่สุด มันอ่อนที่สุด แต่ก็สามารถแข็งที่สุด มันตัดไม่ขาดด้วยคมมีด
3
เราไม่อาจเก็บสายลมที่กำลังพัดใส่ในกล่อง หรือใส่น้ำไหลในกล่อง เพราะใส่เมื่อไร มันก็ไม่ใช่สายลม ไม่ใช่น้ำไหล
1
เต๋าก็คือ ‘flow’ ของชีวิต
ไปแบบเรียบๆ เงียบๆ ไม่โฉ่งฉ่าง ไม่ฝืน ไม่มีแรงต้าน ไม่ออกแรง ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติของมัน โดยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เสแสร้ง
เหมือนที่กวีจีนโบราณว่า การเดินเข้าป่า ไม่ขยับเขยื้อนใบหญ้าสักใบ เดินทวนน้ำ ก็จะไม่เกิดริ้วคลื่น ใช้ชีวิตแบบธรรมดา
1
หรือถ้าเป็นคนมีคุณธรรม ก็จะไม่แสดงคุณธรรมให้เห็น
1
หลักของเล่าจื๊อคือการพยายามไม่เปลี่ยนแปลงอะไร แต่ไหลไปกับสายน้ำของความเปลี่ยนแปลง เป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำชีวิต ไม่ขัดขวางการไหลของธรรมชาติ เพราะธรรมชาติมีทางของมันเอง
2
เหมือนการเต้นรำ เรากลายเป็นการเต้นรำ เหมือนเพลง เรากลายเป็นบทเพลง
1
ดังนั้นด้วยหลักอู๋เหวย เวลาร้องเพลง จะไม่พยายามร้องเพลง แค่นึกถึงทำนองและเนื้อร้อง แล้วปล่อยให้เพลงไหลออกมาเอง ถ้านักแสดงเล่นหนังหรือละคร ก็จะเล่นแบบไม่ ‘เฟก’ ไม่มีการฝืน ลื่นไหลไปตามธรรมชาติของการเล่น
2
นี่ก็คือสายทางแห่งอู๋เหวย ไม่ฝืน ไปแบบธรรมดา ง่ายๆ ไม่หักหาญ ไปกับสายน้ำเสมอ ไม่ทวนน้ำ เราไม่ทวนน้ำ เพราะสู้แรงน้ำไม่ได้
1
เมื่อเดินเรือเจอคลื่น อย่าให้คลื่นซัดข้าง เดินเรือเข้าหาคลื่นเลย มันเป็นทางที่ไม่ฝืน
1
หากเป็นเรือ อู๋เหวยก็คือศิลปะการเดินเรือ ไม่ใช่การออกแรงพายเรือ เพราะการเดินเรือไม่จำเป็นต้องพายอย่างเดียว บางทีในจังหวะที่เหมาะสม ก็สามารถใช้ประโยชน์จากลมได้
4
ชาวประมงสมัยก่อนใช้ลมบกกับลมทะเลพาออกจากฝั่งและเข้าฝั่ง ลมบกและลมทะเลเกิดจากความร้อนซึ่งแตกต่างกันระหว่างทะเลกับแผ่นดิน โดยอากาศร้อนจะลอยขึ้น อากาศเย็นลอยเข้าแทนที่ ส่วนลมที่พัดจากทะเลเรียกว่า ลมทะเล เกิดขึ้นในตอนบ่ายและเย็น ส่วนลมบกเกิดขึ้นในตอนกลางคืน พัดจากบกออกทะเล
1
เมื่อใช้ลมช่วย ก็ไม่ต้องออกแรงพายเรือเอง
เต๋ามักสังเกตธรรมชาติ และทำตามธรรมชาติ
หากทำไร่ ก็ทำตอนฤดูกาลพร้อม การปลูกพืช ก็แค่เฝ้าดูมัน ให้มันงอกเอง ถือเวลาเก็บเกี่ยวก็ลงมือ เพราะการปลูกต้นไม้โดยฝืนธรรมชาติ รีบๆ ทำให้ยิ่งฝืนธรรมชาติ เพราะไม่ว่าเราจะก้าวหน้าแค่ไหนในทางวิทยาการ ชีวิตเราก็ยังต้องเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ พืชก็คือธรรมชาติ เราหนีไม่ได้
1
เต๋าบอกว่าไม่ต้องไปยุ่งกับการไหลของโลก โลกปกครองตัวมันเองได้ ธรรมชาติจัดการทุกอย่างโดยไม่เร่งรีบ
1
นิทานเซนมักมีเรื่องของศิษย์เซนอยากบรรลุธรรมเร็วๆ ถามอาจารย์ว่า ถ้าเขามาเป็นศิษย์ที่วัดนี้แล้ว จะใช้เวลานานเท่าไรที่จะบรรลุธรรม
2
อาจารย์ตอบว่า “สิบปี”
“ถ้าข้าฯฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ฝึกเซนหนักเป็นสองเท่า จะใช้เวลานานเท่าใดเพื่อบรรลุธรรม”
1
อาจารย์ตอบว่า “ยี่สิบปี”
ยิ่งรีบยิ่งช้า เรื่องบางเรื่องเร่งไม่ได้
2
เหมือนสายน้ำ มันไหลไปด้วยความเร็วเช่นนั้น เพราะมันเป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น ไม่ควรไปฝืนบังคับ หรือควบคุม
เล่าจื๊อจึงกล่าวว่า จงอย่าไปควบคุมโลก มันคุมไม่ได้
1
น้ำไหล ก็ให้มันไหล ไม่ต้องไปขวาง
ชีวิตมีพายุใหญ่เสมอ อย่าไปต้านมัน แต่จงลอยไปกับมัน
2
หลักอู๋เหวยใช้ได้กับแทบทุกเรื่องในชีวิต ยกตัวอย่าง เช่น ยูโด
ยูโดก็คือการใช้แรงเมื่อถึงจุดที่ต้องใช้แรง เมื่อคู่ต่อสู้ออกแรงถึงจุดที่ไม่สมดุล เราจู่โจมได้
1
นั่นคือออกแรงหรือ ‘กระทำ’ เมื่อถึงจุดนั้น ไม่ก่อน ไม่หลัง
อู๋เหวยคือการรู้ว่าเมื่อไรเราจะ ‘กระทำ’ เมื่อไรควรอยู่นิ่ง
2
นิ่งสยบเคลื่อนไหว ไม่ใช่นิ่งรอความตาย
อู๋เหวยก็คือสภาวะที่ใช้พลังงานน้อยที่สุด แต่ได้ผลมากที่สุด
แม้แต่ในการทำสมาธิก็สามารถใช้หลักอู๋เหวย อย่าพยายามทำสมาธิ แค่ให้ปอดหายใจตามที่มันอยากหายใจ ไม่ฝืน ปล่อยความคิดให้ไหลไป ไม่ต้องห้าม ไม่ต้องกดมัน ไม่มีจุดหมายที่ต้องไปถึง อยู่กับชั่วยามนี้ และปล่อยชีวิตให้ไหลไปทีละชั่วขณะ ไม่ฝืน ไม่กดดัน ไม่เร่ง ทำให้จิตอยู่กับปัจจุบันขณะเสมอ
3
ในเรื่องการเมืองก็ใช้หลักอู๋เหวยได้เช่นกัน
ขงจื๊อมีศิษย์เอกคนหนึ่งชื่อ เหยียนหุย (顏回) ตำนานเล่าว่าวันหนึ่งเหยียนหุยไปลาอาจารย์ บอกว่าจะไปช่วยรัฐเหว่ยที่ผู้ปกครองเลวร้าย
อาจารย์ได้ยินแล้วก็ส่ายหัว บอกว่าอย่าไป
1
ขงจื๊อว่า “หากเจ้าไม่เข้าใจความคิดของคน แล้วปรากฏตัวต่อหน้าทรราช บังคับให้เขาฟังคำเทศน์ของเจ้าเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกต้อง มาตรฐานต่างๆ มันก็เหมือนให้จุดเลวร้ายของคนอื่นเพื่อขับเน้นจุดดีของเจ้า”
วิธีการไม่พยายามรื้อระบบโลก แต่หาทางอยู่กับโลกอย่างที่เป็น ก็คือหลักของปรัชญา Stoicism
เหยียนหุยถาม “ถ้าเช่นนั้นศิษย์ควรทำเช่นไร?”
ขงจื๊อเสนออีกทาง คือศึกษาแคว้นนั้นและผู้ปกครอง แล้วเข้าใจ และยื่นมือช่วยดีกว่าไปเลกเชอร์
2
ขงจื๊อกับเหยียนหุย (ภาพจาก Screenshot / YouTube)
การต้านอาจกระทำในรูปของการไม่ออกแรงที่สวนทางกับอู๋เหวย
ประวัติศาสตร์โลกเต็มไปด้วยการต่อต้านอำนาจรัฐโดยการต้านหรือทำตรงข้ามทุกอย่าง นี่ไม่ใช่วิธีของอู๋เหวย
สมัยหนึ่งลัทธิคอมมิวนิสต์ต้องการจะ “เปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้น” และพยายามจะเปลี่ยนโลกทั้งใบให้เป็นคอมมิวนิสต์
ในมุมของอู๋เหวย รัฐที่ดีย่อมปกครองโดยไม่ฝืน รัฐที่มีอู๋เหวยคือการอยู่อย่างกลมกลืน ไม่ฝืน เหมือนสายน้ำที่ไหลช้าๆ
1
เล่าจื๊อบอกว่า “เจ้าต้องการปกครองโลกหรือ เรามิคิดว่ามันกระทำได้ โลกเป็นเรือศักดิ์สิทธิ์ที่ควบคุมมิได้ เจ้าจะทำให้มันเลวร้ายลงถ้าเจ้าพยายาม มันจะหลุดจากง่ามนิ้วของเจ้าและหายไป”
 
(เต๋าเต๋อจิง บทที่ 29)
3
หลักการเล่าจื๊อก็มีบางส่วนคล้าย Stoicism จงมีความพอใจในสิ่งที่ตนมี รื่นรมย์กับชีวิตที่เป็นอยู่ เมื่อเราเห็นว่าเราไม่ขาดอะไร ก็จะมีความสงบสุข
3
จริงอยู่ บางเรื่องเราต้องการการทำงานหนัก แต่ถึงจะทำงานหนักก็สามารถทำแบบอ่อนโยนได้
2
เล่าจื๊อกล่าวว่า เมื่อเราเข้าสู่อู๋เหวย จะไม่มีอะไรที่ไม่กระทำ (nothing will be left undone)
เอาละ หลักอู๋เหวยฟังดูน่าจะดี แต่เล่าจื๊อพูดเรื่องนี้เมื่อสองพันกว่าปีก่อน เราจะใช้อู๋เหวยกับชีวิตปัจจุบันอย่างไร?
คุณทำอย่างไรเวลามีเดทกับสาวหรือหนุ่มคนหนึ่ง? หลายคนเตรียมตัวมากเกินไป คิดมาก่อนล่วงหน้าว่าจะพูดอย่างไร แต่งตัวอย่างไร ฯลฯ เพื่อประทับใจอีกฝ่ายหนึ่ง จนมันไม่ใช่ตัวเรา เดทกลายเป็น ‘พรีเซ็นเตชัน’ กลายเป็นความเสแสร้งไปโดยไม่ตั้งใจ และเป็นเรื่องไม่สนุก
2
ถ้าใช้หลักอู๋เหวยก็ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง เป็นอย่างที่เป็น
เล่าจื๊อสอนให้เราเป็นท่อนไม้ที่เป็นของมันอย่างนั้น ไม่ต้องไส ไม่เสแสร้ง เป็นตัวของตัวเอง
เล่าจื๊อเห็นว่า คนที่แคร์ว่าคนอื่นคิดถึงเราอย่างไร จะเป็นนักโทษของคนผู้นั้นไปตลอด
ระวังอย่าสร้างอัตตาขึ้นมาคลุมเรา
และสุดท้าย อย่าใช้อู๋เหวยโดยตั้งใจให้เป็นอู๋เหวย!
โฆษณา