3 ต.ค. 2022 เวลา 04:53 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ระเบียบโลกเก่า ขึ้นดอกเบี้ยลวงคนโลภ! ระเบียบโลกใหม่ เททิ้งดอลลาร์ช่วยชาวโลก
4
ปี 1944 ช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ค่าเงินดอลลาร์ผันผวนมากไม่มีความแน่นอน สหรัฐ จึงได้ทำข้อตกลงเบรตตัน วูดส์ (Bretton Woods agreement) คงที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรากำหนดให้ทองคำ 1 ออนซ์ = 35 ดอลลาร์ พอสิ้นสุดมหาสงคราม ยุโรปแทบหมดตัวไปตามๆ กัน หลายประเทศทั่วโลก จึงนำเงินท้องถิ่นตนเองมาผูกเทียบค่ากับดอลลาร์ จึงมีความต้องการเงินนี้จากทั่วโลกสูงขึ้น
5
ขณะนั้นสหรัฐ ยังรักษาข้อตกลงฯ พิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มโดยมีทองคำค้ำประกัน จึงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือเพราะดอลลาร์ย่อมมีคุณค่าเท่าทองคำ
ต่อมาทั่วโลกสะสมเงินดอลลาร์กันทวีคูณขึ้น สหรัฐ จึงหาทองคำมาค้ำประกันค่าเงินดอลลาร์ไม่ทันจึงคิดมุกใหม่ที่แยบยน คือ "ตั้งศูนย์รับฝากทองคำโลก Bullion" เป็นห้องนิรภัยมั่นคง Fort Knox รัฐเคนตักกี้
6
โดยสร้างระเบียบโลกให้กระทรวงการคลังชาติบริวารต่างๆ ซื้อทองคำแล้วนำไปฝากไว้ที่ศูนย์ฯ นี้อ้างว่าเพื่อความปลอดภัย โดยสหรัฐ รับประกันทองคำให้เองไม่ต้องกลัว เวลาแต่ละชาติจะพิมพ์เงินสกุลตนเองเพิ่มก็ใช้แต่ "บัญชีตัวเลขฝากทองคำ" นี้ค้ำประกันพิมพ์เงินได้เลย แต่ไม่ต้องขนทองคำไป-มา ทองคำทั่วโลกจึงไหลเข้าสหรัฐ แบบ One way แต่แทบไม่ไหลกลับออกไปเจ้าของทอง
7
ต่อมาสหรัฐ มุ่งแต่คุมระเบียบโลกขั้วเดียวทำสงครามใหญ่ไปทั่วกับสหภาพโซเวียติในแผ่นดินอื่น เช่น เกาหลี , เวียดนาม ฯลฯ ต้องพิมพ์เงินมาใช้จ่ายเมื่อทองคำตนเองหมด ก็แอบ "ยืมทองคำชาติอื่นที่ฝากไว้" มาค้ำประกันดอลลาร์ จนห้องฝากทองโล่งเหลือแต่บัญชีรับฝาก
10
จากนั้นมาสหรัฐ จึงดำน้ำพิมพ์เงินดอลลาร์ใช้เองขนานใหญ่โดยไม่มีทองคำค้ำประกัน เกิดอัตราเงินเฟ้อค่าเงินก็ด้อยค่าลง เศรษฐกิจ สหรัฐตกต่ำ ของแพงทั้งแผ่นดิน คนตกงาน ขาดดุลการค้า
ประธานาธิบดีริกชาร์ด นิกสัน แห่งสหรัฐ จึงประกาศฉีกข้อตกลงเบรตตัน วูดส์ (Bretton Woods agreement) ไม่ยอมผูกค่าเงินดอลลาร์กับทองคำดื้อๆ ชาติทั่วโลกที่เคยผูกเงินตนไว้กับดอลลาร์จึงพากันวินาศหายนะตามไปด้วยเป็นแถว ขอคืนทองคำที่ฝากไว้ สหรัฐ ก็โกรธ และบ่ายเบี่ยง ขู่จะคว่ำบาตรว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
5
ปี 1973 สหรัฐ ได้ตกลงกับซาอุดิอาระเบีย และชาติผลิตน้ำมัน ให้ขายเป็นสกุลดอลลาร์เท่านั้น (เรียกว่า เปโตรดอลลาร์) สหรัฐ จะรับประกันความมั่นคงขายอาวุธให้และจะมายืนเคียงข้างเสมอไม่ต้องกลัว
4
ทำให้ทั่วโลกที่จะซื้อน้ำมันดิบจากซาอุฯ และกลุ่มอาหรับ ถูกบีบให้นำเงินตนเองไปแลกซื้อดอลลาร์มาเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ หรือค้าขายสินค้าโภคภัณฑ์กับสหรัฐ เพื่อให้ได้เงินดอลลาร์เอามาจ่ายค่าน้ำมันดิบไปกลั่นใช้ เมื่อชาติใดแข็งข้อสหรัฐจะข่มขู่ด้วยการ "คว่ำบาตรทางการค้า" อ้างว่าไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ละเมิดสิทธิมนุษยชน
4
ปี 1979 ประเทศในยุโรปได้จัดตั้งกลไกอัตราแลกเปลี่ยนของยุโรป (ERM) โดยใช้สกุลเงิน Deutsche Mark ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง สหรัฐฯ กริ้วมากปล่อยข่าวกรองลวงยุยงว่า "เยอรมนี เป็นภัยคุกคามต่ออังกฤษ" จึงบังคับให้ถอนตัวจาก ERM
รัฐบาลอังกฤษพยายามพยุงค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่า จนหมดทุนสำรองต่างประเทศไปมูลค่า 26,900 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ไม่เป็นผล ยอมแพ้สหรัฐ ประกาศถอนตัวจาก ERM
3
นานาชาติทั่วโลกหวาดกลัวจึงพยายามขอคืนทองคำแท่งที่ฝากไว้จากสหรัฐ คืนมา แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ข่มขู่และบ่ายเบี่ยงมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ถ้ามีใครขอตรวจสอบทองคำในห้องนิรภัยว่ายังมีอยู่ครบจริงหรือไม่ ก็จะมีอันเป็นไปถูกยัดข้อหาจับกุมหรือเสียชีวิตปริศนา
เมื่อทวงทองกันมากๆ สหรัฐ ก็ก่อสงครามบุกปล้นทองคำจากคลังรัฐบาลอิรักที่มีมากมหาศาล ขนกลับบ้านไปเพื่อทะยอยคืนทองคำให้บางชาติ เช่น เยอรมนี 300 ตัน ฯลฯ
9
ปี 2019 สหรัฐ ประกาศศึกกับเจ้าชายราชวงศ์ซาอุฯ ทำให้สายสัมพันธ์ ซาอุฯ - สหรัฐ ขาดผึงข้อตกลงเปโตรดอลดาห์มาตั้งแต่บรรพบุรุษปี 1973 เป็นอันสิ้นสุดลง ซาอุฯ ได้หันมาขายน้ำมันเป็นเงินหยวนให้กับจีนถึง 25% มูลค่าการส่งออก
4
ปี 2022 รัสเซีย - จีน จับมือกันจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้วที่เป็นธรรม ทะยอยละทิ้งเทขายสินทรัพย์ดอลลาร์ และใช้เงินรูเบิล หยวน รูปี ค้าขายกันในกลุ่ม BRICS สัดส่วนเปโตรดอลลาห์ตลาดโลกจากกว่า 80% หล่นฮวบลงเหลือ 57%
ฉุดค่าเงินยูโร ปอนด์ และเงินสกุลอื่นที่ถือสินทรัพย์สำรองระหว่างประเทศไว้เป็นดอลลาร์อ่อนค่าและดิ่งลงไปเมื่อตีค่าเทียบกับดอลลาร์ แต่เงินรูเบิลกับสวนกระแสแข็งค่าขึ้น 20%
10
เมื่อปี 2020 สหรัฐ ทำ QE พิมพ์เงินออกมาไม่มีทองคำค้ำประกันแค่ในรอบ 2 ปีมากถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์ จนเกิดอัตราเงินเฟ้อพุ่ง , ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)นั้นพยายามแก้ปัญหาวิกฤติเงินเฟ้อในชาติที่ โดยทำ QT ดูดเงินจากระบบคืนเดือนละราว 1 แสนล้านดอลลาร์แล้วลบทิ้งทางบัญชี ประกาศขึ้นดอกเบี้ยถี่ยิบ "สร้างแรงจูงใจเทียม" ให้นักลงทุนที่โลภช่วยขนดอลลาร์ออกไปจากสหรัฐ
แลกกับผลตอบแทนดอกเบี้ยสูงลิ่วผิดปกติ หลักการคล้ายแชร์ลูกโซ่ที่เจ้ามือแชร์จะให้ดอกเบี้ยดาวรายชุดแรกๆ สูงจัด พอถึงดาวรายหลังๆ ก็ถูกหาเรื่องชักดาบ
6
ปี 2015 จีน เจ้าหนี้รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ เคยเทขายเงินทุนสำรองระหว่างประเทศถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อดันค่าเงินหยวน ปรับปรุงกลไกกำหนดราคาหยวน และรักษาค่าเงินให้มีเสถียรภาพในระดับที่สมเหตุสมผล
สร้างความขุ่นเคืองหัวร้อนแก่สหรัฐ ยุโรป อย่างมาก ที่ค่าเงินดอลลาร์ตกลงรุนแรง ช่วงปีนั้นค่าเงินบาทไทยจึงแข็งค่าและมีเสถียรภาพมากติด 1 ใน 10 ของโลก ราว 31 บาท/ดอลลาร์
7
ล่าสุดต้น ต.ค.2022 จีน ตระหนักถึงภัยการปั่น "ผลตอบแทนเทียม" จากการปั่นขึ้นดอกเบี้ยของดอลลาร์สหรัฐ ที่ผลตอบแทนดอกเบี้ยสูงผิดปกติจนไม่สมเหตุสมผล ขืนยังถือดอลลาร์ไว้มากจะเป็นเหยื่อทุบค่าเงินหยวนให้อ่อนค่า
จึงแจ้งด่วนไปยังบรรดาสถาบันการเงินของรัฐให้เตรียมเทขายดอลลาร์ที่ถือครองอยู่ คาดว่าจะมากมหาศาล สร้างความช็อคให้ตลาดเงินคล้ายปี 2015 ที่จีนทำมาแล้ว
7
ทางการจีนให้สถาบันการเงินของรัฐ พร้อมเก็บตุนสำรองเงินหยวนนอกประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ และเงินหยวนอ่อนค่า ช่วยชาติทั่วโลกที่กำลังเดือดร้อนจากค่าเงินท้องถิ่นแต่ละชาติอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์
นาทีนี้ชาติชาติเอเซีย อาเซียนใดถือสินทรัพย์เงินดอลลาร์ พันธบัตร ตราสารหนี้ ฯลฯ สหรัฐ ไว้มากค่าเงินสกุลตนเองจะดิ่งอ่อนค่าลงไปอีก ควรประกันความเสี่ยงโดยลดสัดส่วนเททิ้งเงินทุนสำรองดอลลาร์ออกไปให้เกินกึ่ง
4
แล้วเพิ่มสัดส่วนถือครองสินทรัพย์รูเบิล พันธบัตร รัสเซีย เพราะแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ก็กระจายความเสี่ยงแบ่งอีกส่วนไปถือครองเงินหยวน ที่คุณค่าเทียบทองคำ และซื่อสัตย์น่าเชื่อถือเครดิตดีมากกว่า
7
สรุป..ของฟรีไม่มีในโลก ดอลลาร์กระดาษไม่เทียบค่ากับทองคำจึงปั่นให้ดอกเบี้ยตอบแทนสูงเว่อร์ผิดธรรมชาติหลอกคนโลภ , แต่รูเบิล หยวน เทียบค่าทองคำจึงมีคุณค่าแท้จริงในตัวและดอกเบี้ยก็สมเหตุสมผลเดินทางสายกลาง
ความโลภเป็นที่มาของหายนะที่ประวัติศาสตร์โลกบันทึกไว้แล้วตลอดมา..สู้ต่อไป ชนะพวกปั่นค่าเงินแน่นอน 🥳🤗😁
9
ที่มา : RT news , reuters
#WorldUpdate
1
โฆษณา