ลูกค้าไม่อยากจ่ายเซอร์วิสชาร์จได้ไหม?
“ลูกค้าคือพระเจ้า” ไม่มีอีกแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ร่วมกันของลูกค้า และผู้ให้บริการร้านอาหาร แต่เมื่อไม่นานมานี้โลกโซเชียลมีการตั้งคำถามถึงการเก็บค่า “เซอร์วิสชาร์จ (Service Charge)” ที่ไม่เกิดความคุ้มค่าต่อบริการที่ได้รับกลับมา
ลูกค้าไม่อยากจ่ายเซอร์วิสชาร์จได้ไหม?
เซอร์วิสชาร์จคืออะไร?
เซอร์วิสชาร์จที่เป็นประเด็นในตอนนี้ คือค่าบริการที่ผู้ประกอบการขายสินค้านั้นๆ คิดเพิ่มจากผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการ เป็นรายได้ที่นำมาแบ่งให้แก่พนักงานบริการในแต่ละเดือน ถือเป็นรายได้ส่วนหนึ่งของพนักงาน
โดย ‘กรมการค้าภายใน’ ระบุไว้ว่าการการค้าภายในดูแลอัตราค่าบริการเซอร์วิส ชาร์จ ที่เป็นธรรมด้วย ซึ่งปกติจะเรียกเก็บที่อัตรา 10% ของมูลค่าอาหารที่ใช้บริการในแต่ละครั้ง แต่หากเรียกเก็บสูงเกินกว่านี้ อาจเข้าข่ายคิดค่าบริการสูงในอัตราเกินสมควร ซึ่งจะมีโทษปรับ 140,000 บาท จำคุก 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
แล้วลูกค้าไม่อยากจ่ายเซอร์วิสชาร์จได้ไหม?
ทีนี้อาจมีคำถามต่อไปว่า หากพนักงานให้บริการไม่เป็นที่พอใจ ลูกค้าสามารถค่าเซอร์วิสชาร์จได้ไหม ทาง ‘สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค’ ให้ข้อมูลว่า แม้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคจะไม่ได้พูดถึงเรื่อง เซอร์วิสชาร์จโดยตรง
แต่ก็มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมการค้าภายในคือประกาศ เรื่อง การต้องแสดงราคาสินค้าหรือบริการ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่ระบุว่า
ราคาสินค้าและบริการ ต้องแสดงราคาต่อหน่วย มีตัวเลขเป็นภาษาใดก็ได้ แต่ขอให้มีอารบิกอยู่ด้วย ทั้งนี้ ข้อความต้องเป็นภาษาไทย ในลักษณะที่เห็นชัดเจน เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย เพื่อจะแสดงให้ผู้บริโภคทราบก่อนการตัดสินใจที่จะเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการ สิ่งนี้คือหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจในการขายสินค้า ถ้าไม่มีแสดง หรือมีแต่อ่านไม่ชัด ไม่ครบถ้วนก็มีความผิด คือโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
โดยสรุป หากผู้ประกอบการแสดงความชัดเจนเรื่องเซอร์วิสชาร์จกับเราแล้ว เราก็ต้องชัดเจนในการตัดสินใจของตัวเองตั้งแต่เลือกเข้าร้านว่ายินดีจ่ายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคพบเห็นร้านเก็บเซอร์วิสชาร์จไม่เกิน 10% หรือไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่มีการชี้แจงที่สมเหตุสมผล รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนราคาสินค้า สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569 หรือ สายด่วน สคบ. 1166 ซึ่งนอกจากการแจ้งภาครัฐแล้ว มาตรการทางสังคม การเผยแพร่เรื่องราวหรือคำเตือนให้กับสังคมก็ถือเป็นสิ่งที่มีพลัง สร้างให้เกิดแรงกระเพื่อมไปถึงผู้ประกอบการให้ปรับตัวได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
ที่มา :
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
มาตรา 65 มาตรา 77/1(10) และมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร
กรมการค้าภายใน
อ่านเพิ่มเติม https://www.bangkokbiznews.com/health/1030378
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
