3 ต.ค. 2022 เวลา 14:33 • ข่าวรอบโลก
การฉ้อโกงรูปแบบใหม่
รายการ Planet Money ของ NPR ได้รายงานถึงการฉ้อโกงในรูปแบบใหม่ที่ดูเผิน ๆ ไม่เหมือนเป็นการฉ้อโกงเลย
เรื่องนี้เริ่มจากว่า มีสตรีผู้หนึ่งอยากซื้อ coffee pod ของ Nespresso แต่เห็นว่ามีราคาแพง เลยไปค้นหาใน ebay และพบว่า ราคา pod ที่ขายอยู่บน ebay มีราคาขายถูกกว่าเกือบครึ่ง และตอนที่สั่งก็คิดอยู่ว่าทำไมถึงถูก อาจจะเป็นของปลอม? อาจจะเป็นเพราะสั่งมาทีละเยอะ ๆ แล้วค่อยมาแบ่งขาย? หรือว่าเป็นของใกล้หมดอายุ?
แต่พอสั่งมาแล้ว ภายในไม่กี่วัน แทนที่จะได้ coffee pod อย่างที่สั่ง กลับได้ของมาเป็นกล่องใหญ่ แกะดู นอกจากมี coffee pod อย่างที่สั่ง กลับมีเครื่องชงกาแฟ Nespresso แถมมาด้วยทั้งเครื่องเสียอีก แล้วของนั้นก็ส่งมาโดยตรงจาก Nespresso เสียด้วย
เมื่อของที่ได้มัน too good to be true เธอจึงพยายามติดต่อไปหา Nespresso เพื่อที่จะพยายามคืนลาภที่ไม่ควรได้ แต่ก็ดูวุ่นวายมาก ๆ แต่ด้วยความสงสัย เธอจึงถามบริษัทเกี่ยวกับรายการซื้อ และพบว่ารายการที่สั่งกับ Nespresso นั้นเป็นรายการที่ดูปกติจริง ๆ จ่ายโดยบัตรเครดิตของชายคนหนึ่ง ให้มาส่งที่บ้านของเธอจริง ๆ
แต่ความสงสัยของเธอไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เธอลองสั่งรายการในลักษณะเดียวกันผ่าน ebay แต่เป็นเจ้าอื่นอีก และพบว่าเธอก็ได้ของมาเกินเกือบทุกครั้ง บางทีก็ได้เครื่องตีฟองนม บางทีก็ได้ coffee pod มากกว่าที่สั่ง จึงดูไม่ได้เหมือนเป็นเรื่องเสียหาย แต่จากการสั่งซื้อ และการสืบสวนของเธอ
1
จึงทำให้เกิดการตรวจสอบรายละเอียดขึ้น และพบว่ามีการทำแบบนี้มากมาย แต่ดูเหมือนว่าทุกคนได้ประโยชน์ ลูกค้าได้ของที่อยากได้ แถมมีของแถมมาด้วยดี ร้านค้าก็ขายของได้มากขึ้น แล้วการฉ้อโกงมันเกิดขึ้นตรงไหนล่ะ?
ปรากฏว่า บัตรที่เครดิตที่นำมาตัดรายการนั้นเป็นเลขบัตรเครดิตที่ถูกขโมยมา และนำมาใช้ซื้อสินค้า และบริการต่าง ๆ แต่แทนที่จะซื้อด้วยตัวเอง และทำให้ถูกจับได้ง่าย คนร้ายจึงเลือกมาเปิดบริการบน ebay เพื่อซื้อสินค้าและบริการโดยใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมาในการชำระค่าสินค้า ส่วนตัวเองก็ได้รับโอนเงินมาจากลูกค้า ซึ่งดูเหมือนเป็นธุรกรรมปกติ และลูกค้าก็มักจะให้คะแนนรีวิวดีเสียด้วย (เพราะได้ของแถม)
แต่เมื่อมีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนเสีย? คนแรกคงจะหนีไม่พ้นเจ้าของบัตร หากไม่ตรวจรายการ ก็คงจะจ่ายเงินไปโดยไม่รู้ ในกรณีที่ตรวจพบก็จะเคลมกับผู้ให้บริการบัตรเครดิต ส่วนผู้ให้บริการก็ไปเคลมเอากับร้านค้า ซึ่งหากร้านค้าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็มักจะปล่อยผ่านไป โดยไม่ได้ตรวจสอบ
กระบวนการนี้มักจะเลือกร้านค้าใหญ่ ๆ จำนวนมาก และกระจายคำสั่งซื้อให้กับลูกค้าที่บริสุทธิ์จำนวนมาก เพื่อทำให้ร้านค้าไม่ค่อยคุ้มที่จะทำการสืบสวน และป้องกันธุรกรรมเหล่านี้
ส่วนเจ้าของบัตรที่ถูกฉ้อโกง หากโทรไปถามร้านค้า ร้านค้าก็มักจะไม่เปิดเผยข้อมูลของธุรกรรมให้เจ้าของบัตรทราบ จึงยากที่จะโยงใยกลับไปถึงต้นตอของกระบวนการนี้ได้ง่าย ๆ
หากมีการขโมยเลขบัตรเครดิตในประเทศไทยกันครั้งใหญ่อีกครั้งเหมือนที่ผ่านมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ต้องระมัดระวัง หากตรวจพบรายการผิดปกติในลักษณะนี้ให้รีบแจ้งธนาคารเพื่อระงับบัตรทันที
โฆษณา