5 ต.ค. 2022 เวลา 02:00 • ปรัชญา
ก่อนตอบตกลง อย่าลืมคิดให้ถี่ถ้วน
-----------------------------------------------
มีใครบ้างที่เวลาเพื่อนชวนไปไหน ก็มักจะตอบตกลงเสมอ หรือมีบ้างหรือไม่ที่เวลาใครขอให้เราช่วยเหลือ ก็เลือกที่จะบอกว่า “ได้เลย ยินดีเสมอ” โดยที่ไม่สนใจว่าคำตอบนั้นมันจะกลับมาทำให้ตัวเองต้องลำบากใจในภายหลัง
อยากจะบอกว่าคุณไม่ใช่คนๆ เดียวบนโลกที่เลือกจะตอบตกลงไว้ก่อน เพราะอย่างน้อยๆ เมื่อตอนที่ผมยังเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ เวลาที่ใครชวนไปไหน ขอร้องให้ทำอะไร ผมมักจะตอบ “ได้เลย” ทั้งที่ในใจลึกๆ ก็อาจจะไม่ได้เต็มใจหรืออยากทำสิ่งนั้นด้วยซ้ำ
สาเหตุหลักๆ ที่เลือกตอบตกลงก็เพียงเพราะว่ากลัวคนอื่นจะมองว่าผมใจแคบ ไม่เห็นแก่ส่วนรวม หรือแม้กระทั่งจะเลิกคบหาและพูดคุยกันไปเลย
นอกจากนี้หลายครั้งที่เวลาใครถามขณะที่ผมทำงานว่า “ข้อมูลนี้ที่นายทำ เราขอเอาไปใช้ยันเป็นข้ออ้างอิงในห้องประชุมได้เลยใช่ไหม” ซึ่งแน่นอนคำตอบก็ คือ “ได้ ตกลงให้เอาไปใช้เลย”
ทั้งที่สถานการณ์จริงอาจเป็นแค่การเอาข้อมูลที่ผมทำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของผู้ถามโดยไม่ให้เครดิตอะไรเลย หรือแม้กระทั่งเอาไปใช้กล่าวอ้างเวลาเกิดปัญหา เพื่อที่ผู้ที่ขอจะไม่ต้องรับความเสี่ยง แถมยังทำให้คนอื่นๆ ที่รับรู้ข้อมูลจากคนๆ นั้นมองผมด้วยสายตาที่น่ากลัวและไม่เชื่อมั่นในการทำงาน
ตอนนั้นบอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยในเวลาที่ใครถามผมว่าทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ได้ไหม หรือพาเราไปที่นั่นที่นี่หน่อยสิ
ถามว่าผมชอบช่วยเหลือคนและอยากเห็นผู้อื่นมีความสุขไหม คำตอบ คือ แน่นอน
อย่างไรก็ตามบางครั้งผมก็อยากเพียงใช้เวลากับตัวเองบ้าง หรือไม่ต้องมานั่งแบกรับความคาดหวังจากใครบ้าง
การกลัวสายตาคนอื่นจะมองผมไม่ดีเวลาที่ตัวเองตอบคำว่า “ไม่” หรือ “ขอโทษนะ เราไม่สะดวกจริงๆ” มันกัดกินหัวใจมาเป็นเวลายาวนานมากๆ
จนกระทั่งวันหนึ่งที่เพื่อนสนิทชวนไปเที่ยวหรือดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งด้วยกัน และตัวเองก็ไม่ว่างจริงๆ สิ่งที่ผมทำในวันนั้นก็เพียงแค่ตอบกลับไปว่า “ขอโทษจริงๆ เพื่อน ครั้งนี้เราติดจริงๆ”
เชื่อไหมว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจ คือ เพื่อนคนนั้นตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรเพื่อน เดี๋ยวรอว่างในครั้งต่อไปก็ได้”
สุดท้ายเวลาผ่านไปเพื่อนคนนั้นก็ยังคอยชวนผมทำนู่นทำนี่ หรือไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง
ในมุมกลับกันหลายคนที่ผมมักจะตอบตกลงเวลาพวกเขาขอร้องให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พอวันหนึ่งที่บางคนก็ค่อยๆ หายไปหรือขาดการติดต่อจากกันไปเสียแล้ว
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางคนที่ยังคงรักษามิตรภาพและคอยช่วยเหลือผมในวันที่ร้องขอพวกเขาให้ช่วยเหลือหรือชวนให้ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันอยู่บ้าง
ผมว่าถ้าคนที่พยายามมองมุมของผู้อื่นแบบเข้าใจหรือเอาใจเขามาใส่ใจเรา จะไม่ไปมองใครในแง่ร้ายเวลาที่เขาปฏิเสธหรือตอบว่าไม่ตกลง แถมเผลอๆ ยังอาจจะกล่าวชื่นชมด้วยซ้ำที่เลือกบอกอะไรอย่างตรงไปตรงมาจนไม่ก่อให้เกิดการเสียเวลาหรือความรู้สึกกันในภายหลัง
ดังนั้นแล้วก่อนจะกล่าวตกลงกับสถานการณ์ใดๆ สิ่งที่ควรทำมีหลักๆ อยู่ 3 เรื่อง ได้แก่
1. พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าในสถานการณ์นั้นถ้าเราตอบตกลงไป ผลลัพธ์อะไรบ้างที่จะตามมาได้
2. ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากข้อ 1. เรายอมรับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ด้วยความเต็มใจและยินดีหรือไม่
3. ตัวของเราอยากตอบตกลงหรือทำตามสิ่งที่ผู้อื่นร้องขอจริงๆ หรือไม่
ถ้าคำตอบทั้งจากข้อ 1 2 และ 3 มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกพึงพอใจ การตอบปฏิเสธแบบนิ่มนวลย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุด แถมยังเป็นหนทางที่รักษาความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายได้ดียิ่งกว่าการฝืนใจทำในสิ่งไม่ใช่
หรือถ้าพลิกทุกแง่แล้วทั้ง 3 ข้อดังกล่าวเป็นจุดที่เรายอมรับได้และพึงพอใจจริงๆ เชื่อว่าการตอบว่า “ตกลง” หรือ “ใช่” ในเหตุการณ์นั้นมันย่อมสร้างพลังบวกให้เกิดขึ้นแก่ทุกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
📝 POTR
สามารถติดตาม Huatoa - หัวโต ได้อีกช่องทางบน
โฆษณา